วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2556

สวรรค์ล่มในอเมริกา.. ทำผิดเพราะคิดง่ายไป




การได้ไปทำงานในต่างประเทศ อาจเป็นความฝันของใครหลายๆ คน เพื่อเชื่อว่ารายได้และสวัสดิการดีกว่าทำงานอยู่ที่เมืองไทย
ปัจจุบันมีงานประเภทหนึ่งกำลังฮิตและเป็นที่ใฝ่ฝันของบรรดาผู้ใช้แรงงานไทยทั้งหญิงและชาย  เนื่องจากรายได้ดี  ถูกกฏหมาย แถมยังได้ประสบการณ์ท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ ทั้งในสหรัฐอเมริกาและประเทศใกลเคียงด้วยก็คือ การทำงานบนเรือสำราญที่มีโปรแกรมทัวร์ไปทั่วโลก 
ความที่เป็นกิจการเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่  หรูหราบรรยากาศบนเรือทั้งลำเต็มไปด้วยธุรกิจบันเทิงเริงรมย์แบบครบวงจร ไม่ว่าห้องออกกำลังกาย  นวดสปา  ร้านอาหาร บาร์เครื่องดื่ม  ไนท์คลับ  คาสิโน ฯลฯ  ตำแหน่งงานสารพัดชนิดจึงมีให้ทำจำนวนมาก  ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นงานบริการที่คนไทยถนัดและชำนาญทั้งสิ้นยิ่งขึ้นชื่อว่าจะได้ไปทำงานไกลถึงอเมริกาด้วยแล้ว  ใครๆ ก็อยากจะลองเสี่ยงโชคดูสักครั้งในชีวิต
มีหญิงสาวรายหนึ่งอายุเพิ่งจะผ่านวัยเบญจเพศไปไม่นาน เธอมีรูปร่างหน้าตาดึงดูดความสนใจของผู้คนพอสมควร  แม้ว่าการศึกษาจะไม่สูงนักแต่อาศัยความที่เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย และมานะทำงานไม่เกี่ยงงอนจึงทำให้เธอผ่านการคัดเลือกเป็นพนักงานประจำเรือสำราญของบริษัทมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา  
นายจ้างพาเธอไปสถานทูตเพื่อยื่นขอวีซ่าทำงานซึ่งก็ผ่านได้อย่างไม่ยุ่งยาก เธอได้วีซ่าประเภท  ซี.ดี.- วัน (CD – 1) ซึ่งเป็นวีซ่าที่สถานทูตออกให้สำหรับพนักงานประจำเรือ สามารถเดินทางเข้าสหรัฐได้ในห้วงเวลาสั้นๆ เป็นครั้งคราวในยามที่เรือสำราญจอดแวะตามเมืองท่าต่างๆ  แต่เมื่อใดที่เรือถึงกำหนดออกเดินทางก็ต้องไปพร้อมกับเรือทันที
หญิงสาวอดทนทำงานบนเรือสำราญได้ระยะหนึ่ง  ทีแรกอะไรๆ ก็ดูสนุกตื่นเต้นดี แต่เมื่อผ่านไปสักพักก็เกิดความเบื่อหน่ายกับความจำเจซ้ำซากบนเรือ   
ต่อมาเธอมีโอกาสรู้จักกับหนุ่มอเมริกันคนหนึ่ง  ใกล้ชิดสนิทสนมจนความสัมพันธ์พัฒนากลายเป็นความรักอย่างรวดเร็วเธอตัดสินใจหลบหนีนายจ้างขึ้นฝั่งเพื่อติดตามชายคนรักเดินทางข้ามประเทศจากชายฝั่งตะวันตกมายังฝั่งตะวันออกอย่างไม่ลังเลใจ   วาดความฝันไว้สวยงามว่า จะได้แต่งงานและตั้งรกรากอยู่กับสามีที่สหรัฐอเมริกาอย่างถาวร
เรื่องราวรักข้ามโลกดูจะราบรื่นดีแต่เวรกรรมที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นจนได้  
เพราะหลังจากหนีตามสามีมาแล้ว เขากลับไม่ได้พาเธอไปพักที่บ้าน แต่กลับจองโรงแรมให้เธออยู่แบบชั่วคราว โดยให้เหตุผลว่าต้องทำงานนอกสถานที่เป็นประจำแต่ปัญหาเกิดขึ้น เมื่อสามีดันลืมจ่ายเงินค่าที่พัก ทางโรงแรมจึงไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ  เธอและสามีถูกจับด้วยกันทั้งคู่ฐานฉ้อโกง  และเคราะห์ของเธอยังไม่หมดเพียงแค่นั้น เพราะหลังจากการสอบสวนเธอถูกแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มอีกหนึ่งกระทง ในข้อหาพำนักในสหรัฐอเมริกาเกินกำหนดอนุญาต ตำรวจส่งตัวเธอไปฝากขังที่เรือนจำทันที
ฟังเรื่องนี้แล้วรู้สึกหดหู่ใจไม่น้อย  เข้าทำนองได้งานทำดีอยู่แล้วแต่กลับทำพังเสียเอง  เป็นความรู้เท่าไม่ถึงการณ์อย่างแท้จริง เพราะวีซ่าลูกเรือที่เธอได้มานั้นไม่อนุญาตให้พำนักอยู่บนบกอย่างถาวร ต้องทำงานบนเรือสำราญจนครบตามสัญญาจ้างเท่านั้น  หากหลบหนีจากเรือเมื่อใดก็ผิดกฏหมายทันที 
กรณีนี้แม้ว่าเจ้าหน้าที่กงสุลของสถานทูตไทยได้เข้าไปช่วยเหลืออย่างเต็มที่แล้วก็ตาม  แต่กฏหมายคือกฏหมาย คนทำผิดอย่างไรก็ต้องรับโทษ
จึงอยากฝากเป็นข้อคิดเตือนใจว่า  การทำผิดบางเรื่องหากอยู่ในเมืองไทยอาจดูเป็นปัญหาเล็กน้อย แต่ถ้าไปทำผิดในสหรัฐอเมริกาเข้าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตทันที   โดยเฉพาะความผิดเกี่ยวกับจริยธรรมซึ่งกระทบต่อความสงบเรียบร้อยในสังคมอาจกลายเป็นคดีอาญาซึ่งมีบทลงโทษรุนแรงกว่าในเมืองไทยมาก  กฏหมายแบบนี้ตราขึ้นเพื่อป้องปรามไม่ให้ผู้อื่นเอาเยี่ยงอย่าง .. 
สาวไทยรายนี้อาจถูกเนรเทศ และหมดสิ้นโอกาสที่จะกลับไปอเมริกาอีกตลอดชั่วชีวิตก็เป็นได้



