วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
การเตรียมตัวเพื่อเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์
การเตรียมตัวเพื่อเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์
การประกอบพิธีฮัจย์เป็นรูปกุนข้อที่ 5 ของศาสนาอิสาลามที่บังคับแก่มุสลิมทุกคน ที่บรรลุศาสนภาวะและมีคุณสมบัติอยู่ในเกณฑ์กำหนด ซึ่งอยู่บนพื้นฐานและเงื่อนไขหลัก 3 ประการ คือ
1. มีทรัพย์สินพอเพียงสำหรับใช้จ่ายในการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์และกลับภูมิลำเนาโดยไม่เดือดร้อน และไม่เป็นภาระให้แก่ครอบครัวหรือผู้อยู่เบื้องหลัง
2. มีสุขภาพที่สมบูรณ์พอที่จะทนต่อการตรากตรำในการเดินทางและประกอบพิธีฮัจย์ได้
3. มีความปลอดภัยตลอดการเดินทาง
การเตรียมตัวด้านสัมภาระติดตัว
1. ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เพื่อนำไปใช้จ่ายระหว่างอยู่ในประเทศซาอุดีอาระเบีย ไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท เพราะค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าที่พัก ค่าอาหาร เป็นต้น ได้ชำระกับผู้ประกอบการแล้ว การแลกเป็นเงินสกุลตอลลาร์สหรัฐฯ โดยแลกเป็นเงินสดหรือเช็คเดินทาง สำหรับบัตรเครดิตทุกประเภทที่ทั่วโลกรับรองย่อมนำไปใช้ได้เช่นกัน
การนำเงินสกุลริยาลของซาอุดีอาระเบียติดตัวไปเป็นจำนวนมากอาจจะไม่สะดวก ด้วยเหตุว่าทางการซาอุดีอาระเบียเกรงว่าจะนำเงินปลอมเข้าประเทศ ส่วนเงินบาทไทยก็สามารถนำไปแลกในประเทศซาอุดีอาระเบียได้
2. อาหาร นำไปเฉพาะในจำเป็น ควรเป็นอาหารแห้ง และจัดใส่ภาชนะที่ตรวจสอบได้ง่าย ไม่ควรนำอาหารประเภทหมักดอง เช่น น้ำปลาหรือน้ำบูดู เพราะมีจำหน่ายในประเทศซาอุดีอาระเบียอยู่แล้ว
3. ยารักษาโรค ผู้ที่มีโรคประจำตัว จำเป็นต้องใช้ยาเป็นประจำ ควรนำยาพร้อมใบรับรองการนำยาไปด้วย เพราะยาที่จะนำเข้าประเทศซาอุดีอาระเบียได้ จะต้องเป็นยาที่แพทย์สั่งเท่านั้น (แบบใบรับรองการนำยา ขอได้จากผู้ประกอบการหรือแซะห์ที่สังกัด)
4. เครื่องแต่งกาย ผู้หญิงควรมีชุดแต่งกายมุสลิมะห์ (ปกปิดร่างกาย เว้นแต่ใบหน้าและฝ่ามือ) ซึ่งสอดคล้องกับกฎหมายของซาอุดีอาระเบีย ส่วนผู้ชายต้องมีชุดเอียะห์รอม (ได้แก่ ผ้าขาวสำหรับนุ่ง 1 ผืน ห่ม 1 ผืน รองเท้าแตะ ย่าม และเข็มขัด ปีใดเทศกาลฮัจย์อยู่ในช่องฤดูหนาวก็ให้นำชุดกันหนาวไปด้วย
5. หนังสือคู่มือการประกอบพิธีฮัจย์ ควรนำติดตัวไปด้วย เพื่อช่วยทบทวนความจำในเรื่องต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดปัญหาหลงลืม สับสน หรือเกิดความไม่แน่ใจในการประกอบศาสนกิจ และควรจะมีเพื่อนร่วมเดินทางที่สนิทเพื่อคอยให้คำแนะนำและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
การประกอบพิธีฮัจย์เป็นสิ่งที่มุสลิมทุกคนปรารถนา ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติศาสานากิจสมบูรณ์ก่อนเดินทางจะต้องเตาบัตร (ขอลุแก่โทษ) ในการกระทำผิดทุกชนิดต่ออัลเลาะห์ ไม่กู้หนี้ยืมสิน หากมีหนี้สินก็ต้องชำระให้เรียบร้อย พร้อมทั้งจัดสรรค่าใช้จ่ายให้แก่ครอบครัวอย่างพอเพียง ตลอดระยะเวลาที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ และเพื่อให้ได้รับความสะดวกปลอดภัยมีหลักประกันในการเดินทาง จะต้องเดินทางไปกับผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตจากทางราชการเท่านั้น
