การได้ไปทำงานในต่างประเทศ อาจเป็นความฝันของใครหลายๆ คน เพื่อเชื่อว่ารายได้และสวัสดิการดีกว่าทำงานอยู่ที่เมืองไทย
ปัจจุบันมีงานประเภทหนึ่งกำลังฮิตและเป็นที่ใฝ่ฝันของบรรดาผู้ใช้แรงงานไทยทั้งหญิงและชาย เนื่องจากรายได้ดี ถูกกฏหมาย แถมยังได้ประสบการณ์ท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ
ทั้งในสหรัฐอเมริกาและประเทศใกลเคียงด้วยก็คือ การทำงานบนเรือสำราญที่มีโปรแกรมทัวร์ไปทั่วโลก
ความที่เป็นกิจการเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ หรูหราบรรยากาศบนเรือทั้งลำเต็มไปด้วยธุรกิจบันเทิงเริงรมย์แบบครบวงจร
ไม่ว่าห้องออกกำลังกาย นวดสปา ร้านอาหาร บาร์เครื่องดื่ม ไนท์คลับ
คาสิโน ฯลฯ ตำแหน่งงานสารพัดชนิดจึงมีให้ทำจำนวนมาก ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นงานบริการที่คนไทยถนัดและชำนาญทั้งสิ้นยิ่งขึ้นชื่อว่าจะได้ไปทำงานไกลถึงอเมริกาด้วยแล้ว ใครๆ ก็อยากจะลองเสี่ยงโชคดูสักครั้งในชีวิต
มีหญิงสาวรายหนึ่งอายุเพิ่งจะผ่านวัยเบญจเพศไปไม่นาน
เธอมีรูปร่างหน้าตาดึงดูดความสนใจของผู้คนพอสมควร
แม้ว่าการศึกษาจะไม่สูงนักแต่อาศัยความที่เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย และมานะทำงานไม่เกี่ยงงอนจึงทำให้เธอผ่านการคัดเลือกเป็นพนักงานประจำเรือสำราญของบริษัทมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา
นายจ้างพาเธอไปสถานทูตเพื่อยื่นขอวีซ่าทำงานซึ่งก็ผ่านได้อย่างไม่ยุ่งยาก
เธอได้วีซ่าประเภท ซี.ดี.- วัน (CD
– 1)
ซึ่งเป็นวีซ่าที่สถานทูตออกให้สำหรับพนักงานประจำเรือ สามารถเดินทางเข้าสหรัฐได้ในห้วงเวลาสั้นๆ
เป็นครั้งคราวในยามที่เรือสำราญจอดแวะตามเมืองท่าต่างๆ แต่เมื่อใดที่เรือถึงกำหนดออกเดินทางก็ต้องไปพร้อมกับเรือทันที
หญิงสาวอดทนทำงานบนเรือสำราญได้ระยะหนึ่ง ทีแรกอะไรๆ ก็ดูสนุกตื่นเต้นดี แต่เมื่อผ่านไปสักพักก็เกิดความเบื่อหน่ายกับความจำเจซ้ำซากบนเรือ
ต่อมาเธอมีโอกาสรู้จักกับหนุ่มอเมริกันคนหนึ่ง ใกล้ชิดสนิทสนมจนความสัมพันธ์พัฒนากลายเป็นความรักอย่างรวดเร็วเธอตัดสินใจหลบหนีนายจ้างขึ้นฝั่งเพื่อติดตามชายคนรักเดินทางข้ามประเทศจากชายฝั่งตะวันตกมายังฝั่งตะวันออกอย่างไม่ลังเลใจ วาดความฝันไว้สวยงามว่า จะได้แต่งงานและตั้งรกรากอยู่กับสามีที่สหรัฐอเมริกาอย่างถาวร
เรื่องราวรักข้ามโลกดูจะราบรื่นดีแต่เวรกรรมที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นจนได้
เพราะหลังจากหนีตามสามีมาแล้ว เขากลับไม่ได้พาเธอไปพักที่บ้าน แต่กลับจองโรงแรมให้เธออยู่แบบชั่วคราว โดยให้เหตุผลว่าต้องทำงานนอกสถานที่เป็นประจำแต่ปัญหาเกิดขึ้น เมื่อสามีดันลืมจ่ายเงินค่าที่พัก ทางโรงแรมจึงไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เธอและสามีถูกจับด้วยกันทั้งคู่ฐานฉ้อโกง และเคราะห์ของเธอยังไม่หมดเพียงแค่นั้น เพราะหลังจากการสอบสวนเธอถูกแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มอีกหนึ่งกระทง ในข้อหาพำนักในสหรัฐอเมริกาเกินกำหนดอนุญาต ตำรวจส่งตัวเธอไปฝากขังที่เรือนจำทันที
ฟังเรื่องนี้แล้วรู้สึกหดหู่ใจไม่น้อย เข้าทำนองได้งานทำดีอยู่แล้วแต่กลับทำพังเสียเอง เป็นความรู้เท่าไม่ถึงการณ์อย่างแท้จริง
เพราะวีซ่าลูกเรือที่เธอได้มานั้นไม่อนุญาตให้พำนักอยู่บนบกอย่างถาวร
ต้องทำงานบนเรือสำราญจนครบตามสัญญาจ้างเท่านั้น
หากหลบหนีจากเรือเมื่อใดก็ผิดกฏหมายทันที
กรณีนี้แม้ว่าเจ้าหน้าที่กงสุลของสถานทูตไทยได้เข้าไปช่วยเหลืออย่างเต็มที่แล้วก็ตาม แต่กฏหมายคือกฏหมาย คนทำผิดอย่างไรก็ต้องรับโทษ
จึงอยากฝากเป็นข้อคิดเตือนใจว่า การทำผิดบางเรื่องหากอยู่ในเมืองไทยอาจดูเป็นปัญหาเล็กน้อย
แต่ถ้าไปทำผิดในสหรัฐอเมริกาเข้าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตทันที โดยเฉพาะความผิดเกี่ยวกับจริยธรรมซึ่งกระทบต่อความสงบเรียบร้อยในสังคมอาจกลายเป็นคดีอาญาซึ่งมีบทลงโทษรุนแรงกว่าในเมืองไทยมาก กฏหมายแบบนี้ตราขึ้นเพื่อป้องปรามไม่ให้ผู้อื่นเอาเยี่ยงอย่าง
..
.........................................
อ้างอิง หนังสือคู่สร้างคู่สม ปีที่ 34 ฉบับที่ 810
วันศุกร์์ที่ 16 ส.ค. 2556 หน้า 70-71
กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
วันศุกร์์ที่ 16 ส.ค. 2556 หน้า 70-71
กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร 0 2575 1052