วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ญาติผู้เสียชีวิตในต่างประเทศรับอัฐิไปบำเพ็ญการกุศล


นายนิเวช ศรีจันทะจร (คนกลาง) และญาติมารับอัฐิที่กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ

ญาติผู้เสียชีวิตในต่างประเทศรับอัฐิไปบำเพ็ญการกุศล

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2553 นายนิเวช ศรีจันทะจรบิดาของนายนรินทร์ ศรีจันทะจร แรงงานไทยวัย 32 ปีซึ่งเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี(เกาหลีใต้)เดินทางมารับอัฐิของบุตรชายเพื่อนำกลับไปบำเพ็ญการกุศลที่จังหวัดสกลนคร

พิธีมอบเงินชดเชยและเงินพึงได้แก่ทายาทผู้เสียชีวิต

ทายาทของนายณรงค์ อ่อนละเอียดรับเช็กเงินชดเชยและเงินอันพึงได้จากนางสาวมธุรพจนา อิทธะรงค์ รองอธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ


พิธีมอบเงินชดเชยและเงินพึงได้แก่ทายาทผู้เสียชีวิต


เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2553 เวลา 13.30 น.นางสาวมธุรพจนา อิทธะรงค์ รองอธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศได้มอบเช็กเงินชดเชยและเงินอันพึงได้แก่ทายาทของนายณรงค์ อ่อนละเอียดซึ่งเสียชีวิตระหว่างลาพักร้อนที่ประเทศไทยเมื่อวันทื่ 23 พฤษภาคม 2552

นายณรงค์ อ่อนละเอียดเดินทางไปทำงานที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อยู่กับบริษัท Wade Adams Contracting LLC เป็นเวลา 10 ปีกว่า ต่อมาได้ลาพักร้อนและเดินทางกลับประเทศไทยและได้เสียชีวิตในระหว่างลาพักร้อน สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบีได้ติดตามเงินชดเชยและเงินพึงได้ให้แก่ทายาทของนายณรงค์ฯเป็นผลสำเร็จ

วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

งานแสดงสินค้า Food & Hotel Arabia 2010



งานแสดงสินค้า Food & Hotel Arabia 2010

เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2553 เวลา 17.00 น. นายชาลี สกลวารี รักษาการกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจดดาห์ ได้เข้าร่วมในพิธีเปิดงานแสดงสินค้า Food & Hotel Arabia 2010 ณ ศูนย์แสดงสินค้าเมืองเจดดาห์ ซึ่งสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศเมืองเจดดาห์ โดยนายศิวะลักษณ์ นาคาบดี ผู้อำนวยการ สำนักงานฯ เป็นผู้ติดต่อประสานงานและอำนวยความสะดวก ทั้งนี้ มีนักธุรกิจไทยด้านอุตสาหกรรมอาหาร ข้าว ผลไม้ และเครื่องดื่มของไทย เข้าร่วมแสดงสินค้ารวม 16 บริษัท เพื่อเผยแพร่สินค้าไทยสู่ตลาดซาอุดีอาระเบียและประเทศใกล้เคียง

ภายในงาน รักษาการกงสุลใหญ่ฯ ได้เข้าเยี่ยมชมบูธแสดงสินค้าของไทย และพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับผู้ส่งออกไทยและผู้นำเข้าซาอุดีฯ เกี่ยวกับลู่ทางการขยายตลาดสินค้าไทยสู่ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งพบว่าสินค้าประเภทอาหารของไทยมีศักยภาพสูงในการแข่งขันและมีช่องทางที่จะเข้าสู่ตลาดซาอุดีอาระเบียได้อีกมาก และการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าของนักธุรกิจไทยในครั้งนี้เป็นการแนะนำเผยแพร่สินค้าและอุตสาหกรรมด้านอาหารของไทยสู่ตลาดซาอุดีฯ และประเทศตะวันออกกลางอื่นๆ ได้อย่างเป็นที่น่าพอใจ

