นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.แรงงาน กล่าวในการเป็นประธานพิธีปิดตำนานค่าหัวคิวแรงงานไทยที่ไปทำงานอิสราเอล พร้อมทั้งให้โอวาทกับแรงงานไทยที่ได้รับการคัดเลือกส่งไปทำงานภาคการเกษตรอิสราเอลจำนวน 101 คนเมื่อวันที่ 26 มิถุนายนว่า ที่ผ่านมาแรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานอิสราเอลถูกเรียกเก็บค่าหัวคิว ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงถึง 3-4 แสนบาทต่อคน ดังนั้น ประเทศไทยโดยกระทรวงแรงงาน จึงได้ร่วมมือกับประเทศอิสราเอลและองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (ไอโอเอ็ม) คัดเลือก โดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์สุ่มคัดเลือกแรงงานไทย และหากผ่านสัมภาษณ์ก็จะจัดส่งไปทำงานที่อิสราเอล โดยเสียค่าใช้จ่ายไม่เกินคนละ 70,000 บาท
ทั้งนี้ ทางการอิสราเอลแจ้งว่านายจ้างอิสราเอลต้องการจ้างงานคนไทย 357 อัตรา ซึ่งก่อนหน้านี้มีแรงงานไทยมาสมัคร 6,596 คน และในจำนวนนี้ได้มีการนำรายชื่อผู้สมัครลำดับที่ 1- 1,000 ไปตรวจสอบประวัติอาชญากรรมและประวัติบุคคลต้องห้ามเข้าประเทศอิสราเอล โดยมีผู้ผ่านการตรวจสอบทั้งหมด 900 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้ผ่านการสอบสัมภาษณ์และตรวจโรค 101 คน ดังนั้น กระทรวงแรงงานจึงจะจัดส่งแรงงานไทยกลุ่มนี้ไปทำงานอิสราเอลช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ค.นี้ โดยกลุ่มแรกมี 22 คน จะเดินทางไปทำงานที่อิสราเอลวันที่ 27 มิ.ย.
"ช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานพยายามแก้ปัญหาการเรียกเก็บค่าหัวคิวแรงงานอิสราเอลอย่างต่อเนื่อง วันนี้ถือเป็นการปิดตำนานค่าหัวคิวแรงงานอิสราเอล ทั้งนี้ แรงงานไทยที่ไปทำงานต่างประเทศถือเป็นนักรบเศรษฐกิจ นำเงินกลับเข้าประเทศไทย จึงขอให้แรงงานทุกคนที่ได้ไปทำงานอิสราเอล ทำให้นายจ้างเชื่อมั่นในศักยภาพของแรงงานไทย เพื่อเสร้างโอกาสให้แรงงานรุ่นต่อไปสามารถเข้าไปทำงานที่อิสราเอลได้ง่ายขึ้น รวมทั้งขอให้นึกถึงคนที่บ้าน ทำตัวอยู่ในระเบียบวินัย ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสุรา ยาเสพติดและการพนัน เพื่อให้มีเงินเหลือเก็บมากที่สุด ส่วนผลการสอบสวนการเรียกเก็บค่าหัวคิวจะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเร็วๆนี้”รมว.แรงงานกล่าว
ด้านนายอิตซ์ฮัก โชฮัม เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันมีแรงงานไทยทำงานด้านการเกษตรอยู่ในประเทศอิสราเอลประมาณ 27,000 คน โดยมีแรงงานไทยหมุนเวียนไปทำงานที่อิสราเอลปีละ 5,000 คน
นพ.สมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงานกล่าวว่า เมื่อเร็วๆนี้นางผจงสิน วรรณโกวิท รองปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานอิสราเอลว่าปฏิบัติถูก ต้องตามระเบียบหรือไม่ ได้รายงานสรุปผลการสอบสวน โดยระบุว่านายสุเมธ มโหสถ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน( กกจ.)ได้ลงนามอนุญาตจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานอิสราเอลไปตามอำนาจหน้าที่ตามที่ ระเบียบกำหนดไว้ และการทำหน้าที่ของนายสุทธิ สุโกศล ผอ.สำนักงานบริหารงานแรงงานไทยไปต่างประเทศก็เป็นไปตามที่ระเบียบกำหนดไว้ เช่นกัน และไม่ได้มีการเอื้อประโยชน์ใดๆให้แก่บริษัทจัดหางาน จึงไม่มีความผิดใดๆ
ที่มา : สำนักงานบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น