วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

การเยี่ยมลูกเรือประมง “ทรัพย์มงคล” ที่เมืองพอร์ตแบลร์ ประเทศอินเดีย


                                                                           Kolkata, India



การเยี่ยมลูกเรือประมง “ทรัพย์มงคล” ที่เมืองพอร์ตแบลร์ ประเทศอินเดีย



สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองกัลกัตตา ประเทศอินดีย รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2554 สถานกงสุลใหญ่ฯ ได้ส่งนายทรัพย์สิน ฉิมพลี กงสุล และนาย โกรุน รายโชวธูรี ลูกจ้างท้องถิ่น เดินทางไปที่เรือนจำ โพรตาปูร์ เมืองพอร์ตแบลร์ ดินแดนสหภาพหมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์ เพื่อยื่นหนังสือขอเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังไทยจำนวน 4 คนที่ต้องโทษคุมขังโดยได้เข้าพบนายพี.เค. อะดีคารี ผู้ตรวจราชการเมืองพอร์ตแบลร์ ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมผู้ต้องขังไทยได้ในวันที่ 5 พฤษภาคม 2554

วันที่ 5 พฤษภาคม 2554 กงสุลทรัพย์สินฯ และนายโกรุนฯ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเดินทางเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังไทยทั้ง 4 ราย ซึ่งได้แก่ 1) นายทวี อรรถกิจทวี ไต้ก๋ง 2) นายสำลี ธนาคุณ ลูกเรือ 3) นายลิขิต สร้อยสังวาลย์ลูกเรือ และ 4) นายพิรัช จิระพรพงศ์ ลูกเรือ ซึ่งกงสุลได้แจ้งให้ผู้ต้องขังทั้ง 4 รายทราบว่ารัฐบาลไทยมีความเป็นห่วงใยสภาพความเป็นอยู่ของผู้ต้องขังชาวไทย และที่ผ่านมาสถานกงสุลใหญ่เฝ้าติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีของทุกคนอยู่เป็นระยะๆ จากทนายความ ทั้งนี้กงสุลได้แจ้งผลการตัดสินคดีของศาลให้นายทวี นายสำลีและนายลิขิต ทราบโดยชี้แจงให้เข้าใจว่า นายทวีจะถูกจำคุก 2 ปี หากจ่ายค่าปรับ 1,790,000 รูปี (ประมาณ 1,253,000 บาท) ก็จะได้รับการปล่อยตัวในเดือนกุมภาพันธ์ 2555 หรือหากไม่จ่ายค่าปรับเลยก็จะถูกจำคุก 5 ปี 1 เดือนและจะได้รับการปล่อยตัวประมาณ เดือนมีนาคม 2558 ส่วนนายสำลีและนายลิขิตจะถูกจำคุก 2 ปี หากจ่ายค่าปรับรายละ 45,000 รูปี (ประมาณ 31,500 บาท) ตามคำตัดสินของศาลก็จะได้รับการปล่อยตัวภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2555 หากไม่จ่ายค่าปรับเลยก็จะจำคุกรวม 2 ปี 6 เดือน และจะได้รับการปล่อยตัวประมาณ เดือนสิงหาคม 2555 ซึ่งบุคคลทั้งสามแจ้งว่าค่าปรับดังกล่าวเป็นภาระมากเกินกว่าที่ตนจะรับผิดชอบได้ หากทางราชการสามารถเจรจาหรือช่วยอุทธรณ์ขอลดหย่อนลงไปได้ก็จะเป็นประโยชน์แก่พวกตน สำหรับคดีของนายพิรัชอยู่ระหว่างรอคำตัดสินของศาล

กงสุลทรัพย์สินฯ ได้มอบเงินให้แก่ผู้ต้องขังชาวไทยทั้งสี่ราย รายละ 3,000 รูปี เพื่อจัดซื้อข้าวของหรืออาหารพิเศษเพิ่มเติมจากภายในเรือนจำ และได้สอบถามความต้องการของจำเป็นในการดำรงชีพของผู้ต้องขังไทยทั้งหมดเพื่อจัดซื้อจากร้านค้าภายนอกและนำไปมอบให้ในวันรุ่งขึ้น ก่อนเดินทางกลับกงสุลได้ให้กำลังใจแก่คนทั้งสี่ ขอให้รักษาสุขภาพทั้งกายและใจ และมอบหนังสือธรรมะให้คนละ 1-2 เล่ม พร้อมด้วยนิตยสารรายสัปดาห์(เดอะเนชั่น) จำนวนหนึ่ง และกระดาษและปากกาเพื่อเขียนจดหมายถึงครอบครัว

เย็นวันเดียวกันกงสุลทรัพย์สินฯ และลูกจ้างท้องถิ่นได้ไปสำนักงานทนายความซึ่งรับผิดชอบคดีของคนไทยทั้งสี่ราย ได้รับแจ้งว่าในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2554 ทนายจะยื่นคำร้องต่อศาลสูงเพื่อขอลดหย่อนค่าปรับ และคาดว่าศาลจะมีคำสั่งตัดสินคดีของนายพิรัชย์ฯ ภายในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2554

วันที่ 6 พฤษภาคม 2554 กงสุลทรัพย์สินฯ ได้เข้ายี่ยมผู้ต้องขังชาวไทยอีกครั้งหนึ่ง เพื่อมอบสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นแก่การดำรงชีพให้ผู้ต้องขังชาวไทยทั้ง 4 ราย ได้แก่ เสื้อและกางเกงคนละ 2 ชุด รองเท้ายางคนละ 1 คู่ ผ้าเช็ดตัวคนละ 1 ผืน สบู่ แปรงสีหัน ยาสีฟัน แป้งทาตัว ถังน้ำ ผงซักฟอก กล่องและช้อนพลาสติก ของขบเคี้ยว คุกกี้และบิสกิต น้ำตาลทราย ยาทาแก้ผื่นคัน ยาไซนัส (สำหรับนายทวี) บะหมี่แห้ง ปลากระป๋อง

กงสุลทรัพย์สินฯ และนายโกรุนฯ ลูกจ้างท้องถิ่นเดินทางกลับเมืองกัลกัตตาเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2554

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น