ปัญหาคนไทยในต่างแดน

ดร.อุทัย อาทิเวช อัยการผู้เชี่ยวชาญมอบของที่ระลึกให้กับวิทยากรนางบุญสม วัฒนปาณี นักการทูตชำนาญการพิเศษ
นายวิชญะ ปุตระเศรณี รองอธิบดีอัยการฝ่ายช่วยเหลือทางกฎหมาย ดร.อุทัย อาทิเวช อัยการผู้เชี่ยวชาญ ปฏิบัติราชการในหน้าที่อัยการพิเศษฝ่ายคุ้มครองสิทธิประชาชนระหว่างประเทศ นายประวัติ วีรกุล อัยการอาวุโส ร่วมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับนางบุญสม วัฒนปาณี นักการทูตชำนาญการพิเศษ และนายสุวิทย์ สุทธิจิระพันธ์ นักการทูตชำนาญการ วิทยากรจากกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์ ของคนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ
คุณบุญสม วัฒนปาณี นักการทูตชำนาญการพิเศษและนายสุวิทย์ สุทธิจิระพันธ์ นักการทูตชำนาญการ
วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เสวนาเรื่อง
ปัญหาของคนไทยในต่างแดน โดยมี ดร.อุทัย อาทิเวช เป็นผู้ดำเนินรายการ
ปัญหาคนไทยในต่างแดน


เมื่อวันจ้นทร์ที่ 17 พฤษภาคม 2553 ระหว่างเวลา 13.00 - 16.00 น. คุณบุญสม วัฒนปาณี เจ้าหน้าที่การทูตชำนาญการพิเศษ ปฏิบัติราชการแทนผู้อำนวยการกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เป็นวิทยากรรับเชิญไปอภิปรายหัวข้อปัญหาของคนไทยในต่างแดนในการสัมมนา"งานคุ้มครองสิทธิประชาชนระหว่างประเทศและสิทธิมนุษยชนศึกษา" จัดโดยสำนักงานอัยการสูงสุด ที่โรงแรมอมารี ออร์คิด รีสอร์ท แอนด์ทาวเวอร์ พัทยา โดยผู้เข้ารับการสัมมนาเป็นข้าราชการอัยการชั้น 3 จากทั่วประเทศจำนวน 105 คนที่ปฏิบัติหน้าที่ในการช่วยเหลือทางกฎหมาย การให้คำปรึกษาและเผยแพร่กฎหมายแก่ประชาชน

การอภิปรายในหัวข้อดังกล่าวมีขอบเขตครอบคลุม (1) สภาพและปริมาณปัญหาของคนไทยและชุมชนไทยที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ (2) ความร่วมมือในการทำงานแบบบูรณาการระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือคนไทยในต่างแดน

สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจดดาห์ จัดการเลือกตั้งประธานชมรมชาวไทยฯ คนใหม่

คุณชาลี สกลวารี รักษาการกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจดดาห์ (ซ้ายมือ) กล่าวแสดงความยินดีต่อคุณโดรุแม วาแม ผู้ชนะการเลือกตั้งประธานชมรมไทยในภาคตะวันตกของประเทศซาอุดีอาระเบียคนใหม่
บรรยากาศการนับคะแนนภายหลังปิดหีบเลือกตั้ง

สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจดดาห์ จัดการเลือกตั้งประธานชมรมชาวไทยฯ คนใหม่

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม 2553 ระหว่างเวลา 19.00 – 00.30 น. สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจดดาห์ ร่วมกับสำนักงานแรงงานเจดดาห์ และสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศเมืองเจดดาห์ ได้จัดให้มีการเลือกตั้งประธานชมรมชาวไทยในภาคตะวันตกของประเทศซาอุดีอาระเบียคนใหม่แทนคนเก่าซึ่งครบวาระ

ชาวไทยที่พำนักอยู่ในเมืองเจดดาห์ มักกะห์ และตาอีฟ จำนวนประมาณ 1,500 คน เดินทางไปลงคะแนนที่สถานกงสุลใหญ่ฯ โดยมีผู้สมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ จำนวน 3 คน ผลการนับคะแนนปรากฏว่า นายโดรุแม วาแม ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานชมรมชาวไทยฯ คนใหม่ด้วยคะแนน 599 เสียง ตามมาด้วยนายอนันต์ แวหะยี ด้วยคะแนน 444 เสียง และนายสมศักดิ์ ชุ่มชื่น ด้วยคะแนน 279 เสียง

นายชาลี สกลวารี รักษาการกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจดดาห์ ได้แนะนำตัวต่อชุมชนชาวไทยในโอกาสที่เพิ่งเดินทางเข้ารับหน้าที่ พร้อมกับเป็นสักขีพยานในการลงคะแนนเลือกตั้งฯ ทั้งนี้ นายชาลีฯ ได้กล่าวแสดงความยินดีต่อนายโดรุแมฯ ซึ่งจะเป็นตัวแทนของชมรมชาวไทยในภาคตะวันตกของประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนประมาณ 15,000 คน และแสดงความหวังว่าภายใต้การนำของนายโดรุแมฯจะมีความร่วมมือระหว่างสถานกงสุลใหญ่ฯ กับชมรมชาวไทยฯ และจะช่วยส่งเสริมความสมัครสมานสามัคคีระหว่างชุมชนไทยในภาคตะวันตกฯ โดยสถานกงสุลใหญ่ฯ มีความตั้งใจจะให้การสนับสนุนกิจกรรมต่างๆของชมรมชาวไทยฯ เพื่อสร้างความเข้มแข็งของชุมชนชาวไทยต่อไป

วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ภัยพิบัติจากพายุทอร์นาโดในจีน ไม่มีคนไทยเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ

ภัยพิบัติจากพายุทอร์นาโดในจีน ไม่มีคนไทยเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ


นายประสิทธิพร เวชย์ประสิทธิ์ รักษาการผู้อำนวยการกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศเปิดเผยว่า ตามที่เกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติจากพายุทอร์นาโดและพายุลูกเห็บที่เมื่องซุ่ยหัว (ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองฮาร์บินประมาณ 120 กิโลเมตร) ในมณฑลเฮยหลงเจียง ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2553 เวลาประมาณ 17.00 น. นั้น สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่งได้ประสานตรวจสอบกับสำนักงานต่างประเทศของมณฑลเฮยหลงเจียงแล้ว ได้รับแจ้งว่าไม่มีรายงานว่ามีคนไทยบาดเจ็บหรือเสียชีวิต


นายประสิทธิพรกล่าวว่าเหตุการณ์ภัยพิบัติดังกล่าวมีผู้เสียชีวิต 7 ราย ได้รับบาดเจ็บ 98 ราย และประชาชนจำนวน 3,684 คนต้องอพยพออกจากพื้นที่ภัยพิบัติ

วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

กรมการกงสุลเตือนนักท่องเที่ยวที่ประสงค์เดินทางไปประเทศเนปาล


กรมการกงสุลเตือนนักท่องเที่ยวที่ประสงค์เดินทางไปประเทศเนปาล


นายจักร บุญหลง อธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศได้แถลงเตือนนักท่องเที่ยวที่มีความประสงค์จะเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศเนปาลในระหว่างนี้ให้ตรวจสอบสถานการณ์ทางการเมืองก่อนเดินทางและนักท่องเที่ยวที่ประสงค์จะเดินทางไปตามลำพังไม่ผ่านบริษัททัวร์อาจพิจารณาเลื่อนการเดินทางออกไปก่อนเนื่องจากจะไม่ได้รับความสะดวกในการสัญจรไปมาในเนปาล ทั้งนี้เป็นผลจากการที่ พรรค UCPN-Maoist ได้จัดการชุมนุมประท้วงทั่วประเทศ (general strike)โดยไม่มีกำหนดสิ้นสุดมาตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2553 เพื่อกดดันให้นายกรัฐมนตรี M.K.Nepal ลาออกจากตำแหน่งและให้มีการจัดตั้งรัฐบาลสมานฉันท์แห่งชาติขึ้นบริหารประเทศแทนรัฐบาลปัจจุบัน

ผู้ประท้วงได้ปิดกั้นการจราจร เป็นผลให้ร้านค้า ตลาด สำนักงาน โรงงานอุตสาหกรรม และสถานศึกษาต้องปิดทำการ ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศอย่างรุนแรงโดยระบบเศรษฐกิจของเนปาลต้องสูญเสียรายได้เป็นมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐและประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาการขาดแคลนสินค้าอุปโภคบริโภค และขาดรายได้ โดยเฉพาะผู้ใช้แรงงานซึ่งเป็นผู้ที่มีรายได้รายวัน ในขณะที่ร้านค้า สถานศึกษา ธนาคาร บริษัทห้างร้านและสำนักงานต่างๆ ต้องปิดทำการ

ภาคการท่องเที่ยวซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของเนปาลได้รับผลกระทบจากการประท้วงอย่างหนักโดยจำนวนนักท่องเที่ยวนานาชาติที่เดินทางเข้าประเทศเนปาลผ่านสนามบินตรีภูวันในระหว่างที่มีการประท้วงนี้ลดลงร้อยละ 75 และหากการประท้วงยืดเยื้อต่อไป คาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะลดลงอีกมาก อย่างไรก็ดีสายการบินต่างประเทศในเนปาลจำนวน 25 สายยังคงเปิดทำการบินตามปกติ โดยยังไม่ได้ลดเที่ยวบินลง แม้ว่าจะมีจำนวนผู้โดยสารลดน้อยลงมาก