6. ประการสำคัญที่สุดที่รัฐบาลห่วงใยต่อผู้แสวงบุญ ทุกคนในการจัดกระเป๋าและสัมภาระต้องจัดกระเป๋าและสัมภาระด้วยตนเอง น้ำหนักสัมภาระไม่เกิน 30 กิโลกรัม หรือตามที่สายการบินกำหนด หากเกินผู้แสวงบุญต้องชำระเงินค่าน้ำหนักส่วนเกินประมาณกิโลกรัมละ 500 บาท และไม่ควรรับฝากของจากผู้อื่น หากตรวจพบสิ่งผิดกฎหมายอยู่ในสัมภาระของผู้ใด ตามกฎหมายผู้นั้นต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อสิ่งของนั้น ๆ และหากมีความจำเป็นควรตรวจสอบสิ่งของเหล่านั้นให้ชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้แสวงบุญเอง และพึงระลึกเสมอว่า ความผิดตามกฎหมายของประเทศซาอุดีอาระเบียในกรณีผู้นำยาเสพติดเข้าประเทศซาอุดีอาระเบียมีโทษประหารชีวิต
การเตรียมตัวด้านสุขภาพ
1. ให้ทำความเข้าใจด้านสภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ตลอดจนความเป็นอยู่ การอยู่ร่วมกันกับคนหมู่มาก การทำกิจวัตรประจำวันในขณะที่อยู่ ณ ประเทศซาอุดีอาระเบีย
2. เตรียมใจในเรื่องการที่จากบ้านและการจากครอบครัว
3. เตรียมความพร้อมให้แก่ครอบครัวเพื่อลดความวิตกกังวล
4. ศึกษาประสบการณ์จากผู้ที่เคยไปประกอบพิธีฮัจย์
5. กรณีเคยมีปัญหาด้านสุขภาพจิต ให้ปรึกษาแพทย์ก่อนไป
การเตรียมตัวด้านสุขภาพกาย
หลักปฏิบัติอย่างหนึ่งของศาสนาอิสลาม คือ การประกอบศาสานากิจหรือทำพิธีฮัจย์ ณ เมืองมักกะห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ในวันที่ 9 เดือนซุลฮิจญะฮของทุก ๆ ปี จะมีมุสลิมทั่วโลกเดินทางพักอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างหนาแน่นเพื่อประกอบศาสนกิจ
ข้อมูลข่าวสารที่สื่อมวลชนต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย เช่น ปัญหาการตาย การเจ็บป่วย บางคนอาการโรคประจำตัวกำเริบในขณะทำพิธีฯ บางคนก็ต้องนอนเจ็บป่วยอยู่ในที่พักอาศัย เนื่องจากอยู่ไกลจากหน่วยพยาบาล
ปัญหาดังกล่าวประเทศซาอุดีอาระเบียและหลาย ๆ ประเทศที่มีชาวมุสลิมเดินทางไปทำพิธีฮัจย์ ได้ร่วมมือช่วยเหลือกันป้องกัน แก้ไข ดูแล รักษาพยาบาล แต่ปัญหาการตายและการเจ็บป่วยยังคงมีอยู่ทุก ๆ ปี เนื่องจากไม่สามารถให้การดูแลได้อย่างทั่วถึง ดังนั้น มุสลิมทุกคนจึงควรมีความตระหนักเรื่องการดูแลสุขภาพของตนเองก่อนเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์
ประการที่ 1 การป้องกันการเกิดโรคหรือโรคประจำตัวกำเริบขณะประกอบพิธี
ก่อนอื่นท่านถามตัวเองก่อนว่า ท่านมีโรคประจำตัวอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้หรือไม่
o โรคความดันโลหิตสูง
o โรคหัวใจ
o โรคหอบหืด
o โรคปอดหรือหลอดลมอุดกั้น
o โรคไส้เลื่อน
o โรคไขมันในเลือดสูง
o โรคเบาหวาน
ถ้ามีควร ปฏิบัติดังนี้
1. ไปพบแพทย์ที่รักษาอยู่ประจำเพื่อตรวจและแจ้งให้ทราบว่า ท่านต้องเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์
2. ขอยาที่ใช้อยู่ประจำติดตัวไปในปริมาณที่เพียงพอจนถึงวันเดินทางกลับ
3. ขอให้แพทย์เขียนชื่อโรคและชื่อยาที่ใช้อยู่ประจำเป็นภาษาอังกฤษเพื่อนำไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเจดดาห์
