สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลิสบอนจัดกิจกรรมกงสุลสัญจร 27-29 พ.ค. 2554 แคว้นอะเล็นเตจู (Alentejo)

ออท.ชาคร สุชีวะ กำลังทักทายแรงงานไทยที่ทำงานตัดดอกไม้ประดับที่ฟาร์ม “Gemusering” ชานเมือง São Teotónio

 ออท.ชาครฯ ร่วมกับ  จนท.กงสุล  สอท. ถ่ายภาพหมู่กับแรงงานไทยส่วนหนึ่งที่ฟาร์ม Gemusering

 ออท. ชาครฯ กำลังเยี่ยมชมฟาร์ม “Buijnink” ร่วมกับเจ้าของฟาร์มชาวฮอลแลนด์

 จนท.สอท.กำลังตรวจสอบข้อมูลคนงานไทยและอธิบายวิธีการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร

ถังเก็บราสเบอร์รี่

ผลผลิตจากไร่ราสเบอร์รีที่ฟาร์ม Maravilha ในเครือบริษัทส่งออกผลไม้ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ “Driscoll’s”

บรรยากาศคนงานไทยกำลังเก็บผลราสเบอร์รีในฟาร์ม

ออท.และ จนท.กงสุล  ถ่ายภาพร่วมกับแรงงานไทยที่ Maravilha Farm

ออท.และ จนท.กงสุล ตรวจเยี่ยมพนักงานนวดสปาไทยที่ Angsana Spa ในโรงแรม
Tivoli Marina เมือง Vilamoura แคว้น Algarve

 ร้านอาหาร “Thai Restaurant” เมือง “Vilamoura”

สวัสดีครับ !! สวัสดีค่ะ !!

พ่อครัว แม่ครัวคนไทยที่ร้านอาหาร “Thai Restaurant” เมือง “Vilamoura”

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลิสบอนจัดกิจกรรมกงสุลสัญจร 27-29 พ.ค. 2554 แคว้นอะเล็นเตจู (Alentejo)

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส รายงานว่า ระหว่างวันที่ 27-29 พ.ค.2554 นายชาคร สุชีวะ เอกอัครราชทูตและเจ้าหน้าที่กงสุลประจำสถานเอกอัครราชทูตฯได้จัดกิจกรรมกงสุลสัญจรที่แคว้นอะเลนเตจู้ (Alentejo) ซึ่งตั้งอยู่ทางภาคใต้ของโปรตุเกส (ประมาณ 250 ก.ม.จากกรุงลิสบอน) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีคนงานไทยหนาแน่น (ประมาณ 450 คน) อาศัยและทำงานอยู่ในฟาร์มและโรงงานทางด้านเกษตรกรรม


ก. ภารกิจการตรวจเยี่ยมแรงงานไทย

1. ในวันแรกของการปฏิบัติงานกงสุลสัญจร เอกอัครราชทูตและเจ้าหน้าที่กงสุล ได้ออกพบปะแรงงานไทยกว่า 60 คนที่เมือง Sao Teotonio ซึ่งทำงานอยู่ที่ฟาร์ม 2 แห่ง คือ “Gemusering” มีชาวไอริสเป็นเจ้าของ ทำการผลิตดอกไม้และกล้วยไม้ประดับ และฟาร์ม “Buijnink” มีชาวฮอล์แลนด์เป็นเจ้าของ ทำการผลิตผักสลัด ถั่วแขก และเพาะพันธุ์กล้าไม้และต้นไม้ประดับ ทั้งนี้ คนไทยที่ทำงานอยู่กับนายจ้างชาวต่างประเทศทั้งสองฟาร์ม อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัทประสานงานโปรตุเกส “DFRM International Services” ซึ่งว่าจ้างคนไทย 1 คนทำหน้าที่เป็นล่ามประสานงานอยู่ด้วย และบริษัทประสานงานดังกล่าวดูแลแรงงานไทยในสังกัดทั่วประเทศเกือบ 350 ราย