ต่อมาเมื่อค่ำวันที่ 7 พฤษภาคม 2553 พรรค UCPN-Maoist ได้ตัดสินใจยุติการประท้วงทั่วประเทศโดยให้เหตุผลว่าเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการประท้วงทั่วประเทศดังกล่าว และไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงจากการปะทะกันของกลุ่มผู้ประท้วงกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ และระหว่างผู้ประท้วงกับประชาชนซึ่งเริ่มขยายตัวมากขึ้น อย่างไรก็ดีพรรคฯจะยังจัดการเดินขบวนในกรุงกาฐมัณฑุและเมืองต่างๆทั่วประเทศเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลลาออกในวันที่ 8 พฤษภาคม 2553 และจะจัดชุมนุมประท้วงบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 9 พฤษภาคม 2553 ซึ่งเป็นวันที่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีกำหนดแล้วเสร็จ

สาเหตุสำคัญที่ทำให้พรรค UCPN-Maoist ยอมยุติการประท้วงทั่วประเทศเนื่องจากได้รับแรงกดดันจากฝ่ายต่างๆ ทั้งจากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการปิดกั้นถนน และบังคับหยุดงาน จนเป็นเหตุให้มีการปะทะกันระหว่างประชาชนกับกลุ่มผู้ประท้วงในหลายจุดทั่วประเทศ รวมทั้งแรงกดดันจากคณะทูตและสำนักงานองค์การระหว่างประเทศในเนปาล กลุ่มประชาสังคม สภาหอการค้าและอุตสาหกรรม ซึ่งจัดการชุมนุมใหญ่เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2553 เพื่อเรียกร้องให้พรรค UCPN-Maoist ยุติการประท้วงและให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาวิกฤตทางการเมืองที่เกิดขึ้นโดยยึดหลักฉันทามติ

ขณะนี้สภาพโดยทั่วไปของกรุงกาฐมัณฑุและเมืองต่างๆทั่วประเทศเนปาลเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ โดยมีรถยนต์จำนวนมากสัญจรไปมาบนท้องถนน และร้านค้า ตลาด รวมทั้งสำนักงานต่างๆได้เปิดทำการแล้ว

แม้ว่าพรรค UCPN – Maoist จะยอมยุติประท้วงปิดถนนและบังคับหยุดงาน แต่ก็ยังจัดการเดินขบวน (demonstration) ประท้วงบนท้องถนน และทำการประท้วงในลักษณะอื่นๆเพื่อกดดันให้รัฐบาลลาออกต่อไปเนื่องจากพรรคการเมืองต่างๆที่ร่วมรัฐบาลและพรรค UCPN – Maoist ยังไม่สามารถบรรลุฉันทามติเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นได้

โดยที่สถานการณ์ทางการเมืองในเนปาลยังคงมีความไม่แน่นอนสูง และพรรค UCPN-Maoist ยังจัดการเดินขบวนประท้วงบนท้องถนน ซึ่งยังส่งผลกระทบต่อการจราจรบริเวณที่มีการเดินขบวน และยังคงมีความเป็นไปได้ที่พรรคฯ อาจจะยกระดับการประท้วงขึ้นอีกครั้งหากไม่สามารถบรรลุฉันทามติกับรัฐบาลได้ ดังนั้น กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศจึงขอให้พี่น้องคนไทยที่ประสงค์จะเดินทางไปเนปาลในช่วงนี้ติดตามสถานการณ์ทางการเมืองเนปาลได้ทางเว็บไซต์ของสถานทูตไทยที่ http://www.thaiembassy.org/kathmandu และเว็บไซต์ข่าวเนปาลที่ http://www.nepalnews.com/ ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปประเทศเนปาลเองโดยไม่ผ่านบริษัททัวร์อาจพิจารณาเลื่อนการเดินทางออกไปก่อน จนกว่าสถานการณ์ประท้วงจะคลี่คลาย เนื่องจากจะไม่ได้รับความสะดวกในการสัญจรไปมาในเนปาล

วันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ระเบียบการขอวีซ่าเข้าประเทศติมอร์-เลสเต


ระเบียบการขอวีซ่าเข้าประเทศติมอร์-เลสเต


นายประสิทธิพร เวทย์ประสิทธิ รักษาราชการผู้อำนวยการกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศแถลงว่า เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2553 รัฐบาลประเทศติมอร์-เลสเตได้ออกระเบียบเกี่ยวกับการขอวีซ่าเข้าประเทศฉบับใหม่ โดยมีสาระสำคัญดังนี้