                                                                                .........................................


อ้างอิง หนังสือคู่สร้างคู่สม ปีที่ 34 ฉบับที่ 810 
วันศุกร์์ที่ 16 ส.ค. 2556 หน้า 70-71
กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบีจัดงานวันเฉลิมพระชนมพรรษาฯ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ








          สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี ได้จัดงานวันเฉลิมพระชนมพรรษาฯ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2556
            งานดังกล่าวประกอบด้วยกิจกรรม 2 รายการ ได้แก่ การแข่งขันโบว์ลิ่งเชื่อมความสามัคคีระหว่างคนไทยในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และการลงนามถวายพระพร  โดยในช่วงค่ำ ฯพณฯ วราวุธ               ชูวิรัช เอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบีได้กล่าวนำถวายพระพร  มีการจุดเทียนชัย การร่วมกันขับร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีและเพลงสดุดีมหาราชา เมื่อเสร็จช่วงพิธีการแล้ว ทางทำเนียบเอกอัครราชทูต ได้เลี้ยงอาหารค่ำแก่ผู้มาร่วมงาน ได้แก่ ข้าวเหนียว ไก่ย่าง ส้มตำ ซุปหน่อไม้ ยำเนื้อ แกงเขียวหวานไก่ ผลไม้และหยกมณี   โดยชาวไทยจากเมืองต่างๆ ที่เข้าร่วมงานประมาณ 250 คนได้ร่วมกันรับประทานอาหารค่ำที่ทำเนียบฯ ร่วมกับข้าราชการสถานเอกอัครราชทูตและทีมประเทศไทยประจำสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

