วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2555

ภารกิจบุญข้ามพรมแดน

ชาวพุทธทุกคนคงทราบดีถึงสถานที่อันเป็นสังเวชนียสถาน 4 แห่งที่ชาวพุทธหากมีโอกาสก็หวังจะได้ไปเยือนเพื่อสักการะเป็นสิริมงคลของชีวิต 

สังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่ง อันประกอบด้วย 
1. สถานที่ประสูติ ตั้งอยู่ที่ลุมพินี เขตประเทศเนปาล (ห่างจากพรมแดนอินเดีย-เนปาล 32 กม.) 


2. สถานที่ตรัสรู้ ที่ตำบลพุทธคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย

3. สถานที่แสดงปฐมเทศนา ตั้งอยู่ที่เมืองพาราณสี ประเทศอินเดีย

4. สถานที่ดับขันธปรินิพพาน ตั้งอยู่ที่เมืองกุสินารา ประเทศอินเดีย

ในแต่ละปี ชาวพุทธจากทุกมุมโลกจะเดินทางไปแสวงบุญยังสังเวชนียสถานดังกล่าวเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนไทยพุทธ แต่เนื่องจากบริเวณที่ตั้งของสังเวชนียสถานแต่ละแห่งยังคงไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงพอ และผู้แสวงบุญต้องเดินทางจาริกไปสักการะให้ครบทั้ง 4 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ห่างกันมาก โดยเฉพาะในส่วนของสถานที่ประสูติ หรือลุมพินีที่ตั้งอยู่ในเขตประเทศเนปาล ผู้แสวงบุญต้องเดินทางข้ามพรมแดนทางบกจากประเทศอินเดียเข้าไปประเทศเนปาลซึ่งมักจะไม่ได้รับความสะดวกด้านการเข้าเมืองอีกด้วย อีกทั้งยังมีปัญหาด้านสาธารณสุข และสภาพอากาศที่ทำให้ผู้แสวงบุญเจ็บป่วยได้ง่าย

ท่านทูตมาริษ เสงี่ยมพงษ์ เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศเนปาล ตระหนักถึงปัญหาต่างๆ ของผู้แสวงบุญชาวไทยเป็นอย่างดีจึงได้เสนอให้กระทรวงการต่างประเทศส่งผู้ช่วย ตำแหน่งกงสุลพิเศษประจำเมืองลุมพินี ปฏิบัติภารกิจบุญอำนวยความสะดวกแก่ผู้แสวงบุญชาวไทย โดยมีหน้าที่ประสานกับหน่วยงานของอินเดียและเนปาลในการที่จะให้การเดินทางข้ามพรมแดนของผู้แสวงบุญเป็นไปด้วยความรวดเร็วและเรียบร้อย และประสานงานต่างๆ ตำแหน่งกงสุลเมืองลุมพินีนี้เป็นตำแหน่งที่ขอแรงจากนักการทูตของกระทรวงฯ อาสาสมัครสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันคราวละ 3 เดือนไปปฏิบัติงานในหน้าที่ดังกล่าว

และเมื่อวันที่ 9 ม.ค. 55 ได้มีผู้แสวงบุญชาวไทยรายหนึ่งเป็นลมหมดสติถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในเมือง Bhairahwa ประเทศเนปาล ซึ่งต่อมากงสุลและสถานทูตรวมทั้งแพทย์ผู้รักษาเห็นว่าโรงพยาบาลดังกล่าวเป็นโรงพยาบาลขนาดเล็ก ขาดเครื่องมือทางการแพทย์ที่จำเป็นต่อการรักษาอาการของชายไทยผู้แสวงบุญรายดังกล่าวซึ่งคาดว่าหมดสติเนื่องจากเส้นเลือดในสมองแตก จึงได้ส่งตัวผู้ป่วยไปรักษาตัวยังประเทศอินเดียซึ่งอยู่ใกล้กว่า และได้ติดต่อญาติผู้ป่วยที่เมืองไทยให้เดินทางไปเยี่ยมอาการป่วยของผู้แสวงบุญรายนี้ที่ประเทศอินเดียด้วยแล้ว

นอกจากคนไทยแล้ว น้ำใจจากสถานทูตไทยและวัดไทยลุมพินียังเผื่อแผ่ไปยังชาวต่างชาติอีกด้วย โดยเมื่อวันที่  3 ม.ค. 55 ได้เกิดเหตุการณ์ที่น่าสลดขึ้นเมื่อชายชาวจีนคนหนึ่งได้กระทำอัตวิบาตกรรม (ฆ่าตัวตาย) ที่เมืองโพคารา ประเทศเนปาล หลังจากติดตามภรรยาชาวไทยร่วมแสวงบุญที่ลุมพินีกับคณะทัวร์ชาวไทย พระราชรัตนรังษี ปฏิบัติหน้าที่เจ้าอาวาสวัดไทยลุมพินี ก็ได้เดินทางมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนาให้กับผู้เสียชีวิต และสร้างขวัญกำลังใจแก่ภรรยาชาวไทยรวมทั้งคณะทัวร์ชาวไทยที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันกับผู้เสียชีวิตด้วย ส่วนสถานทูตก็ได้ช่วยประสานกับสถานทูตจีนในเนปาล รวมถึงทางการท้องถิ่นของเนปาลเพื่อนำศพของผู้เสียชีวิตกลับประเทศจีน แต่ทางการจีนแจ้งว่าไม่สามารถนำศพกลับประเทศจีนได้ ในที่สุด ภรรยาชาวไทยและญาติผู้เสียชีวิตก็ต้องตัดสินใจฌาปณกิจศพที่ประเทศเนปาล จากกรณีดังกล่าวแม้ว่าผู้เสียชีวิตจะเป็นคนต่างชาติแต่ก็มีภรรยาเป็นคนไทยและเดินทางมาจาริกแสวงบุญและท่องเที่ยวที่ประเทศเนปาลกับคณะคนไทย เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของญาติผู้เสียชีวิตและคณะชาวไทยเป็นอย่างมาก เจ้าหน้าที่สถานทูต กงสุลเมืองลุมพินีได้ประสานใกล้ชิดกับวัดไทยลุมพินี หน่วยงานเนปาล และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลืออำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างเต็มที่ รวมทั้งสร้างขวัญกำลังใจแก่ญาติและคณะชาวไทยอื่นๆ

นอกเหนือจากการอำนวยความสะดวกแก่ผู้แสวงบุญดังกล่าวแล้ว กงสุลเมืองลุมพินี ยังมีบทบาทสำคัญในการประสานความร่วมมือกับวัดไทยลุมพินีในการดำเนินโครงการต่างๆเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ชาวเนปาลผู้ยากไร้ อาทิ โครงการผ่าตัดตาต้อกระจก การร่วมบริจาคเงินเพื่อสร้างอาคารเรียนให้แก่โรงเรียน Metta ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ตั้งอยู่ชายขอบประเทศเนปาล และบ้านเด็กกำพร้าดาวเน่ รวมทั้งการบริจาคผ้าห่ม ข้าวสารแก่ผู้ยากไร้ชาวเนปาล การนำคณะแพทย์ไทยไปให้การรักษาชาวเนปาลในคลินิกของวัดเนปาล  เขตเมืองลุมพินี กิจกรรมต่างๆ ข้างต้นนับเป็นการเสริมสร้างความเข้าใจอันดีในระดับประชาชนชาวไทยและเนปาลที่บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมและมีความชัดเจน รวมทั้งเป็นการเผยแผ่งานพุทธศาสนาด้านศาสนสงเคราะห์อีกด้วย




ที่มา : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกาฐมาณฑุ







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น