ท่านทูตมารุตและเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตซึ่งไปร่วมพิธีในนามของรัฐบาลไทย
ท่านทูตมารุตฯ กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีมอบ
ท่านทูตมารุต จิตรปฏิมาทำพิธีมอบข้าวสารจำนวนสองหมื่นตันแก่น.ส.ฮินา รับบานี คาห์ร รัฐมนตรีแห่งรัฐด้านการต่างประเทศผู้แทนรัฐบาลปากีสถาน ณ กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อ 9 มิถุนายน 2554
ประเทศไทยบริจาคข้าว 20,000 ตันให้กับปากีสถาน
เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2554 น.ส. ฮินา รับบานี คาห์ร (Hina Rabbani Khar) รัฐมนตรีแห่งรัฐด้านการต่างประเทศของปากีสถาน และนายมารุต จิตรปฏิมา เอกอัครราชทูต ณ กรุงอิสลามาบัดได้ร่วมเป็นประธานในพิธีส่งมอบข้าวจำนวน 20,000 ตันที่รัฐบาลไทยได้บริจาคให้กับปากีสถาน โดยพิธีดังกล่าวได้จัดขึ้นที่กระทรวงการต่างประเทศปากีสถาน กรุงอิสลามาบัด และมีนายซาอิด ฮาซาน จาเวด (Syed Hassan Javed) รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศปากีสถาน (เอเชีย-แปซิฟิก) ดร. ซาฟาร์ อิชบาล ชาดีร์ (Dr. Zafar Iqbal Qadir) ประธานการจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ นายชาญชัย เจียมบุญศรี อัครราชทูตที่ปรึกษา สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอิสลามาบัด เจ้าหน้าที่อาวุโสจากกระทรวงการต่างประเทศปากีสถาน และเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตไทยฯ
ในโอกาสนี้ เอกอัครราชทูตไทยฯ ได้กล่าวสุนทรพจน์เน้นย้ำถึงการให้ความช่วยเหลือของประเทศไทยต่อปากีสถานในกรณีอุทกภัยเมื่อปี 2553 ซึ่งประชาชนชาวไทยเข้าใจถึงความยากลำบากของผู้ประสบภัยชาวปากีสถานเป็นอย่างดี เพราะชาวไทยเองก็มีประสบการณ์ตรงหลายครั้ง และเชื่อว่าโดยการนำของรัฐบาลปากีสถาน ความพยายามในการฟื้นฟูประเทศจะประสบผลสำเร็จอย่างแน่นอน
ในส่วนของไทยนั้น เมื่อปีที่ผ่านมา พระราชวงศ์ รัฐบาล และประชาชนชาวไทยได้ร่วมกันบริจาคเงินและสิ่งของกว่า 8 ตัน เช่น ยาและเวชภัณฑ์ มุ้ง และผ้าห่ม ซึ่งได้ขนส่งไปยังปากีสถานโดยเครื่องบิน C-130 เมื่อเดือน ต.ค. 2553 และในปีนี้ รัฐบาลไทยมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะบริจาคข้าว 20,000 ตัน ซึ่งมีมูลค่า 14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 420 ล้านบาท) รวมถึง เงินสดจำนวน 4,260 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 130,000 บาท) ซึ่งธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยและกระทรวงการต่างประเทศได้ร่วมกันระดมมาเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยชาวปากีสถาน
การบริจาคเงินสดและสิ่งของรวมมูลค่ากว่า 14.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 441 ล้านบาท) ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน และความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในประเทศไทยเพื่อให้ความช่วยเหลือชาวปากีสถานในยามยากลำบาก อีกทั้งยังเป็นประจักษ์พยานที่ชัดแจ้งถึงความสัมพันธ์และมิตรภาพอันแน่นแฟ้นระหว่างไทยและปากีสถาน
ในการนี้ รัฐมนตรีแห่งรัฐด้านการต่างประเทศได้กล่าวขอบคุณประเทศไทยในนามของรัฐบาลและประชาชนชาวปากีสถานผ่านเอกอัครราชทูตฯ สำหรับความเอื้อเฟื้อและความช่วยเหลือในการบรรเทาทุกขืและฟื้นฟูบูรณะประเทศปากีสถาน และได้เน้นย้ำว่า ประเทศไทยได้อยู่เคียงข้างชาวปากีสถานตลอดมาตั้งแต่เกิดเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปี 2553 และความช่วยเหลือจากมิตรประเทศ รวมทั้งประเทศไทยที่เป็นมิตรอันดับต้น ๆ ของปากีสถานมีความสำคัญอย่างยิ่งในการฟื้นฟูบูรณะประเทศ และถือโอกาสนี้ ขอบคุณประเทศไทยอย่างสุดซึ้งอีกครั้งหนึ่ง
ที่มา: เว็บไซต์ กรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา http://sameaf.mfa.go.th/th/news/detail.php?ID=2043&SECTION=EMB_ACT
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น