



เอกอัครราชทูตไทยในอินโดนีเซียเดินทางไปจัดกิจกรรมกงสุลสัญจรที่เมืองยอกยาการ์ตา
ระหว่างวันที่ 7 – 10 สิงหาคม 2553 นายธนาธิป อุปัติศฤงค์ เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศอินโดนีเซียพร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตได้เดินทางไปจัดกิจกรรมกงสุลสัญจรที่เมืองยอกยาการ์ตาและเยี่ยมเยียนนักศึกษาไทย
เมืองยอกยาการ์ตาเป็นเมืองที่มีการปกครองแบบพิเศษโดยมีสุลต่านเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดโดยตำแหน่ง เมืองนี้ตั้งอยู่ตอนกลางของเกาะชวามีประชากรประมาณ 4 ล้านคน เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเนื่องจากเป็นศูนย์กลางศิลปวัฒนธรรม หัตถกรรม และการท่องเที่ยวโดยเป็นที่ตั้งของเจดีย์บุโรพุทโธแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปเยี่ยมชมจำนวนมาก เมืองยอกยาการ์ตาและเมืองใกล้เคียงอาทิ เมืองโซโล และเมืองโปโนโกโลมีนักศึกษาไทยอาศัยอยู่ประมาณ 150 คน นอกจากนั้นเมืองยอกยาการ์ตายังเป็นที่ตั้งของศูนย์ประสานงานนักศึกษาไทยในอินโดนีเซียสาขาเมืองยอกยาการ์ตา-โซโล ซึ่งมีนายยาซูลี บินดุเหล็มเป็นประธานอีกด้วย
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม เอกอัครราชทูตและเจ้าหน้าที่สถานทูตได้ไปพบปะและสนทนากับนายยาซูลีฯและตัวแทนนักศึกษาไทยเมืองยอกยาการ์ตาจำนวน 15 คน ได้รับทราบข้อมูลว่า นักศึกษาที่ศึกษาอยู่ในเมืองยอกยาการ์ตาและเมืองใกล้เคียงสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ระดับ คือ 1) ระดับต่ำกว่าอุดมศึกษา (โรงเรียนปอเนาะ) ซึ่งศึกษาด้านศาสนาและจะอยู่ในอินโดนีเซียคนละประมาณ 8 – 10 ปี และ 2) ระดับอุดมศึกษา ซึ่งศึกษาในสาขาต่างๆ ได้แก่ ศาสนา ร้อยละ 40 ครุศาสตร์ร้อยละ 30 และอื่นๆร้อยละ 30 โดยนักศึกษากลุ่มนี้จะอาศัยอยู่ในอินโดนีเซียคนละประมาณ 4 – 6 ปี
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2553 สถานทูตได้จัดบริการงานกงสุลขึ้นที่ห้องประชุมของโรงแรมเชอราตัน มุสติกา เมืองยอกยาการ์ตา ซึ่งมีคนไทยและนักศึกษาไทยไปขอรับบริการจำนวน 30 คน แบ่งเป็นทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่ 1 คน ส่วนที่เหลือขอรับคำปรึกษาด้านการรับรองเอกสารทะเบียนราษฎร์และการขอผ่อนผันการตรวจเลือกเพื่อเข้ารับราชการทหาร ซึ่งสถานทูตได้ใช้โอกาสนี้ประชาสัมพันธ์ในเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคนไทยในต่างประเทศ อาทิ การแจ้งความประสงค์ขอใช้สิทธิเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร การเตรียมความพร้อมและการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดภัยพิบัติหรือการจราจล และโครงการต่างๆของสถานทูตสำหรับนักศึกษาไทยมุสลิม ซึ่งคนไทยและนักศึกษาไทยที่ไปขอรับบริการให้ความสนใจเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นสถานทูตยังได้แจกแบบฟอร์มรายงานตัวคนไทยให้ผู้เข้ารับบริการกรอกข้อมูลบุคคลเพื่อสถานทูตนำไปปรับปรุงฐานข้อมูลคนไทยในประเทศอินโดนีเซียต่อไป
นายยาซูลีฯ กล่าวในนามคนไทยและนักศึกษาไทยในเมืองยอกยาการ์ตาและเมืองใกล้เคียงขอบคุณสถานทูตที่จัดกิจกรรมกงสุลสัญจรไปให้บริการและประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เรื่องต่างๆที่เกี่ยวกับคนไทยและนักศึกษาไทยในต่างประเทศในครั้งนี้ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการดำรงชีวิตของคนไทยและนักศึกษาไทยในอินโดนีเซีย
