พายุไต้ฝุ่นเมกิเช้าฟิลิปปินส์เมื่อวันที่ 17-18ตุลาคม คนไทยปลอดภัย
นายประสิทธิพร เวชย์ประสิทธิ์ ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศแถลงว่า ตามที่พายุไต้ฝุ่นเมกิ ซึ่งมีความเร็วแรงลมประมาณ 260 กิโลเมตร/ชั่วโมงขึ้นฝั่งประเทศฟิลิปปินส์ทางตอนเหนือของเกาะลูซอน เมื่อวันที่ 17-18 ตุลาคม 2553 ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายทั่วไป อาทิ น้ำท่วมฉับพลันและโคลนถล่ม บ้านเรือนที่อยู่อาศัย พื้นที่เพาะปลูกมีน้ำท่วมขัง และได้รับความเสียหาย ไฟฟ้าดับ การคมนาคมทางอากาศและทางเรือติดค้าง โดยมีรายงานว่าชาวฟิลิปปินส์เสียชีวิตจำนวน 7 ราย
สถานเอกอัครราชทูตณ กรุงมะนิลารายงานว่า ได้ออกประกาศเวียนเตือนชุมชนไทยให้ระมัดระวังตัวจากผลความเสียหายของพายุไต้ฝุ่นและขอให้ติดตามรับฟังข่าวสาร ข้อแนะนำ/มาตรการต่างๆจากหน่วยงานฟิลิปปินส์ ทั้งนี้จากการตรวจสอบของสถานเอกอัครราชทูตฯ กับชุมชนไทยซึ่งทำงานหรืออาศัยอยู่ในเกาะลูซอนบริเวณที่พายุพัดผ่านอาทิ พนักงานคนไทยของบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ (ฟาร์มปลาและกุ้ง) บริษัท SCG (โรงงานผลิตกระดาษ) รวมทั้งนักศึกษาไทยที่มหาวิทยาลัย CLSU ปรากฏว่าทุกคนปลอดภัย แต่มีรายงานว่าฟาร์มเลี้ยงปลาของบริษัทเจริญโภคภัณฑ์บางส่วนได้รับความเสียหายจากความแรงของลมพายุ
นายประสิทธิพรฯ กล่าวว่าโดยทั่วไปฟิลิปปินส์จะประสบภัยพิบัติจากพายุไต้ฝุ่นปีละประมาณ 20 ลูก ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม – ธันวาคม ดังนั้นคนไทยที่ประสงค์จะเดินทางไปท่องเที่ยวหรือทำธุรกิจในประเทศฟิลิปปินส์ในช่วงเวลาดังกล่าวควรตรวจสอบสภาพภูมิอากาศด้วยเพื่อความปลอดภัย
ปัจจุบันมีคนไทยพำนักอยู่ในประเทศฟิลิปปินส์ประมาณ 550 คน โดยอาศัยอยู่ในพื้นที่กรุงมะนิลาและเกาะลูซอนประมาณ 300 คน และเกาะเซบูประมาณ 200 คน ที่เหลือพำนักอยู่ตามเกาะต่างๆกระจัดกระจาย
นายประสิทธิพร เวชย์ประสิทธิ์ ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศแถลงว่า ตามที่พายุไต้ฝุ่นเมกิ ซึ่งมีความเร็วแรงลมประมาณ 260 กิโลเมตร/ชั่วโมงขึ้นฝั่งประเทศฟิลิปปินส์ทางตอนเหนือของเกาะลูซอน เมื่อวันที่ 17-18 ตุลาคม 2553 ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายทั่วไป อาทิ น้ำท่วมฉับพลันและโคลนถล่ม บ้านเรือนที่อยู่อาศัย พื้นที่เพาะปลูกมีน้ำท่วมขัง และได้รับความเสียหาย ไฟฟ้าดับ การคมนาคมทางอากาศและทางเรือติดค้าง โดยมีรายงานว่าชาวฟิลิปปินส์เสียชีวิตจำนวน 7 ราย
สถานเอกอัครราชทูตณ กรุงมะนิลารายงานว่า ได้ออกประกาศเวียนเตือนชุมชนไทยให้ระมัดระวังตัวจากผลความเสียหายของพายุไต้ฝุ่นและขอให้ติดตามรับฟังข่าวสาร ข้อแนะนำ/มาตรการต่างๆจากหน่วยงานฟิลิปปินส์ ทั้งนี้จากการตรวจสอบของสถานเอกอัครราชทูตฯ กับชุมชนไทยซึ่งทำงานหรืออาศัยอยู่ในเกาะลูซอนบริเวณที่พายุพัดผ่านอาทิ พนักงานคนไทยของบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ (ฟาร์มปลาและกุ้ง) บริษัท SCG (โรงงานผลิตกระดาษ) รวมทั้งนักศึกษาไทยที่มหาวิทยาลัย CLSU ปรากฏว่าทุกคนปลอดภัย แต่มีรายงานว่าฟาร์มเลี้ยงปลาของบริษัทเจริญโภคภัณฑ์บางส่วนได้รับความเสียหายจากความแรงของลมพายุ
นายประสิทธิพรฯ กล่าวว่าโดยทั่วไปฟิลิปปินส์จะประสบภัยพิบัติจากพายุไต้ฝุ่นปีละประมาณ 20 ลูก ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม – ธันวาคม ดังนั้นคนไทยที่ประสงค์จะเดินทางไปท่องเที่ยวหรือทำธุรกิจในประเทศฟิลิปปินส์ในช่วงเวลาดังกล่าวควรตรวจสอบสภาพภูมิอากาศด้วยเพื่อความปลอดภัย
ปัจจุบันมีคนไทยพำนักอยู่ในประเทศฟิลิปปินส์ประมาณ 550 คน โดยอาศัยอยู่ในพื้นที่กรุงมะนิลาและเกาะลูซอนประมาณ 300 คน และเกาะเซบูประมาณ 200 คน ที่เหลือพำนักอยู่ตามเกาะต่างๆกระจัดกระจาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น