วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซลจัดกิจกรรมกงสุลสัญจร

 อัครราชทูตที่ปรึกษาอุศณา พีรานนท์

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซลจัดกิจกรรมกงสุลสัญจร

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี รายงานว่า สถานเอกอัครราชทูตได้จัดกิจกรรมกงสุลสัญจรครั้งที่ 5 และครั้งที่ 6 ประจำปีงบประมาณ 2554 ดังนี้

การจัดกงสุลสัญจรครั้งที่ 5 ที่ นครปูซานเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2554:
-สถานเอกอัครราชทูตได้รับความอนุเคราะห์จกศูนย์ช่วยเหลือแรงงานต่างชาติ เมืองคิมแฮให้ใช้สถานที่ในการจัดกิจกรรม ระหว่างเวลา 09.00-18.30 น. โดยได้รับความสนใจจากคนไทยซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้แรงงานที่อาศัยอยู่ในเขตนครปูซาน เมืองอุลซาน เมืองคิมแฮ เกาะคอเจ และพื้นที่ใกล้เคียงไปขอรับบริการทำหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์  ทำสูติบัตร ทำนิติกรณ์ รวมถึงการแปลเอกสารต่างๆ และทำหนังสือมอบอำนาจเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 180 ราย

-สถานเอกอัครราชูตได้รับความร่วมมือจากสำนักงานแรงงานประจำกรุงโซล จัดเจ้าหน้าที่ไปให้คำปรึกษาและรับเรื่องราวร้องทุกข์จากแรงงานไทย และสำนักงานบริษัทการบินไทยจำกัด (มหาชน) ประจำนครปูซาน ได้ร่วมให้บริการจำหน่ายบัตรโดยสารราคาพิเศษให้แก่แรงงานไทยที่มีความประสงค์จะเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านในช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม 2554

-ในโอกาสนี้ศูนย์ช่วยเหลือได้รวบรวมเงินบริจาคของแรงงานและชาวไทยที่มารับบริการกงสุลสัญจรเพื่อช่วยเหลือเป็นค่ารักษาพยาบาลนายธนวัฒน์ แก้วอ้าย แรงงานไทยที่ป่วยด้วยโรคไข้สมองอักเสบ และเข้ารับการรักาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยทงอา ได้เงินทั้งสิ้นประมาณ 860,000 วอน โดยเจ้าหน้าที่ของศูนย์ช่วยเหล์ฯ ได้มอบเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่นางปรัศนี พิมลรุ่งเรืองกุล น้องสาวของนายธนวัฒน์ฯ ซึ่งภายหลังนายธนวัฒน์ฯทได้เดินทางกลับมารักษาตัวต่อที่ประเทศไทยแล้วเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2554

การจัดกงสุลสัญจรครั้งที่ 6 ที่จังหวัดเจจู วันที่ 24 กรกฎาคม 2554
-สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้รับความอนุเคราะห์จากศูนย์ตรวจคนเข้าเมืองเจจู และศูนย์ส่งเสริมครอบครัวพหุวัฒนธรรมเจจูให้ใช้สถานที่ในการจัดกิจกรรมระหว่างเวลา 09.30-15.30 น. โดยมีแรงงานไทยซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานภาคเกษตรกรรม (ฟาร์มเลี้ยงหมูและคอกม้า) และแรงงานฝีมือในโรงงานตัดหินที่อาศัยอยู่บนเกาะเจจูไปขอรับบริการด้านกงสุล อาทิ การทำหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ การทำนิติกรณ์ซึ่งรวมถึงการแปลเอกสารต่างๆ ตลอดจนขอรับคำปรึกษาทั้งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทำงานและเรื่องส่วนตัวเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 25 ราย

