นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเปิดการประชุมกงสุลทั่วโลก ประจำปี 2554
เมื่อ วันที่ 6 กันยายน 2554 นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เป็นประธานเปิดการประชุมกงสุลทั่วโลก ประจำปี 2554 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-9 กันยายน 2554 โดยได้มอบนโยบายให้แก่เจ้าหน้าที่กงสุลไทยที่ประจำอยู่สถานเอกอัครราชทูตและ สถานกงสุลใหญ่ไทย 91 แห่ง จาก 65 ประเทศทั่วโลก ณ โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค กรุงเทพฯ
ในโอกาสดังกล่าว รัฐมนตรีว่าการฯ กล่าวว่า งานกงสุลถือเป็นหัวใจของงานบริการของกระทรวงการต่างประเทศ เนื่องจากเป็นงานที่ใกล้ชิดประชาชน ช่วยเหลือคนไทยทั่วโลก คุ้มครองดูแลผลประโยชน์คนไทย และแรงงานไทยในต่างประเทศ ตลอดจนส่งเสริมบทบาทและสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนไทยในการรักษาเอกลักษณ์ ความเป็นไทย ตามนโยบาย “การทูตเพื่อประชาชน” ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กงสุลจะต้องมีจิตบริการ สามารถเข้าถึงคนไทยกลุ่มต่าง ๆ ในต่างประเทศได้ และพร้อมดำเนินนโยบายการทูตเชิงรุกเพื่อป้องกันปัญหาต่าง ๆ อาทิ การประชาสัมพันธ์เตือนคนไทยในยามวิกฤต การสร้างเครือข่ายกับองค์กรและหน่วยงานที่เป็นพันธมิตร การมีแผนงานรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจส่งผลกระทบต่อคนไทย เป็นต้น
ทั้ง นี้ การประชุมกงสุลทั่วโลกจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นเวทีประมวลภาพรวมงานกงสุลทั่วโลก ตลอดจนเป็นโอกาสเจ้าหน้าที่กงสุลที่ประจำอยู่ที่กระทรวงฯ กับเจ้าหน้าที่กงสุลจากสถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่ทั่วโลก ได้เรียนรู้ แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ระหว่างกัน ที่สำคัญ ต้องสามารถนำนโยบายและแนวทางที่ได้รับจากการประชุมไปใช้สำหรับการปฏิบัติงาน ในการดูแลทุกข์สุขของคนไทยต่อไป
อนึ่ง หลังพิธีเปิดการประชุมฯ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเพิ่มเติมว่า ถือเป็นนิมิตหมายอันดี ที่กรมการกงสุลกับกระทรวงมหาดไทยจะได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกันใน อนาคตอันใกล้ เพื่อให้คนไทยสามารถทำบัตรประชาชนได้ในต่างแดน แทนที่จะต้องเดินทางกลับมาทำที่ประเทศไทย
กระทรวงการต่างประเทศภาย ใต้การนำของตน จะมุ่งเน้นการเสริมสร้างสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านและประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคต่าง ๆ โดยตนมีแผนตามนายกรัฐมนตรีเยือนกัมพูชาในวันที่ 15 กันยายน 2554 เพื่อแนะนำตน และหากโอกาสอำนวย จะหารือเรื่องนายวีระฯ และ นส.ราตรีฯ สองคนไทยที่ยังถูกคุมขังที่กัมพูชา ทั้งนี้ ปัจจุบัน สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ได้ดูแลเรื่องสวัสดิภาพ ความเป็นอยู่ และอาหารการกินของสองคนไทย ตลอดจนประสานงานกับทางการกัมพูชาให้ญาติของสองคนไทยได้มีโอกาสเยี่ยมบ่อย ครั้งขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น