The Royal Thai Embassy in Abu Dhabi celebrated H.M. Queen Sirikit’s 81st Birthday Anniversary
          On 16 August 2013, the Royal Thai Embassy in Abu Dhabi organized activities for Thai nationals in the UAE to celebrate Her Majesty Queen Sirikit’s 81st Birthday Anniversary.
            The activities began in the afternoon with an amicable bowling competition at the Khalifa Bowling Center. In the evening, an official ceremony was held at the Ambassador’s residence with the blessing of best wishes to H.M. the Queen in the signing book, the lighting of candles and the singing of Royal anthem.  H.E. the Ambassador hosted Thai food for dinner, such as sticky rice, grilled chicken, som tam, bamboo salad (bamboo soup in Thai style), chicken curry, fruits and yok-manee. The activities were attended by 250 Thai people who are living and working in the UAE. 
                                                    
                                                    ****************************
           
           
      


การให้ความช่วยเหลือนักศึกษาไทยจากเหตุการณ์ความไม่สงบในกรุงไคโร ประเทศอียิปต์กลับสู่ประเทศไทย

จากเหตุการณ์ความไม่สงบในกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม 2556 กระทรวงการต่างประเทศ ได้ประสานกับสถานทูตฯ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสถานทูตไทยที่กรุงไคโร เพื่ออพยพคนไทยที่มีความเดือดร้อนและอยู่ในสถานที่ไม่ปลอดภัย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาไทยที่เดินทางไปศึกษาที่ประเทศอียิปต์ จำนวน 661 คน เดินทางโดยสายการบินจำนวน 2 รอบจากกรุงไคโร นครดูไบ  
 สายการบินแรก  TG 8477 ที่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตต์ ได้จัดส่งนักศึกษา เพื่อเดินทางกลับสู่ประเทศไทย ที่สนามบินดอนเมือง เวลา 14.00 น. หลุมจอด 15 การท่าได้เตรียมห้อง CIP5 ชั้น 2 อาคาร 1 ไว้รับรองผู้โดยสาร ผ่านขั้นตอนนำเข้าตามปกติ โดยมีผู้โดยสารจำนวน 354 คน (รวมเจ้าหน้าที่ที่เดินทางไปประสานความช่วยเหลือ 364 คน)
ส่วนสายการบินอีกสองลำ uas flight esj 007 130 คน flight esj 007a อีก 130 คน คาดว่าน่าจะเดินทางมาถึงประเทศไทยประมาณ 22.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ต่อไป นอกจากนั้นยังมีเครื่อง C-130 รอประสานอยู่
หน่วยงานที่ร่วมการประสานดังนี้ กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กรมสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงฯ กระทรวงการต่างประเทศ ท่าอากาศยานดอนเมือง กองทัพอากาศ กองบัญชาการกองทัพไทย บริษัทการบินไทย สนง.ตรวจคนเข้าเมือง สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ฯลฯ






























วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ประกาศแจ้งเตือนชาวไทยในสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ จาก สถานทูตไทย ณ กรุงไคโร

         ตามที่ รัฐบาลอียิปต์ได้ดำเนินการสลายการชุมนุมทางการเมืองที่จัตุรัส Nahda และจัตุรัส Rabaa ตั้งแต่เช้าวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๖ ทำให้เกิดการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ทางการอียิปต์กับกลุ่มผู้สนับสนุนอดีต ประธานาธิบดี Mohamed Morsi นั้น

           เมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๖ นายจักรกฤษณ์ ศรีวลี รองอธิบดีกรมสารนิเทศ ได้ให้สัมภาษณ์ว่าสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโรได้ติดต่อแจ้งให้นายกสมาคมนักเรียนไทยในไคโร ในพระบรมราชูปถัมภ์และแกนนำคนไทยในจุดต่าง ๆ กำชับให้นักศึกษาไทยและคนไทยที่พำนักอยู่ในอียิปต์อยู่ในเคหะสถาน และงดการเดินทางออกนอกที่พัก ทั้งนี้ นักศึกษาและคนไทยทุกคนยังปลอดภัย

          นอกจากนี้ โดยที่การชุมนุมและเหตุการณ์ความไม่สงบยังคงดำเนินต่อไปในกรุงไคโร สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร จึงได้แจ้งเตือนชาวไทยในอียิปต์ ดังนี้

๑.  หลีกเลี่ยงพื้นที่ดังต่อไปนี้อย่างเคร่งครัด
      ๑.๑  ถนน Autostrad (จาก Nasr City ไปจนถึงสนามบิน)
      ๑.๒  ถนน Bahr Aazam, Giza
      ๑.๓  สะพาน El Gamaa, Giza
      ๑.๔  สะพาน 6th October
      ๑.๕  สะพาน 15th May
      ๑.๖  สะพาน Kasr el Nile
      ๑.๗  ถนน Salah Salem, Heliopolis
      ๑.๘  ถนน Marghani, Heliopolis
      ๑.๙  จัตุรัส 7 Omarat, Heliopolis

๒.  ขอให้พำนักอยู่ในที่พักและติดตามข่าวสารและเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด โดยอาจสอบถามสถานการณ์จากสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ที่โทรศัพท์หมายเลข ๐๑๐๑ ๙๔๐๑๒๔๓

http://www.mfa.go.th/main/th/media-center/14/37748-การดูแลความปลอดภัยของคนไทยในอียิปต์.html


สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร
กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052

วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ท้องถิ่นเข้มแข็ง ... แก้ปัญหาค้ามนุษย์และการหลอกลวงได้



