สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล รายงานว่า ศาลตัดสินจำคุกและปรับคนงานไทยในข้อหาทำร้ายร่างกายเพื่อนคนงานไทยด้วยกันถึง 3 คน โดย 1 คน มีอาการสาหัสมาก
คนงานที่ก่อเหตุทำงานอยู่ในฟาร์มเกษตรแห่งหนึ่งในเมืองเมตูลา ประเทศอิสราเอล โดยในวันที่เกิดเหตุมีการชำแหละเนื้อวัวแจกจ่ายกันในหมู่คนงานไทย และมีคนงานไทยหลายคนดื่มสุราจนมึนเมา หนึ่งในนั้นคือนายหนึ่ง (นามสมมติ) คนงานผู้ก่อเหตุ พอมีอาการเมาสุราจนได้ที่ก็ไปว่ากล่าวหาเรื่องกับนายสอง (นามสมมติ) คนงานอีกคนหนึ่ง นายสองเห็นว่านายหนึ่งเมาสุราไม่ต้องการทะเลาะด้วยและได้เสนอให้นายหนึ่งชกหน้าตนเพื่อจะได้หายโกรธและจะได้เลิกรากันไป นายหนึ่งจึงชกหน้านายสองจนนายสองฟันหัก
หลังจากนั้น เพื่อนคนงานคนอื่นๆ เห็นว่ามีการชกต่อยกันจึงพยายามเข้ามาห้ามปราม โดยนายสาม (นามสมมติ) ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายจ้างให้มีหน้าที่ดูแลและเป็นหัวหน้าคนงานได้เข้ามาไกล่เกลี่ยและขออย่าให้ทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็กน้อย ต่อจากนั้นคนงานทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปนอนพักผ่อน ประมาณ 1-2 ชั่วโมงผ่านไป นายหนึ่งผู้ก่อเหตุยังไม่หายเมาและไม่ยอมเลิกรา บุกเข้าไปยังห้องพักของนายสามลากนายสามออกมาจากที่นอนและใช้มีดสปาร์ตาที่ใช้ทำสวนอินทผลัมฟันนายสามหลายครั้งจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและสลบไป โดยมีบาดแผลถูกฟันที่ศีรษะ ใบหน้าถูกดวงตาซ้ายแตกและไม่สามารถมองเห็นได้ มีดยังฟันถูกนิ้วมือขวาขาดอีก 2 นิ้ว นายสามถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยทางเฮลิคอปเตอร์ และแม้ว่าแพทย์จะเย็บนิ้วคืนให้ได้แต่นายสามก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวนิ้วทั้งสองได้ รวมทั้งยังสูญเสียดวงตาข้างซ้ายด้วย
และที่ต้องประสบเคราะห์ร้ายไปด้วยคือนายสี่ (นามสมมติ) ที่พักอยู่ห้องเดียวกับนายสาม โดยก่อนนายหนึ่งจะลากนายสามออกมาจากห้องได้ใช้มีดฟันที่ขาของนายสี่จนได้รับบาดเจ็บมาก แม้จะรักษาจนทุเลาดีแล้วแต่นายสี่ก็ยังเดินได้ไม่สะดวกเหมือนเดิม
นายหนึ่งถูกนำตัวขึ้นศาลซึ่งศาลเห็นว่านายหนึ่งกระทำความผิดฉกรรจ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีนายสามที่ถูกทำร้ายถึงสลบและต้องนำตัวไปรักษาโดยเฮลิคอปเตอร์ซึ่งหากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีนายสามอาจถึงตายได้ ศาลอิสราเอลจึงลงโทษนายหนึ่งอย่างหนักเป็น 3 กระทงความผิด ดังนี้
1. กรณีทำร้ายร่างกายนายสาม ถูกลงโทษจำคุก 13 ปี
และให้จ่ายค่าเสียหายให้นายสามเป็นเงิน 100,000 เชคเกล (ประมาณ 800,000
บาท)
2. กรณีทำร้ายร่างกายนายสี่ ถูกลงโทษจำคุก 2 ปี และให้จ่ายค่าเสียหายให้นายสี่
50,000 เชคเกล (ประมาณ 400,000 บาท)
3. กรณีทำร้ายร่างกายนายสอง ถูกลงโทษจำคุก 6 เดือน
นี่ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของปัญหาแรงงานไทยที่ดูเหมือนจะแก้ยังไงก็ไม่หาย เป็นข้อเสียที่ทำให้ภาพลักษณ์ของคนไทยเสียหายเป็นอย่างมาก แรงงานไทยมีชื่อเสียงที่ดีในเรื่องของความขยันและทักษะในการทำงาน เชื่อฟังนายจ้างไม่เรียกร้องงองแงเหมือนคนงานบางสัญชาติ แต่ข้อเสียใหญ่ๆ มี 2 อย่างคือ ชอบเล่นการพนัน และชอบดื่มเหล้า เมาสุราอาละวาด พอขาดสติก็ทำได้ทุกอย่าง ตั้งแต่ก่อความเดือดร้อนรำคาญไปจนถึงก่อคดีอุกฉกรรจ์ด้วยความขาดสติไม่คำนึงว่าการกระทำของตนจะทำให้ตัวเองและผู้อื่นเดือดร้อนแสนสาหัสขนาดไหน ตัวเองก็ต้องติดคุก ในบางประเทศลงโทษหนักถึงประหารชีวิต ผู้ที่ตัวเองไปทำร้ายก็ต้องจบชีวิตหรือพิการจนไม่สามารถทำงานหรือใช้ชีวิตได้เป็นปกติ ลำบากไปถึงครอบครัวอีกด้วย ทั้งครอบครัวผู้ก่อเหตุและผู้เสียหาย อย่างกรณีนายหนึ่งเองก็มีมารดาชราที่ต้องเลี้ยงดู
จึงขอฝากเตือนคนไทยที่จะไปทำงานในต่างประเทศให้ปฏิบัติตนให้ดี อยู่ห่างจากอบายมุขทั้งปวงโดยเฉพาะการดื่มสุราเพราะจะทำให้ขาดสติซึ่งจะเป็นต้นเหตุของการก่อปัญหาอื่นตามมา โปรดคำนึงอยู่เสมอว่า ทุกคนที่ไปทำงานก็เพื่อหาเงินมาสร้างอนาคตที่ดีให้กับตัวเองและครอบครัว การกระทำที่ขาดสตินอกจากจะเป็นการทำลายอนาคตตัวเองแล้วยังทำลายอนาคตผู้อื่นด้วย
ด้วยความปรารถนาดีจาก : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ
: กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น