วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เรือหลวงนราธิวาสจับและผลักดันเรือประมงเวียดนามรุกล้ำน่านน้ำ










เรือหลวงนราธิวาสจับและผลักดันเรือประมงเวียดนามรุกล้ำน่านน้ำ


วันนี้ (30 พ.ค.54) ขณะที่เรือหลวงนราธิวาส โดย พลเรือตรี ประดิษฐ์ ศิริคุปต์ ผู้บังคับหมู่เรือเดินทางเยือนเมืองท่านครไฮฟอง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และ นาวาโท นิวัฒน์ จิตพูลผล ผู้บังคับการเรือหลวงนราธิวาส นำเรือเดินทางกลับระหว่างพิกัดตำบลที่ แลตติจูด 11 องศา เหนือ ลองติจูด 101 องศา 17 ลิปดา ตะวันออก แบริ่ง 162 ระยะ 54 ไมล์ทะเล จากเกาะจวง แสมสาร สัตหีบ ชลบุรี ได้พบเรือประมงสัญชาติ เวียดนาม จำนวน 1 ลำ ตัวเรือสีฟ้า เก๋งสีฟ้า หมายเลขเรือ CM99863TS ประเภทไดหมึก ตกหมึก และปลา ความยาว 12 เมตร กว้าง 3 เมตร มีลูกเรือ 9 คน และนาย ด่ามวัน เยิน อายุ 35 ปี ไต๋เรือ รวม 10 คน ล้วนแล้วเป็นวัยรุ่น กำลังทำการประมงอยู่ในพิกัดดังกล่าว จึงได้เข้าทำการขอตรวจสอบ


จากการตรวจสอบ ภายในเรือ และรอบ ๆ เรือ พบอุปกรณ์ทำการประมง อุปกรณ์สื่อสารอีเลคทรอนิกส์ และปลาหมึก ปลาตากแห้ง จำนวนมาก ซึ่งไต๋เรือยอมรับว่า ได้นำเรือเดินทางออกมาจาก จังหวัด กาเมา สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม พร้อมเรือในเครือข่ายอีก 3 ลำ แต่แยกกันทำการประมงในระยะห่างกัน และสาเหตุที่ต้องเข้ามาทำการประมงในน่านน้ำไทย เพราะมีปลาหมึก ปลาชนิดต่าง ๆ ชุกชุม เพราะต้องการจับปลาหมึกตัวใหญ่ และตากแห้งสด ๆ มีราคาแพง เมื่อส่งขายให้กับนายทุนจะให้ราคาดี โดยเฉพาะช่วงเทศกาลของชาวจีน จะใช้ปลาหมึกตัวใหญ่ หรือเรียกว่าปลาหมึกศอก ไปไหว้บรรพชนกัน เนื่องจากปลาหมึกที่ได้มาจากเรืออวนลาก จะไม่สด และเนื้อจะเละ ถ้าเป็นปลาหมึกที่ได้จากการตกเนื้อจะแน่น เหนียว เก็บรักษาไว้ได้นาน ราคาแพงมาก

พลเรือตรี ประดิษฐ์ ศิริคุปต์ กล่าวว่า จากการเดินทางไปเยือนเมืองท่าที่นครไฮฟอง และการประชุมร่วมกันกับกองทัพเรือสาธารณรัฐสังคมเวียดนามแต่ละครั้ง ก็จะนำปัญหาเรือประมงเวียดนาม รุกล้ำน่านน้ำเข้ามาทำการประมงในน่านน้ำไทย เป็นจำนวนมาก โดยมีเครือข่ายเรือแม่ นำเรือขนาดเล็ก และเรือกระด้งมาปล่อยให้ตกปลาแล้วก็จะเวียนมาเก็บปลา ปลาหมึก ที่เรือเล็กจับได้ และปัจจุบันเรือประมงเวียดนามที่รุกล้ำเข้ามาในน่านน้ำไทยมีจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะรายนี้ ก็พบว่าเรือประมงเวียดนาม เข้ามาทำการประมงขณะที่เรือหลวงนราธิวาสเดินทางกลับมาจากการเยือน สร้างสัมพันธ์อันดีต่อกัน จึงต้องมีการตรวจแต่เรือลำนี้ ยังไม่มีประวัติการรุกล้ำเข้ามาทำการประมง จึงได้ทำประวัติ และแจ้งให้ทราบว่าผิดกฎหมาย จึงได้ว่ากล่าวตักเตือน ผลักดันให้ออกนอกน่านน้ำ และให้แจ้งให้เรือประมงในเครือข่ายที่มาด้วยกันเดินทางออกจากน่านน้ำไทยโดยด่วน

ที่มา: หนังสือพิมพ์สัตหีบนิวส์ http://www.sattahipnews.com/Q1/thememenu.php?id=12411

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น