- ผู้เชี่ยวชาญจาก ก. สาธารณสุข เวียนผลการตรวจรังสีในอาหารที่มีรายงานเมื่อวันที่ 9-15 ส.ค. 54 รวมจำนวน 1,482 รายการ พบรังสีเกินกำหนดในเนื้อวัวจาก จ. อิวาเทะ 2 ตย. จ. โทจิกิ 1 ตย. จ. มิยางิ 1 ตย., ปลาอะยุ จากแม่น้ำมาโนะ เมืองมินามิโซมะ จ. ฟุคุชิมะ 1 ตย., เห็ดนาเมโกะที่ปลูกกลางแจ้ง จากเมืองโซมะ จ. ฟุคุชิมะ 1 ตย., เห็ดจิจิทาเกะ จากเมืองฟุรุโดโนะ จ. ฟุคุชิมะ 1 ตย.,
- ผู้เชี่ยวชาญจาก ก. ศึกษา วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี (MEXT) แจ้งว่าจากการตรวจรังสีรอบโรงไฟฟ้าฯ ล่าสุด ไม่พบความเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญ ทั้งนี้ จากการวัดรังสีทางอากาศในระยะ 20 กม. จากโรงไฟฟ้าฯ พบ Cs ในปริมาณที่ต่ำมาก และตรวจไม่พบรังสีในน้ำทะเลใกล้โรงไฟฟ้า แต่พบ Cs ในดินใต้ทะเลนอกชายฝั่งจากโรงไฟฟ้าฯ ที่ตรวจทุกจุด
- ผู้เชี่ยวชาญจาก คกก. ความปลอดภัยนิวเคลียร์ญี่ปุ่น (NSC) แจ้งว่าไม่พบความเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญจากการตรวจรังสีใน สวล. แต่พบ Cs ระดับต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนดใน ตย. ฝุ่นจากรัศมี 20 กม. และไกลออกไปจากโรงไฟฟ้าฯ รวมทั้งในน้ำทะเลใกล้โรงไฟฟ้าฯ ดินใต้แม่น้ำ และทะเลสาบเช่นกัน ส่วนน้ำประปาในทุก จ. ต่ำกว่ามาตรฐานที่ห้ามมาก
- ผู้เชี่ยวชาญจาก สนง. ความปลอดภัยทางนิวเคลียร์และอุตสาหกรรม (NISA) แจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับโรงไฟฟ้า ฯ ดังนี้
- เตาหมายเลข 1 ณ เวลา 5.00 น. วันที่ 17 ส.ค. 54 ปริมาณน้ำที่ฉีดเข้าสู่เตาปฏิกรณ์อยู่ที่ 3.8 ลบ.ม./ชม.
- เตาหมายเลข 2 ณ เวลา 5.00 น. วันที่ 17 ส.ค. 54 ปริมาณน้ำที่ฉีดเข้าสู่เตาปฏิกรณ์อยู่ที่ 3.7 ลบ.ม./ชม.
- เตาหมายเลข 3 ณ เวลา 5.00 น. วันที่ 17 ส.ค. 54 ปริมาณน้ำที่ฉีดเข้าสู่เตาปฏิกรณ์อยู่ที่ 9 ลบ.ม./ชม.
- มีการติดตั้งระบบหล่อเย็นด้วยน้ำบำบัดการปนเปื้อนรังสีแล้วในเตาหมายเลข 1-4 ซึ่งการหล่อเย็นเป็นไปได้ด้วยดี อุณหภูมิโดยเฉลี่ย 30-34 องศาเซลเซียส ทั้งนี้ มีการเปลี่ยนท่อ จึงหยุดระบบชั่วคราว แต่คาดว่าไม่มีผลทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น
- การถ่ายเทน้ำขังเป็นไปได้ด้วยดี และบำบัดน้ำขังปนเปื้อนรังสีอย่างต่อเนื่องก่อนนำไปใช้สำหรับการหล่อเย็นต่อ ไป ทั้งนี้ ระบบ Sarry ซึ่งทำหน้าที่ดูดซับ Cs นั้นยังคงอยู่ในระหว่างการทดสอบ ซึ่งหากไม่มีปัญหาใดๆ ก็จะใช้งานจริงต่อไป
- แผนการยกเลิกพื้นที่อพยพ มี 2 ประเภท คือ
- พื้นที่นอกรัศมี 20 กม. จากโรงไฟฟ้าฯ (Emergency Evacuation Preparation Area) – พื้นที่บริเวณนี้ไม่ได้มีคำสั่งให้ประชาชนอพยพ และสถานการณ์ก็แตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น โดยบางแห่งประชาชนไม่ได้อพยพ บางแห่งทางการท้องถิ่นก็เตือนให้ประชาชนอพยพ และบางแห่งประชาชนก็กลับมาหลังอพยพไปแล้ว ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ จึงให้ทางการท้องถิ่นเป็นผู้ทำแผนฟื้นฟู เช่น เตรียมเปิด ร.ร. และสถานพยาบาลอีกครั้ง รวมทั้งลดการปนเปื้อนรังสี แล้วจึงให้ รบ. กลางพิจารณาการยกเลิกเขตอพยพต่อไปในวันที่ 20 ส.ค. 54
- พื้นที่ภายในรัศมี 20 กม. จากโรงไฟฟ้าฯ และนอกรัศมี 20 กม. ที่มีปริมาณรังสีสูง (Deliberate Evacuation Area) จะมีการตรวจวัดรังสีเพื่อพิจารณาว่าจะยกเลิกพื้นที่อพยพหรือไม่ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นช่วงปีใหม่ที่จะถึงนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น