วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2554
นักท่องเที่ยวไทยตกเป็นเหยือแก๊งค์ต้มตุ๋นในชิลี
นักท่องเที่ยวไทยตกเป็นเหยือแก๊งค์ต้มตุ๋นในชิลี
• คำเตือนสำหรับคนไทยในชิลีและนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปชิลี : ในช่วงเวลาปัจจุบัน คนต่างชาติและนักท่องเที่ยวในชิลีจำนวนหนึ่งได้ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรในกรุงซันติอาโก ได้แก่ การล้วงกระเป๋า การฉกชิงวิ่งราวการจี้ปล้นทรัพย์สินจากตัวบุคคล ในรถยนต์และในอาคารบ้านเรือน การมอมยาในสถานที่ท่องเที่ยวในยามกลางคืนเพื่อปล้นทรัพย์ ฯลฯ ดังนั้น ทุกท่านจึงควรเพิ่มความระมัดระวังเมื่ออยู่ในสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน รวมถึงในห้างสรรพสินค้า และหลีกเลี่ยงการเดินทางไปในสถานที่ที่ไม่มีคนสัญจรและมีแสงสว่างน้อย รวมถึงไม่สวมใส่เครื่องประดับไปในสถานที่สาธารณะ และไม่เชื่อใจคนแปลกหน้าที่เข้ามาตีสนิทตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงซันติอาโก
ที่มา: เว็บไซต์สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงซันติอาโก http://www.thaiembassychile.org/
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงซันติอาโกรายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน 2554 ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจมาคุล กรุงซันติอาโกว่ามีคนไทยไปติดต่อขอความช่วยเหลือแต่ไม่สามารถสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตจึงสนทนากับคนไทยดังกล่าวแล้วแปลความให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชิลีทราบ
คนไทยดังกล่าวชื่อนายน้อย(นามสมมติ) อยู่ระหว่างเดินทางทิ่องเที่ยวในลาตินอเมริกากับเพื่อคนไทยชื่อนายเล็ก (นามสมมติ) โดยเดินทางถึงชิลีเมื่อค่ำวันที่ 9 เมษายน 2554 และกำหนดจะเดินทางต่อไปอาร์เยนตินาในคืนวันที่ 10 เมษายน 2554 เมื่อเข้าพักที่โรงแรมในกรุงซันติอาโกแล้ว บุคคลทั้งสองได้ออกไปรับประทานอาหารค่ำที่ ร้านอาหารแห่งหนึ่งและได้พบและทำความรู้จักกับชาวชิลีหญิงชาย 2 คน จากนั้นได้ชักชวนกันไปเที่ยวและดื่มต่อ ณ สถานที่อื่นโดยใช้รถยนต์ของชาวชิลีเป็นพาหนะ ซึ่งนายน้อยไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นสถานที่ใดบ้าง จนกระทั่งเวลา 02.00 น. นายน้อยได้เสนอให้กลับที่พัก โดยขอแวะลงข้างทางเพื่อเข้าห้องน้ำก่อน แต่เมื่อออกจากห้องน้ำก็พบว่ารถยนต์ดังกล่าวพร้อมด้วยชาวชิลีทั้งสองและนายเล็กหายไปแล้ว นายน้อยไม่มีเงินติดตัวและไม่ทราบว่าโรงแรมที่ตนพักชื่ออะไรและอยู่ที่ไหน จึงได้ขอความช่วยเหลือคนท้องถิ่นบริเวณใกล้เคียงนำไปส่งที่สถานีตำรวจเพื่อแจ้งความและขอความช่วยเหลือ
ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชิลีรับทราบจากการสอบปากคำนายน้อย ว่าโรงแรมที่นายน้อยและนายเล็กเข้าพักคือโรงแรมพลาซา สูทส์ ซึ่งอยู่ในเขตใจกลางกรุงซันติอาโก และได้ทราบจากเจ้าหน้าที่โรงแรมว่านายเล็กกำลังนอนพักอยู่บริเวณล็อบบี้ของโรงแรม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้พานายน้อยกลับไปที่โรงแรมดังกล่าว
นายน้อยแจ้งเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตในเวลาต่อมาว่านายเล็กถูกคนชิลีสองคนดังกล่าวมอมยาและปล้นทรัพย์คือเงินสดที่ติดตัวประมาณ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดยนายเล็กถูกไล่ลงจากรถกลางทาง จึงได้เรียกรถแท็กซี่ให้นำไปส่งที่โรงแรม
นายน้อยแจ้งว่านายเล็กยังมีอาการสะลึมสะลือ แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ทั้งนี้ตนและนายเล็กจะยังคงเดินทางไปอาเยนตินาในวันนั้น(10 เมษายน ) ตามกำหนดเดิม และขอความช่วยเหลือสถานเอกอัครราชทูตฯ แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจชิลีเพิ่มเติมเรื่องนายเล็กถูกมอมยา ซึ่งเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตได้ดำเนินการตามที่นายน้อยประสงค์แล้ว
นายน้อยแจ้งว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจชิลีให้ความช่วยเหลือตนดีมาก อย่างไรก็ดี นายน้อยกล่าวด้วยว่าเมื่อเดินทางกลับถึงประเทศไทยแล้วจะไปร้องเรียนที่สถานเอกอัครราชทูตชิลีประจำประเทศไทย กรณีนายเล็กตกเป็นเยื่ออาชญากรรมในกรุงซันติอาโก
สถานเอกอัครราชทูตฯ เตือนว่า ปัจจุบันอาชญากรรมทั้งที่เป็นอาชญากรรมที่มีการจัดตั้งเป็นกระบวนการและอาชญากรรมรายย่อย รวมถึงการค้ายาเสพติด เป็นปัญหาสำคัญในหลายๆประเทศในภูมิภาคลาตินอเมริกา และแม้รัฐบาลชิลีจะประกาศว่าสถิติอาชญากรรมในชิลีลดลงจากในอดีตแล้วก็ตาม ก็ยังปรากฏว่ามีอาชญากรรมเกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนต่างชาติและนักท่องเที่ยวซึ่งนับว่าเป็นเป้าหมายหลักของอาชญากร ซึ่งรวมถึงการล้วงกระเป๋า การฉกชิงวิ่งราว การจี้ปล้นทรัพย์สินจากตัวบุคคล จากรถยนต์และอาคารบ้านเรือน ฯลฯ นอกจากนั้นยังมีภัยจากการลอบวางระเบิดในกรุงซันติอาโกโดยขบวนการต่างๆ รวมถึงกลุ่มอะนาคิสต์ (Anarchists) ด้วย นักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศชิลีตามลำพังจึงควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น