2. ในโอกาสนี้ เอกอัครราชทูตและเจ้าหน้าที่กงสุล ได้สอบถามความเป็นอยู่โดยทั่วไปของแรงงานไทย ซึ่งส่วนใหญ่มีความพึงพอใจกับงานที่ทำอยู่แล้ว และยังไม่มีปัญหาร้องเรียนใด เนื่องจากนายจ้างก็ปฏิบัติอย่างเป็นธรรมและมีน้ำใจดี ในโอกาสนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ให้ความรู้เบื้องต้นกับแรงงานไทยเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์อันพึงมีพึงได้จากกฎหมายแรงงานโปรตุเกส การร้องเรียนปัญหาอันเกิดจากการปฏิบัติไม่เป็นธรรมโดยนายจ้างและบริษัทประสานงาน ปัญหา/ข้อพึงระวังและหลีกเลี่ยงสำหรับแรงงานไทยในการทำงาน รวมทั้งข้อควรปฏิบัติหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน (ตามแผนอพยพคนไทยในพื้นที่เสี่ยงภัยของสถานเอกอัครราชทูตฯ)

3. สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ใช้โอกาสนี้ ชี้แจงและประชาสัมพันธ์ การเลือกตั้งทั่วไปนอกราชอาณาจักร โดยได้ประสานกับบริษัทประสานงานแรงงานไทย นำโปสเตอร์ไปติดประชาสัมพันธ์และบอกกล่าวให้แรงงานไทยที่ยังไม่ได้ลง ทะเบียนเลือกตั้งรีบดำเนินการภายในเวลาที่กำหนด เพื่อจะได้มีสิทธิเลือกตั้งตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ การเลือกตั้งสำหรับคนไทยในโปรตุเกสได้ถูกกำหนดวิธีการเลือกตั้งทางไปรษณีย์ ในโอกาสนี้ เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้สาธิตรูปแบบและวิธีการลงคะแนนเสียงให้แก่แรงงานไทยที่สถานเอกอัครราชทูตฯ แวะไปเยี่ยมเยียนด้วย

4. ในวันที่สองของการสัญจร สถานเอกอัครราชทูตฯได้แวะเยี่ยมฟาร์ม “Maravilha” ซึ่งอยู่ในเขตเมือง Sao Teotonio แคว้น Alentejo ฟาร์มแห่งนี้มีชาวโปรตุเกสเชื้อสายเม็กซิกันเป็นผู้จัดการทั่วไปบริหารงาน ทำการผลิต ผลไม้คุณภาพดีตระกูล “แบรี่” เช่น ราสเบอรี่ และแบล็กเบอรี่ ส่วนใหญ่ส่งออกจำหน่ายในต่างประเทศ (ยุโรปเหนือและอเมริกา) โดยใช้ชื่อการค้าว่า “Driscoll’s” ทั้งนี้ ฟาร์มดังกล่าวมีการว่าจ้างแรงงานไทย (ณ ปัจจุบัน) รวมทั้งสิ้น 110 คน และคนงานไทยเหล่านี้ อยู่ภายใต้บริษัทประสานงานโปรตุเกส “Seacross LDA” ซึ่งได้ว่าจ้างคนไทย 1 คนเป็นล่ามและผู้ประสานงานอยู่ด้วย บริษัทประสานงานนี้ ดูแลแรงงานไทยในสังกัดประมาณ 350 คนทั่วประเทศโปรตุเกส

