ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา สถานทูตไทยในประเทศญี่ปุ่นได้มอบหมายเจ้าหน้าที่กงสุลให้เดินทางโดยเครื่องบินตรงจากกรุงโตเกียวมายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อนำสตรีไทยวัยกลางคนรายหนึ่งซึ่งมีอาการป่วยทางจิตกลับมารักษาตัวที่ประเทศไทย
เรื่องราวของหญิงผู้นี้เดิมสถานทูตก็ไม่ทราบรายละเอียดมากนัก รู้แต่ว่า เธอเดินทางไปทำงานที่ญี่ปุ่นนานแล้ว
เคยแต่งงานอยู่กินกับสามีชาวญี่ปุ่นอย่างมีความสุขตามอัตภาพ
ต่อมาชีวิตได้ผกผัน ถูกผู้ชายอีกคนหลอกลวงทรัพย์สินไปจนสิ้นเนื้อประดาตัว ต้องไปอาศัยหลับนอนกับครอบครัวคนไทยรายอื่นอย่างน่าเวทนา ระยะหลังเธอเริ่มเกิดความเครียดจนป่วยทางจิต เรียกว่าถ้าอาการกำเริบก็เดือดร้อนกันไปหมด
เมื่อสถานทูตทราบเรื่องจึงได้พยายามช่วยเหลือด้วยการส่งสตรีผู้นี้ไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลซึ่งหมอในประเทศญี่ปุ่นก็ดีใจหาย
ไม่คิดเงินแม้แต่บาทเดียว จนเมื่ออาการทุเลาขึ้นก็ได้ปรึกษากันว่าควรส่งตัวเธอกลับประเทศไทย
แต่ปัญหาไม่ได้จบเพียง แค่นั้นเนื่องจากญาติของเธอที่เมืองไทยมีฐานะยากจน
บิดาเป็นคนพิการและมารดาเสียชีวิตไปนานแล้ว ดังนั้นอย่าว่าแต่ช่วยรักษาพยาบาลเลย แค่ให้ที่พักพิงเลี้ยงดูก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
งานนี้กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการได้เข้ามาช่วยเหลือและประสานงานกับหลายฝ่ายเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ
ให้สตรีรายนี้ จนกระทั่งสามารถส่งตัวกลับเมืองไทยได้สำเร็จ นอกจากนี้ยังได้รับความอนุเคราะห์จากโรงพยาบาลจิตเวชสระแก้วราชนครินทร์รับตัวไปรักษาอาการต่อด้วย
กรณีนี้ถือว่าเป็นภารกิจไม่ธรรมดาของสถานทูตที่นานๆ
จะมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นสักครั้ง และเป็นความทุกข์ยากอีกแบบหนึ่งของคนไทยในต่างแดน กรมการกงสุล จึงขอฝากเป็นข้อคิดเตือนใจว่า
การไปอยู่ต่างประเทศใช่ว่าจะสุขสบายไปหมดทุกเรื่อง ต้องวางแผนใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง ยิ่งถ้าไปอยู่อย่างผิดกฏหมาย ไม่มีงานทำ ไม่มีเงินใช้ ก็ยิ่งเครียดอาจล้มป่วยหรือกระทั่งเป็นบ้าได้
คนที่เดือดร้อนก็หนีไม่พ้นญาติพี่น้องที่อยู่ทางเมืองไทยนั่นเอง ...
ด้วยความปรารถนาดีจาก : กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น