ตำรวจมาเลเซียต้อนรับปีใหม่โดยการออกกวาดล้างสถานบันเทิงในกรุงกัวลาลัมเปอร์และจับกุมคนต่างชาติได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งในจำนวนนี้มีคนไทยทั้งชาย-หญิง รวมอยู่ด้วยถึง 33 คน สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ต้องส่งกงสุลไทยและเจ้าหน้าที่แรงงานออกไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้พร้อมทั้งขอเข้าเยี่ยมคนไทยที่ถูกจับกุมทั้งหมดด้วย
จากการพูดคุยกับคนไทยที่ถูกจับกุม พบว่า
ส่วนที่เป็นหญิงไทย 24 คน อ้างว่าเดินทางเข้าไปเที่ยวในมาเลเซียได้หลายวันแล้วและได้เข้าไปเที่ยวผับเพื่อฉลองปีใหม่
(เคาท์ดาวน์) กับเพื่อนชายชาวมาเลย์และถูกตำรวจเข้าจับกุม
ทั้งหมดอ้างว่าไม่ได้ทำผิดอะไรและปฏิเสธที่จะบอกชื่อหรือขอรับความช่วยเหลือจากกงสุล
โดยขณะที่กงสุลเข้าไปเยี่ยมที่สถานีตำรวจ
สังเกตเห็นว่ามีชาวมาเลย์หลายคนกำลังให้คำแนะนำในการตอบคำถามกับตำรวจด้วย
ส่วนคนไทยอีก 9 คน (ชาย 7 คน หญิง 2 คน ) ที่เป็นนักร้องนักดนตรีถูกนำตัวไปฝากขังไว้ยังสถานีตำรวจอีกแห่งหนึ่งซึ่งตำรวจได้ตั้งข้อหาในเบื้องต้นคือไม่มีใบอนุญาตทำงาน
ตำรวจมาเลย์เจ้าของคดีได้แจ้งแก่กงสุลว่า
คนไทยเหล่านี้เข้ามาทำงานตามผับต่างๆ ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ บ้างเป็นคนเชียร์แขก
บ้างเต้นโคโยตี ที่เป็นนักร้องนักดนตรีก็มีด้วยเช่นกัน ทั้งหมดถูกจับกุมในผับ 2
แห่ง และถูกตั้งข้อหาทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต เข้าเที่ยวสถานบันเทิงกับชายอื่นที่ไม่ใช่สามี
และหากตรวจปัสสาวะแล้วพบสารเสพติดจะตั้งข้อหาเพิ่มอีก
ในเรื่องการเดินทางไปทำงานในมาเลเซียนี้
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลัวเปอร์ และสำนักงานแรงงานไทยในมาเลเซีย ได้มีการแจ้งข้อมูลและเตือนมาเป็นระยะให้คนไทยโดยเฉพาะผู้หญิง
ให้ระมัดระวังตรวจสอบข้อมูลให้ดีเสียก่อน
และหญิงไทยห้ามเข้าไปเที่ยวในสถานบันเทิงกับชายอื่นที่ไม่มีหลักฐานว่าเป็นสามีจริง
เพราะนอกจากจะถูกจับกุมและตั้งข้อหาทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตแล้ว
อาจโดนข้อหาค้าประเวณีด้วย
ประเทศมาเลเซียเป็นประเทศมุสลิมแต่ก็มีคนหลากเชื้อชาติหลายศาสนาและความเชื่อจึงมีคนมาเลย์ที่ไม่ใช่มุสลิมอยู่จำนวนไม่น้อยซึ่งคนเหล่านี้ต้องการความบันเทิงเริงรมณ์
การทำธุรกิจบันเทิงถือเป็นธุรกิจที่ทำรายได้ดีจึงมีการบริการด้านแหล่งบันเทิงและสถานเริงรมณ์เปิดบริการจำนวนมากโดยเจ้าของกิจการจะจัดส่งเอเยนต์ไปชักชวนคนต่างชาติโดยเฉพาะคนไทยไปทำงานหลากหลายวิธีและยอมจ่ายใต้โต๊ะให้แก่เจ้าหน้าที่ทางการท้องถิ่น
จึงขอย้ำเตือนกันมาอีกครั้งให้แก่ผู้ที่ประสงค์จะไปเที่ยวหรือทำงานในประเทศมาเลเซียโดยคาดหวังจะให้นายจ้างจัดหาใบอนุญาตให้ภายหลังนั้น
ถือเป็นการหลอกลวง เสี่ยงภัยและอาจถูกจับกุมดำเนินคดีซึ่งทางสถานเอกอัครราชทูตฯ
เองก็ไม่สามารถช่วยเหลือผู้กระทำผิดได้มากนัก
ที่มา : สถานเอกอัครราชทูต
ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์
สำนักงานแรงงานไทยประจำประเทศมาเลเซีย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น