ระหว่างวันที่ 7 – 10 สิงหาคม 2553 นายธนาธิป อุปัติศฤงค์ เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศอินโดนีเซียพร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตได้เดินทางไปจัดกิจกรรมกงสุลสัญจรที่เมืองยอกยาการ์ตาและเยี่ยมเยียนนักศึกษาไทย
เมืองยอกยาการ์ตาเป็นเมืองที่มีการปกครองแบบพิเศษโดยมีสุลต่านเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดโดยตำแหน่ง เมืองนี้ตั้งอยู่ตอนกลางของเกาะชวามีประชากรประมาณ 4 ล้านคน เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเนื่องจากเป็นศูนย์กลางศิลปวัฒนธรรม หัตถกรรม และการท่องเที่ยวโดยเป็นที่ตั้งของเจดีย์บุโรพุทโธแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปเยี่ยมชมจำนวนมาก เมืองยอกยาการ์ตาและเมืองใกล้เคียงอาทิ เมืองโซโล และเมืองโปโนโกโลมีนักศึกษาไทยอาศัยอยู่ประมาณ 150 คน นอกจากนั้นเมืองยอกยาการ์ตายังเป็นที่ตั้งของศูนย์ประสานงานนักศึกษาไทยในอินโดนีเซียสาขาเมืองยอกยาการ์ตา-โซโล ซึ่งมีนายยาซูลี บินดุเหล็มเป็นประธานอีกด้วย
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม เอกอัครราชทูตและเจ้าหน้าที่สถานทูตได้ไปพบปะและสนทนากับนายยาซูลีฯและตัวแทนนักศึกษาไทยเมืองยอกยาการ์ตาจำนวน 15 คน ได้รับทราบข้อมูลว่า นักศึกษาที่ศึกษาอยู่ในเมืองยอกยาการ์ตาและเมืองใกล้เคียงสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ระดับ คือ 1) ระดับต่ำกว่าอุดมศึกษา (โรงเรียนปอเนาะ) ซึ่งศึกษาด้านศาสนาและจะอยู่ในอินโดนีเซียคนละประมาณ 8 – 10 ปี และ 2) ระดับอุดมศึกษา ซึ่งศึกษาในสาขาต่างๆ ได้แก่ ศาสนา ร้อยละ 40 ครุศาสตร์ร้อยละ 30 และอื่นๆร้อยละ 30 โดยนักศึกษากลุ่มนี้จะอาศัยอยู่ในอินโดนีเซียคนละประมาณ 4 – 6 ปี
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2553 สถานทูตได้จัดบริการงานกงสุลขึ้นที่ห้องประชุมของโรงแรมเชอราตัน มุสติกา เมืองยอกยาการ์ตา ซึ่งมีคนไทยและนักศึกษาไทยไปขอรับบริการจำนวน 30 คน แบ่งเป็นทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่ 1 คน ส่วนที่เหลือขอรับคำปรึกษาด้านการรับรองเอกสารทะเบียนราษฎร์และการขอผ่อนผันการตรวจเลือกเพื่อเข้ารับราชการทหาร ซึ่งสถานทูตได้ใช้โอกาสนี้ประชาสัมพันธ์ในเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคนไทยในต่างประเทศ อาทิ การแจ้งความประสงค์ขอใช้สิทธิเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร การเตรียมความพร้อมและการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดภัยพิบัติหรือการจราจล และโครงการต่างๆของสถานทูตสำหรับนักศึกษาไทยมุสลิม ซึ่งคนไทยและนักศึกษาไทยที่ไปขอรับบริการให้ความสนใจเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นสถานทูตยังได้แจกแบบฟอร์มรายงานตัวคนไทยให้ผู้เข้ารับบริการกรอกข้อมูลบุคคลเพื่อสถานทูตนำไปปรับปรุงฐานข้อมูลคนไทยในประเทศอินโดนีเซียต่อไป
นายยาซูลีฯ กล่าวในนามคนไทยและนักศึกษาไทยในเมืองยอกยาการ์ตาและเมืองใกล้เคียงขอบคุณสถานทูตที่จัดกิจกรรมกงสุลสัญจรไปให้บริการและประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เรื่องต่างๆที่เกี่ยวกับคนไทยและนักศึกษาไทยในต่างประเทศในครั้งนี้ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการดำรงชีวิตของคนไทยและนักศึกษาไทยในอินโดนีเซีย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น