4. ต้องปฏิบัติตัวตามแพทย์สั่งโดยเคร่งครัด สำหรับท่านที่ไม่แน่ใจว่าเป็นโรคเหล่านี้ ท่านมีพฤติกรรม หรือมีปัจจัยเสียงอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้หรือไม่
1. มีอายุ 50 ปีขึ้นไป
2. มีน้ำหนักตัวเกินขนาดหรือเป็นคนอ้วน
3. สูบบุหรี่เป็นประจำ
4. คนในครอบครัวป่วยเป็นโรคเบาหวาน
5. คนในครอบครัวป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน
ถ้ามีควรปฏิบัติดังนี้
o ไปตรวจเช็คสุขภาพที่โรงพยาบาลใกล้บ้านของท่าน เพื่อตรวจว่าท่านกำลังจะป่วยเป็นโรคที่อาจจะเป็นอันตรายได้
o ถ้าหากป่วยควรรักษาตัวก่อนเดินทางและป้องกันอาการกำเริบขณะประกอบพิธี
สำหรับท่านที่ไม่มีโรคประจำตัวและไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงที่กล่าวมา ท่านเองก็มีความจำเป็นในการไปตรวจสุขภาพ เพื่อความปลอดภัยในขีวิต เพราะในประเทศซาอุดีอาระเบีย อากาศจะแห้งและร้อนจัด มีโรคและเชื้อโรคแพร่กระจายอยู่ทั่วไป คนอาศัยอยู่หนาแน่นเป็นล้านคน บางครั้งอาจเกิดปัญหาโดยไม่คาดคิด
ประการที่ 2 ยาสามัญที่ควรติดตัวไปด้วยเพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน หรือเมื่อมีอาการเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อย คือ
1. พลาสเตอร์ ยาดม ยาหม่อง ครีมกันแดด
2. ยาลดไข้
3. ยาแก้หวัดหรือแก้แพ้อากาศ
4. ยาแก้ท้องเสียหรือผงน้ำตาลเกลือแร่
5. ยาระบายหรือยาถ่าย
6. ยาแก้เมาเครื่องบินและเมารถ
ประการที่ 3 ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่นหรือไข้สมองอักเสบ (MENINGOCO CALMENINGITIS) ประเทศซาอุดีอาระเบียบังคับให้ผู้ประกอบพิธีฮัจย์ทุกคนฉีดวัคซีนป้องกัน ถ้าไม่ฉีดจะถูกจับฉีดทันที และจะถูกกักบริเวณที่สนามบินเมืองเจดดาห์ การติดต่อของโรคนี้จะเข้าสู่ร่างกายระบบทางเดินหายใจ เช่น ปากและจมูก เมื่อได้รับเชื้อ ทำให้มีไข้สูงจัด เกิดอาการซักคอแห้ง หมดสติ แม้รักษาหายแล้วก็ยังมีอาการผิดปกติทางสมอง บางรายอาจซ็อคตาย วิธีการป้องกันที่ดีที่สุด คือ การฉีดวัคซีน สามารถขอฉีดวัคซีนได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง
ประการที่ 4 ร่างกายต้องแข็งแรงก่อนออกเดินทาง
การประกอบพิธีฮัจย์ในปีหนึ่ง ๆ ใช้เวลาประมาณ 1 - 2 เดือน ผู้ที่ไปต้องเดินทางด้วยเท้าในระยะไกล ๆ ถ้าร่างกายไม่แข็งแรงพอ จะทำให้เจ็บป่วยได้บ่อย ๆ จึงควรฝึกฝนร่างกายให้แข็งแรงมีความอดทน
ซึ่งมีวิธีปฏิบัติดังนี้
1. ดูแลรักษาความสะอาดของร่างกายอยู่เสมอ ๆ และใส่เสื้อผ้าที่สะอาดทุกวัน
2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ฝึกออกกำลังกายด้วยการเดินและวิ่งทุก ๆ วัน
3. รักษาฟันให้แข็งแรงและแปรงฟันอย่างถูกวิธีอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ตอนเช้าและก่อนนอน
4. ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหาร และหลังเข้าห้องน้ำทุกครั้ง
5. รับประทานอาหารที่สุก สะอาด ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
6. ดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท
7. ทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใส่อยู่เสมอ
ประการที่ 5 การระวังรักษาสุขภาพประจำวันระหว่างพำนักในเมืองมักกะห์หรือมะดีนะห์ ควรปฏิบัติดังนี้