-สำนักงานแรงงานประจำกรุงโซลได้จัดเจ้าหน้าที่เดินทางไปให้คำปรึกษาและรับเรื่องราวร้องทุกข์จากแรงงานไทย ทั้งนี้แรงงานที่มารับคำปรึกษาส่วนใหญ่ขอรับคำปรึกษาเรื่องการย้ายงานเนื่องจากไม่พอใจลักษณะงาน โดยเฉพาะงานตัดหินซึ่งเป็นงานอันตรายและงานเลี้ยงหมูซึ่งเป็นงานไม่เหมาะกับแรงงานสตรี นอกจากนี้ สถานเอกอัครราชทูต และสำนักงานแรงงานยังได้รับการร้องขอจากนายจ้างจำนวนมากให้ช่วยประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเกาหลีใต้ให้ต่อใบอนุญาตแรงงานที่ทำงานครบ 5 ปี ให้สามารถทำงานให้กับตนได้ต่อไปเนื่องจากพอใจกับการทำงานของแรงงานไทย และมีความสนิทคุ้นเคย รวมทั้งชำนาญงานเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ซึ่งสถานเอกอัคราชทูตได้แสดงความขอบคุณนายจ้างที่ได้ดูแลแรงงานไทยเป็นอย่างดี และแจ้งให้ทราบว่า สถานเอกอัครราชทูตฯ ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตของประเทศผู้ส่งออกแรงงานอื่นๆอาทิ ฟิลิปปินส์และเวียดนามกำลังเจรจากับรัฐบาลเกาหลีใต้ให้พิจารณากฎระเบียบในการจ้างแรงงานภายใต้ระบบ Employment Permit System (EPS) ให้สามารถต่ออายุการจ้างงานของแรงงานอายุครบวาระ 5 ปีต่อไป และขอให้ฝ่ายนายจ้างช่วยสนับสนุนผลักดันโดยรวมตัวกันร้องเรียนผ่านสมาคมนายจ้างอีกทางหนึ่ง

-อัครราชทูตที่ปรึกษาอุศณา พีรานนท์ พร้อมด้วยนางณคประภา บำรุงสุข รองผู้ช่วยทูตฝ่ายแรงงานและนายณัฐพล สองหนู เจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุล ได้เดินทางไปเยี่ยมแรงงานไทยในฟาร์มเลี้ยงหมูรายหนึ่งซึ่งป่วยจากอาหารเป็นพิษอย่างรุนแรง ละเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเจจู ฮัลลา ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2554 และโดยที่มีอาการติดเชื้อในกระแสเลือดทำให้หมดสติเป็นเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ เซลและเนื้อเยื่อที่มือและเท้าตายต้องตัดสินใจตัดขาทั้งสองข้าง รวมทั้งนิ้วมือข้างซ้ายอีกสองนิ้ว ขณะนี้อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลต่อไปเพื่อฟื้นฟูกล้ามเนื้อและรอขาเทียม ทั้งนี้แรงงานผู้นี้ได้แจ้งความประสงค์ที่จะขอรับการฝึกอาชีพสำหรับผู้พิการก่อนที่จะเดินทางกลับประเทศไทย ซึ่งสถานเอกอัครราชทูต และสำนักงานแรงงานจะได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเกาหลีใต้เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือ รวมทั้งติดตามเรื่องเงินชดเชยและสิทธิประโยชน์ต่างๆให้ต่อไป

-นอกจากนี้ คณะเจ้าหน้าที่กงสุลสัญจรได้เดินทางไปพบปะให้กำลังใจแรงงานไทย 6 คนซึ่งทำงานที่โรงงานตัดหินเจจูสโตน  ซึ่งประสบอุบัติเหตไฟไหม้ที่พักคนงานเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2554 ทำให้แรงงานไทยรายหนึ่งเสียชีวิต และอีกรายหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องเข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล และปัจจุบันย้ายไปรักษาตัวที่ศูนย์บำบัดเพื่อฟื้นฟูร่างกายต่อไป

-การจัดกิจกรรมกงสุลสัญจรที่นครปูซานและจังหวัดเจจูดังกล่าวนับเป็นประโยชน์อย่างยิ่งเนื่องจากเป็นพื้นที่ห่างไกลและชาวไทยที่ประสงค์จะขอรับบริการด้านต่างๆจากสถานเอกอัครราชทูตจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางจำนวนมาก การให้บริการกงสุลสัญจรซึ่งรวมถึงการให้บริการรับคำร้องทำหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์จึงช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่คนไทยโดยเฉพาะแรงงานไทยที่โรงงานเจจูสโตนซึ่งไม่สามารถเดินทางไปกรุงโซลได้เนื่องจากเอกสารประจำตัวและเอกสารการเดินทางทั้งหมดถูกทำลายจากเหตุการณ์ไฟไหม้ที่พักคนงาน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น