5. ในโอกาสนี้ เอกอัครราชทูตและเจ้าหน้าที่กงสุล ได้สอบถามความเป็นอยู่โดยทั่วไปของแรงงานไทย ซึ่งพึงพอใจกับงานที่ทำอยู่และนายจ้างซึ่งใช้ระบบวิธีบริหารงานแบบสร้างแรงกระตุ้น “ใครทำมากได้มาก” นอกเหนือจากเงินเดือนขั้นต่ำ และพบว่ายังไม่มีการร้องเรียนเรื่องความไม่เป็นธรรมใด ๆ จากแรงงานไทย อย่างไรก็ดี นายจ้างเป็นกังวลบ้างเกี่ยวกับการรักษาวินัยของคนงานไทยบางส่วนที่พบว่าดื่มเหล้า และบางครั้งมาทำงานทั้ง ๆ ที่ยังไม่สร่างจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ ทำให้นายจ้างต้องสั่งหยุดงานทันที (งานเก็บลูกราสเบอรี่มีความละเอียดลออและต้องทะนุถนอมอย่างมาก เพราะแอลกอฮอล์ที่มากับลมหายใจของคนงานอาจเกาะติดไปกับผลไม้ได้ และหากถูกสุ่มตรวจสอบพบโดยจนท.ของรัฐ บริษัทฯ อาจถูกระงับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในตลาดได้) นอกจากนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ยังได้แจ้งประชาสัมพันธ์เรื่องการเลือกตั้งทั่วไปนอกราชอาณาจักรรวมทั้งเผยแพร่แผนอพยพคนไทยกรณีฉุกเฉินในลักษณะเดียวกับที่ปฏิบัติสัญจรในวันแรกด้วย

6. ในเย็นวันที่สองและเช้าวันที่สามของการสัญจร เอกอัครราชทูตและเจ้าหน้าที่กงสุลได้ไปเยี่ยมเยียนแรงงานไทยที่ประกอบอาชีพเป็นพนักงานประกอบอาหารและพนักงานบริการที่ร้านอาหารไทยแห่งเดียวในเมืองวิลามูร่า (Vilamoura) แคว้นอัลการ์ฟ (วิลามูร่าเป็นเมืองตากอากาศชายทะเลที่มีชื่อเสียงของโปรตุเกสทางภาคใต้ ได้รับอิทธิพลและวัฒนธรรมจากชาวอังกฤษที่มาตั้งรกรากและประกอบธุรกิจท่องเที่ยวอยู่มาก) นอกจากนี้ ยังได้แวะไปเยี่ยมเยียนพนักงานนวดสปา (Angsana Spa) พร้อมกับพบหารือกับผู้บริหาร/นายจ้างชาวโปรตุเกสที่คุมกิจการ สปาดังกล่าว ณ โรงแรม Tivoli Marina ในเมืองวิลามูร่า เช่นกัน ทั้งนี้ สถานบริการแห่งนี้จ้างแรงงานไทยรวมทั้งสิ้น 5 ราย ซึ่งพอใจกับรายได้ (ค่าจ้างสูงกว่าแรงงานขั้นต่ำ) ระบบสวัสดิการ และนายจ้างพอสมควร ยังไม่ได้รับการร้องเรียนเรื่องความไม่เป็นธรรมใด ๆ

ข. การหารือกับนายจ้างและผู้ประสานงานนายจ้าง-แรงงานไทย

7. ในการตรวจเยี่ยมแรงงานไทยครั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯได้ประสานกับบริษัทประสานงานนายจ้าง-แรงงานไทย ให้จัดนัดหมายการเข้าเยี่ยมแรงงานไทยตามฟาร์มและโรงงานที่มีแรงงานไทยอยู่มาก แต่ก็เป็นการยากที่จะพบคนงานไทยได้พร้อมกันหมดในสถานที่แห่งเดียวในเวลาจำกัด นอกจากนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ยังได้ขอนัดพบหารือ (ในรูปแบบ Working Lunch/Dinner) กับเจ้าของ/ผู้บริหารฟาร์ม/โรงงานที่แวะไปเยี่ยมเยียน รวมทั้งเชิญผู้บริหารบริษัทประสานงานนายจ้าง-แรงงานไทย (บริษัท DFRM International Services และ Seacross LDA) มาร่วมหารือด้วยกัน และใช้โอกาสดังกล่าวในการรับฟังความเห็นรวมทั้งหยิบยกปัญหาที่แรงงานไทยร้องเรียน (หากมี) ขึ้นเจรจาต่อรองกับนายจ้าง ซึ่งเป็นรูปแบบที่ปฏิบัติในการดำเนินการกงสุลสัญจรที่ผ่านมา