1. ดื่มน้ำมาก ๆ และสม่ำเสมอ
2. ถ้าเสียเหงื่อมากจนร่างกายอ่อนเพลียหรือท้องเสีย ให้รับประทานผงน้ำตาลเกลือแร่ละลายน้ำดื่มให้มาก ๆ
3. เมื่อต้องออกจากบ้านพัก ควรกางร่มหรือใช้ผ้าขนหนูชุปน้ำแล้วคลุมศรีษะ เพื่อความชุ่มชื้นใช้ผ้าปิดปากและปิดจมูก เพื่อป้องกันฝุ่นเข้าปากและจมูก
4. เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงหน้าหนาวของประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งอากาศจะหนาวเย็นและมีลมแรง ควรเตรียมเสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่น และครีมทาป้องกันผิวหนังและริมฝีปาก
5. งดสูบบุหรี่ในห้องพักหรือสถานที่ที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก
6. ใช้ผ้าปิดปากและจมูกเวลาไอหรือจาม
7. เมื่อมีปัญหาสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ การปฏิบัติตนตามแนวทางดังกล่าวจนเป็นนิสัยจะมีสุขภาพกายและจิตใจ ตลอดจนสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข สามารถปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างสมบูรณ์และมีความสุข
การปฏิบัติตนของผู้แสวงบุญขณะอยู่ในประเทศซาอุดีอาระเบีย
ในเทศกาลฮัจย์ผู้แสวงบุญที่ประเทศซาอุดีอาระเบียจะมีจำนวนมาก ผู้แสวงบุญทุกคนต้องระมัดระวังตนเองตลอดเวลา โดยปฏิบัติดังนี้
1. ให้ติดบัตรประจำตัวและสวมใส่เลสข้อมือตลอดเวลา
2. ไม่ควรออกจากห้องพักไปไหนคนเดียว หรือไปกับบุคคลที่ไม่รู้จักกันมาก่อน
3. อย่าพยายามเข้าไปในที่ที่มีผู้คนอยู่หนาแน่นแออัด
4. ควรใช่ร่มกันแดดเพื่อป้องกันความร้อน และควรสวมเสื้อกันหนาวหรือเสื้อผ้าหนา ๆ เพื่อป้องกันลมหนาวหรืออากาศชื้น รวมทั้งควรใช้ผ้าปิดปากและจมูกเพื่อป้องกันฝุ่นละออง
5. ควรใช้ครีมทาผิวและเท้าเพื่อป้องกันผิวแห้งและแตก
6. ต้องล้างภาชนะใส่อาหารให้สะอาด
7. ควรดื่มน้ำและกินผักผลไม้มาก ๆ และควรพักผ่อนให้เพียงพอ รวมทั้งไม่ควรออกกำลังโดยไม่จำเป็น
8. หากมีอาการป่วย ให้ติดต่อผู้นำกลุ่มหรือแซะห์ เพื่อไปพบแพทย์ที่หน่วยพยาบาลไทย
9. ให้ความร่วมมือปฏิบัติงานตามที่ผู้นำกลุ่มและเจ้าหน้าที่หน่วยพยาบาลไทยให้คำแนะนำโดยเคร่งครัด
การเตรียมสัมภาระเดินทางกลับ
เมื่อถึงกำหนดการเดินทางกลับประเทศไทยผู้แสวงบุญควรปฏิบัติดังนี้
· สิ่งของทุกอย่างต้องบรรจุไว้ในกระเป๋าเดินทาง เนื้อสัตว์ที่มีกลิ่น ไม่อนุญาตให้นำขึ้นเครื่องบิน เสื้อผ้าและอาหารที่จะใช้ จะต้องแยกต่างหาก น้ำหนักสัมภาระรวมแล้วไม่เกิน 30 กิโลกรัม
· น้ำหนักสัมภาระที่เกินจะต้องเสียเงินเพิ่มประมาณ 500 บาทต่อกิโลกรัม
· ผู้ที่จะออกจากเมืองมักกะห์ วายิบตอวาฟวิดาอ์ ยกเว้น สุภาพสตรีที่มีเฮด (ประจำเดือน)
· ผู้ที่เดินทางกลับ ไม่ควรหิ้วกระเป๋าถือมากกว่า 1 ใบ สายการบินส่วนใหญ่อนุญาตให้นำน้ำซัมซัมคนละ 1 แกลลอน ขนาด 5 ลิตร โดยจะต้องใส่ถุงพลาสติกปิดผนึก และสัมภาระทุกชิ้นจะต้องเขียนชื่อที่อยู่ให้ชัดเจน
แหล่งที่มา : กรมการศาสนา, วารสารสายตรงศาสนา ฉบับพิเศษ พฤษภาคม 2548
ที่มา: เว็บไซต์สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจดดาห์ http://www.mfa.go.th/web/2800.php?id=3438
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบ