ช่วงกลางดึกของวันที่ ๒๒ เมษายน
๒๕๕๗ เรือบรรทุกน้ำมันของประเทศสิงคโปร์
ระวางขับน้ำกว่า ๓,๐๐๐ ตัน พร้อมลูกเรือหลายสัญชาติ อาทิ ไทย อินโดนีเซีย และอินเดีย ประมาณ ๒๐ คน ขณะกำลังเดินเรือออกจากท่าสิงคโปร์เพื่อมุ่งหน้าไปยังประเทศเมียนมาร์
และผ่านบริเวณอ่าวตันหยุงในช่องแคบมะละกา ได้ถูกกลุ่มโจรสลัดอาวุธครบมือ ใช้เรือเร็ว ๒ ลำ
เข้าจอดเทียบและบุกขึ้นยึดเรือได้ทั้งลำ
พวกโจรได้ทำลายอุปกรณ์สื่อสารบนเรือ กวาดต้อนลูกเรือทั้งหมดไปรวมกัน ก่อนจะปลดทรัพย์สินมีค่าของทุกคน แล้วพากันขโมยขนน้ำมันดีเซลของเรือสินค้าลำนี้ถ่ายไปลงเรือเล็ก โจรกรรมน้ำมันไปได้มากถึง
๓ ล้านลิตร หลังจากนั้นพวกมันก็ออกเรือเล็กหลบหนีหายไปอย่างลอยนวล
ทันทีที่สถานทูตไทย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ทราบเหตุร้ายข้างต้น
และได้รับการยืนยันว่าบนเรือมีแรงงานไทยทำงานอยู่ถึง ๑๐ คน เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๗ สถานทูตได้มอบหมายให้นายอรรณพ ศูนย์จันทร์
หัวหน้ากงสุลไทย รีบประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำของมาเลเซียเพื่อจัดเรือเร็วออกไปเยี่ยมพนักงานคนไทยทันที
เมื่อเดินทางไปถึงก็ได้พบกับทุกคน เคราะห์ดีที่คนไทยปลอดภัยไม่ได้รับอันตราย เพราะหลังเกิดเหตุไม่นาน เรือและลูกเรือได้รับการช่วยเหลือจากตำรวจมาเลเซียอย่างทันท่วงที
เรือสินค้ายังต้องจอดทอดสมออยู่ที่ท่าเรือกลังเพื่อรอตรวจซ่อมแซมและให้ตำรวจสอบปากคำลูกเรือตามกระบวนการกฎหมาย
กงสุลอรรณพ ศูนย์จันทร์ เปิดเผยข้อเท็จจริงหลังจากได้พบปะกับลูกเรือไทยว่า พนักงานทุกคนมีสติและกำลังใจดี ขณะนี้ยังไม่ต้องการให้สถานทูตช่วยส่งตัวกลับประเทศไทย เพราะพวกตนยังประสงค์จะทำงานบนเรือบรรทุกสินค้าของสิงคโปร์ต่อไป งานนี้สถานทูตจึงค่อยเบาใจได้ แต่อย่างไรก็ดีเหตุการณ์นี้สะท้อนความจริงว่า
ไม่ว่าเราจะไปทำงานอยู่ที่ไหนในโลกนี้ บางครั้งเหตุไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นได้และยากจะหาทางป้องกันตัวล่วงหน้า
ดีที่สุดสำหรับคนไทยที่ต้องเดินทางไปทำงานต่างแดน ทุกคนควรแจ้งข้อมูลต่างๆ
ให้ญาติพี่น้องหรือมิตรสหายทราบ และก่อนจะเดินทางไปอย่าลืมพกเบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ของสถานทูตไทยติดตัวไปด้วยเสมอ .. เกิดเหตุร้ายจะได้ตามไปช่วยเหลือทัน
กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร 0 2575 1052
.................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น