ปัจจุบันมีการจัดโครงการแลกเปลี่ยนนักเรียนและนักศึกษาเพื่อเดินทางไปต่างประเทศเกิดขึ้นจำนวนมาก
และกำลังเป็นที่นิยมของเด็กไทยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็น “โอกาส” ที่ช่วยให้เยาวชนได้เดินทางไปเรียนรู้และหาประสบการณ์ใหม่ๆ ในต่างประเทศ
แต่โอกาสดังกล่าวไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิดเสมอไป...
บ่อยครั้งที่สถานเอกอัครราชทูต/
สถานกงสุลใหญ่ไทย ในต่างประเทศ ได้รับคำร้องเรียนขอความช่วยเหลือในกรณีนักเรียนจากโครงการแลกเปลี่ยนเหล่านี้
โดยเฉพาะในเรื่องค่าใช้จ่าย
ที่ผู้เข้าร่วมโครงการต้องจ่ายมากกว่าที่ได้ตกลงกันไว้ก่อนเดินทาง
ล่าสุด สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซากา ได้รายงานการช่วยเหลือเด็กไทยในโรงเรียนสอนภาษาแห่งหนึ่งในนครโอซากา
ซึ่งผิดสัญญาการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในด้านค่าเทอมเรียนภาษา ค่าที่พัก และค่าอาหาร
ทำให้ทั้งเด็กและผู้ปกครองเดือดร้อนต้องจ่ายเงินในส่วนดังกล่าวเองเมื่อเดินทางไปถึง
และเนื่องจากค่าครองชีพในญี่ปุ่นสูงกว่าประเทศไทยหลายเท่า
ยากที่เด็กจะสามารถดูแลตัวเองได้โดยลำพัง สุดท้ายต้องกู้หนี้ยืมสินเพื่อซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางกลับประเทศไทย
กรมการกงสุลจึงขอฝากข้อแนะนำเล็กๆ น้อยๆ
สำหรับผู้ที่สนใจจะเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนด้วยว่าจะต้องตรวจสอบโรงเรียนสอนภาษา
หรือบริษัทที่รับจัดโครงการฯ ว่าน่าเชื่อถือหรือไม่? มีค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมโครงการฯ
เป็นจำนวนเท่าไร? ที่สำคัญเด็กจะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายอะไรด้วยตนเองบ้าง?
และอย่าลืมตรวจสอบว่าโครงการฯ ได้จัดทำประกันอุบัติเหตุ หรือประกันสุขภาพรวมอยู่ในค่าใช้จ่ายด้วยหรือไม่?
...คำถามเหล่านี้ ต้องมีคำตอบที่ชัดเจนก่อน
จึงค่อยตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ...
ที่มา : กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น