... สุขภาพไม่ดี อย่าไป...  กู้เงินดอกเบี้ยสูง ไม่ควรไป ...  อย่าหลงเชื่อสายนายหน้าเถื่อน ...  ห้ามจ่ายเงินสด  ต้องขอใบเสร็จทุกครั้ง ...  อย่าไปประเทศเสี่ยงอันตราย ...
คำเตือนข้างต้นมักจะได้ยินเสมอเมื่อพูดถึงการเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ  แต่กระนั้นก็ยังมีคนไทยจำนวนมากที่เพิกเฉย  ไม่สนใจและยอมเสี่ยงไปต่างแดนเพื่อแสวงหาโอกาสที่ดีกว่า จนในที่สุดต้องเผชิญเคราะห์กรรมต่างๆ นาๆ อย่างไม่จบสิ้น  เดือดร้อนถึงขั้นสิ้นเนื้อประดาตัวทีเดียว
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล พยายามลงพื้นที่ชนบทหลายแห่งในประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคอีสานและภาคเหนือซึ่งคนส่วนใหญ่ในสังคมระดับรากหญ้ามักตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพอย่างง่ายดายและยากจะปกป้องตนเองหรือต่อกรกับพวกมารร้ายเหล่านี้ล่าสุดเมื่อเดือนสิงหาคม ๒๕๕๖  กรมการกงสุลและมูลนิธิกระจกเงาออกปฏิบัติงานภาคสนามโดยร่วมมือกับองค์การบริหารส่วนตำบลใน  ๓  พื้นที่ คือ อบต. เมืองหงส์ จ.ร้อยเอ็ด  อบต. คูเมือง  จ.ยโสธร และ อบต. กุดรัง  จ. มหาสารคาม  โดยถือเป็นภารกิจสำคัญตามนโยบายการทูตเพื่อประชาชนที่มุ่งประชาสัมพันธ์ข่าวสารเตือนภัยสารพัดรูปแบบที่เคยเกิดขึ้นกับคนไทยกลุ่มต่างๆ อาทิ แรงงาน สตรี แม่บ้าน นักศึกษา เยาวชน  รวมทั้งคนไทยที่ตั้งรกรากอยู่ในต่างประเทศ
จากสถิติที่กรมการกงสุลรวบรวมไว้นั้น  พบว่าปัญหาค้ามนุษย์  ยาเสพติด และการหลอกลวงต่างๆ ประมาณร้อยละ  ๘๐  เกิดขึ้นกับผู้คนในสังคมชนบทของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ  และเป็นภัยใกล้ตัวที่แฝงอยู่ในหมู่บ้านและตำบล  ต้นตอของปัญหาย่อมหนีไม่พ้นความยากจนและด้อยโอกาสในสังคม  ทำให้พวกเขายอมเสี่ยงเดินทางไปต่างประเทศด้วยความหวังว่าจะหางานทำมีรายได้ดีกว่าที่เมืองไทย  คนจำนวนมากแทบจะพูดจาสื่อสารกับชาวต่างชาติไม่ได้เลย  ไม่รู้ทั้งกฏหมายและวัฒนธรรมไม่เข้าใจถึงสิทธิและหน้าที่  ...  ปัจจัยเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสาเหตุทำให้พวกเขาประสบความยากลำบากเมื่อใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดน และที่เลวร้ายคือถูกผู้อื่นเอารัดเอาเปรียบซึ่งเท่ากับเป็นการถูกเคราะห์กรรมซ้ำเติมอย่างน่าเวทนา
ปัญหาข้างต้นนี้  ขอย้ำว่าในปัจจุบันยังไม่สายที่จะแก้ไขเยียวยา  ขอเพียงทุกภาคส่วนหันมาให้ความสำคัญและช่วยกันคนละไม้คนละมือ อย่าเพิกเฉยหรือท้อถอยต่อการแก้ปัญหาก็พอแล้ว ...

                                                                                .........................................
กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052


วันอังคารที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวคนไทยถูกลักพาตัวที่ไนจีเรีย

  
เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม  ๒๕๕๖ คุณสมฤดี พู่พรอเนก หัวหน้าสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวประจำจังหวัดอุดรธานี  ร่วมกับนายเวียงชัย แก้วพินิจ  นายอำเภอหนองหาน  จ.อุดรธานี ได้ลงพื้นที่ ต. พังงู และ ต. หนองไผ่ เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจแก่ญาติพี่น้องครอบครัวแรงงานไทยจำนวน  ๔  ราย ที่เดินทางไปทำงานกับบริษัทโอนิดะ ดีเวลลอปเมนต์  เปิดฟาร์มเพาะพันธ์ปลาที่รัฐริเวอร์สเตท  ประเทศไนจีเรีย  และเคราะห์ร้ายถูกกลุ่มโจรอาวุธครบมือลักพาตัวหายไปขณะกำลังเดินทางไปที่ฟาร์มเมื่อไม่กี่วันก่อน
แม้ว่าขณะนี้จะยืนยันข้อมูลและชะตากรรมของคนไทยทั้งสี่รายได้ไม่มากนัก  แต่ในฐานะที่เป็นข้าราชการปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่  คุณสมฤดีฯ  ได้ย้ำกับครอบครัวของแรงงานไทยว่า  ขอให้พวกเขามั่นใจว่ากระทรวงการต่างประเทศ และสถานทูตไทย ณ กรุงอาบูจา  จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหาทางช่วยเหลือแรงงานไทยให้รอดพ้นจากวิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้ สำหรับความคืบหน้าล่าสุดนั้นสถานทูตไทยได้สั่งการให้นายเสรี มุทธาธาร อัครราชทูตที่ปรึกษา เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุซึ่งอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงไปทางภาคใต้กว่า  ๘๖๐ กิโลเมตร  เพื่อประสานกับรัฐบาลท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ตำรวจไนจีเรีย ตลอดจนนายจ้างในการติดตามตรวจสอบข้อมูลและเบาะแสทั้งหมด