- นักท่องเที่ยวหรือผู้เดินทางเข้าประเทศติมอร์-เลสเตทางเครื่องบินและทางเรือ สามารรถยื่นขอ Visa on Arrival ณ ท่าอากาศยานและท่าเรือ

- นักท่องเที่ยวหรือผู้เดินทางทางบกซึ่งไม่ใช่สัญชาติอินโดนีเซียหรือโปรตุเกสจะต้องยื่นขอวีซ่าล่วงหน้าผ่านทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ทางการที่ infomacao@migracao.gov.tl

กรมการกงสุลเตือนคนไทยทำหนังสือเดินทางหายในต่างประเทศให้รีบติดต่อขอความช่วยเหลือจากสถานทูตหรือสถานกงสุลใหญ่


กรมการกงสุลเตือนคนไทยทำหนังสือเดินทางหายในต่างประเทศให้รีบติดต่อขอความช่วยเหลือจากสถานทูตหรือสถานกงสุลใหญ่


นายจักร บุญหลง อธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศแถลงว่า ตามที่ได้มีนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจไทยเดินทางไปท่องเที่ยวหรือประกอบธุรกิจในนครเซี่ยงไฮ้ สาธารณัฐประชาชนจีนแล้วประสบปัญหาหนังสือเดินทางหายในนครเซียงไฮ้ ต้องใช้เวลาถึง 7 วัน ในการดำเนินการขั้นตอนขอวีซ่าเดินทางออกจากจีนที่สำนักตรวจคนเข้าเมืองนครเซี่ยงไฮ้เพื่อเดินทางกลับประเทศไทย และในช่วงที่รอการอนุมัติจากสำนักตรวจคนเข้าเมืองนั้น ผู้เสียหายไม่สามารถเข้าพักที่โรงแรมต่างๆในนครเซี่ยงไฮ้ได้ เนื่องจากโรงแรมเข้มงวด หากไม่มีหนังสือเดินทางจะไม่ยอมให้เข้าพักเนื่องจากเป็นระเบียบของสำนักตรวจคนเข้าเมือง ทำให้ผู้เสียหายได้รับความเดือดดร้อนซ้ำเติมอีก โดยที่ผ่านมาสำนักงานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเป็นคราวๆไป

เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2553 นายพิรุณ ลายสมิต กงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ได้ประสานกับนาย กั๋ว เจี้ยน ซิง อธิบดีสำนักตรวจคนเข้าเมืองนครเซี่ยงไฮ้ โดยยกประเด็นปัญหาดังกล่าวขึ้นหารือเพื่อขอความร่วมมือจากสำนักตรวจคนเข้าเมืองนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งอธิบดีสำนักตรวจคนเข้าเมืองนครเซี่ยงไฮ้ได้รับปากที่จะเร่งรัดการออกวีซ่าให้แก่ผู้ที่เดือดร้อนกรณีดังกล่าวให้เร็วขึ้น สำหรับผู้ที่ทำหนังสือเดินทางหายและต้องการเข้าพักในโรงแรมนั้น ทางปฏิบัติสามารถทำได้โดยสำนักตรวจคนเข้าเมืองนครเซี่ยงไฮ้จะออกเอกสารยืนยันหนังสือเดินทางหายให้เพื่อใช้แสดงต่อโรงแรมในการขอเข้าพัก หากโรงแรมไม่ยินยอมให้เข้าพักสำนักตรวจคนเข้าเมืองยินดีที่จะเข้าไปประสานดำเนินการให้

อธิบดีกรมการกงสุลกล่าวว่าคนไทยที่เดินทางอยู่ในต่างประเทศ เมื่อทราบว่าหนังสือเดินทางหายควรติดต่อขอความช่วยเหลือจากสถานทูต หรือสถานกงสุลใหญ่ที่อยู่ใกล้ใกล้ท่านขณะนั้น สำหรับคนไทยที่เดินทางอยู่ในนครเซี่ยงไฮ้ ควรรีบติดต่อสถานกงสุลใหญ่ทันทีที่

Royal Thai Consulate-General
15 Floor Crystal Century Mansion
No. 567 Weihai Road, Shanghai 200041
Tel. (86-21) 6288-3030
Fax. (86-21) 6288-9073

Visa Section : (86-21) 6288-7633 (Direct)
(86-21) 6288-3030 ext 12,13
Fax. (86-21) 6288-9072

E-mail : thaiconsul.sgh@gmail.com