8. ปัญหาหนึ่งที่ สถานเอกอัครราชทูตฯ พบบ่อยจากการร้องเรียนของแรงงานไทยในรอบปีที่ผ่านมา คือ ปัญหาไม่มีงานทำบางช่วงที่เปลี่ยนแปลงฤดูกาลหรือมีการปรับพื้นที่การเกษตร (นายจ้างมักไม่จ่ายเงินช่วงไม่มีงานทำ) ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้เคยรายงานเป็นระยะ ๆ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยแจ้งคนงานไทยตรวจสอบในสัญญาให้ดีก่อนตัดสินใจมาทำงาน รวมทั้งกล่าวเตือนมิให้บริษัทประสานงานฯ นำแรงงานไทยเข้ามาเพิ่มในขณะที่ยังแก้ไขปัญหาว่างงานภายในโปรตุเกสไม่ได้เต็มที่ ซึ่งต่อมาเป็นผลให้บริษัทประสานงานในโปรตุเกส (DFRM International Services) ได้ปรับตัวและแก้ไขปัญหาดังกล่าวเพื่อให้บริษัทของตนสามารถแข่งขันได้ดีกับตลาดแรงงานในประเทศอื่น และสามารถลดปัญหาการร้องเรียนจากแรงงานไทยไปบ้างแล้ว นอกจากนี้ บางบริษัทประสานงาน (Seacross LDA) สามารถบริหารจัดการให้มีการจ่ายเงินชดเชยโดยประกันสังคมตามกฎหมายโปรตุเกสในช่วงคนงานต้องว่างงานจากการเปลี่ยนงานตามฤดูกาลหรือมีเหตุจำเป็น

9. สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้แจ้งปัญหาที่ได้รับการร้องเรียนทางสถิติจากศาลในแคว้นอะเลนเตจู้ที่ระบุว่า ในระยะนี้คนงานไทยมักมีอุบัติเหตุจากการขับขี่รถยนต์และต้องขึ้นศาลจากการฟ้องร้องของคู่กรณีบ่อยครั้งขึ้น กอปรกับข้อสังเกตว่าคนงานไทยมาขอรับบริการรับรองเอกสารใบขับขี่จากเมืองไทยที่สถานเอกอัครราชทูตเพื่อนำไปยื่นทำใบขับขี่โปรตุเกสมากขึ้น (ระบบใบขับขี่ของโปรตุเกสมีจุดด้อยคือ คนต่างชาติไม่ต้องสอบข้อเขียนและภาคปฏิบัติ แต่ยอมรับใบขับขี่ของต่างชาติหากมีการแปลและรับรองโดยหน่วยงานโนตารี่หรือสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่) ซึ่งต่อมา สถานเอกอัครราชทูตฯได้ปฏิเสธการรับรองใบขับขี่เมืองไทยโดยเฉพาะที่ทำขึ้นในต่างจังหวัดหลายรายแล้วเนื่องจากพบว่าปลอมแปลง ปัจจุบันจึงรับพิจารณาเฉพาะใบขับขี่รุ่นใหม่ของกรมการขนส่งทางบกที่มีคำแปลภาษาอังกฤษด้วย และสถานเอกอัครราชทูตเชื่อว่า บริษัทประสานงานฯ อาจมีส่วนรู้เห็นและได้รับผลประโยชน์จากการให้คนงานมีใบขับขี่โปรตุเกส ซึ่งในเรื่องนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้แจ้งเตือนให้บริษัทประสานงานฯ ทราบแล้ว โดยขอให้แจ้งแรงงานไทยอีกทางหนึ่งเพื่อเป็นการป้องปรามการยื่นขอรับรองใบขับขี่ปลอม ซึ่งเป็นข้อห่วงใยทางสวัสดิภาพที่ สถานเอกอัครราชทูตฯ มีต่อสังคมส่วนรวมของโปรตุเกสด้วย พร้อมนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ประชาสัมพันธ์เรื่องดังกล่าวในช่วงการออกตรวจเยี่ยมแรงงานไทยในครั้งนี้ด้วย