การดูแลช่วยเหลือคนไทยในสถานการณ์อย่างนี้ไม่มีอะไรง่ายเพราะเป็นเรื่องซับซ้อน  ไม่มีสูตรสำเร็จในการปฏิบัติงานทางการทูต   ต้องใช้ความพยายามประสานกับทุกฝ่าย  และอดทนรอให้ผู้ก่อการแสดงตนติดต่อเพื่อแจ้งความประสงค์เข้ามาที่สำคัญต้องเจรจาต่อรองโดยคำนึงถึงสวัสดิภาพของคนไทยไว้ก่อน  ... จึงขอเป็นกำลังใจให้ข้าราชการของสถานทูตที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ และครอบครัวของผู้ถูกจับกุม... หวังว่าสถานการณ์จะคลี่คลายในเร็ววัน

สอท. ณ กรุงอาบูจา ประเทศไนจีเรีย
กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052













วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2556

จีนประกาศเข้ม...ไม่รับการขอวีซ่านวด

การถูกหลอกไปนวดในต่างประเทศยังคงเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่จะหลงเชื่อนายหน้าไปทำงานแบบไม่มีสัญญาจ้าง ซึ่งเป็นการเปิดช่องทางในการอวดอ้างค่าจ้างสูงถึงเดือนละ 30,000 – 40,000 บาท สวัสดิการดีไม่หักค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และทำงานเพียง 12 ชั่วโมงต่อวัน ทำให้หลงคิดไปว่าน่าจะสามารถทำงานพิเศษแบบล่วงเวลาได้อีก
กรณีเที่สถานทูตช่วยกลับมาอย่างต่ำเดือนละ 1 ครั้ง ต้องคอยเตรียมพร้อมทำงานตลอด 24 ชั่วโมง หยุดได้ 2 วัน/ เดือน แถมยังถูกหักค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าเสื้อผ้า ของใช้ในเวลาทำงานนวด และอื่นๆ อีกจิปาถะ หนำซ้ำนายจ้างยังเก็บพาสปอร์ตไว้เพราะทำวีซ่าประเภท F ที่เป็นการตรวจลงตราเข้าไปจีนเพื่อการฝึกอบรม หรือวีซ่าประเภท L ที่เป็นการตรวจลงตราเข้าจีนเพื่อท่องเที่ยว หรือวีซ่าระยะยาวที่ต้องแต่งงานหลอก ทำให้พนักงานนวดแทบล้มทั้งยืนกับกฎการเข้าเมืองที่เข้มงวด และบทลงโทษที่หนักสำหรับชาวต่างชาติ โดยปรับเป็นเงินไม่เกิน 20,000 หยวนหรือหนึ่งแสนกว่าบาท
การเดินทางไปทำงานนวดผิดกฎหมายที่เมืองเซี่ยงไฮ้ เจียงซู เจ้อเจียง และอันฮุย คือ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2556 ไม่สนับสนุนชาวต่างชาติยื่นขอวีซ่าไปทำงานนวด ยกเว้นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านหรือผู้บริหารระดับสูงเท่านั้น ซึ่งกำหนดโทษปรับ ตั้งแต่ 5,000 – 20,000 บาท หรือเป็นเงินไทย 101,000 บาท รงมถึงถูกควบคุมตัว 15 วันก่อนส่งกลับประเทศไทยด้วย     

สถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้

กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ

กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052