ท่าอากาศยานนานาชาติบรูไน
บริเวณห้องโถงผู้โดยสารขาเข้า
ท่าอากาศยานนานาชาติบรูไนปรับปรุงระบบตรวจสัมภาระผู้โดยสารขาเข้า
สถานเอกอัครราชทูต ณ บันดาร์เสรีเบกาวัน ประเทศบรูไน รายงานว่า ปัจจุบันการท่าอากาศยานสนามบินนานาชาติบรูไนได้เริ่มใช้ระบบช่องทางตรวจศุลกากรสีแดงและสีเขียวที่ท่าอากาศยานเพื่อเพิ่มความสะดวกในการตรวจสัมภาระให้แก่ผู้โดยสารขาเข้า
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังบรูไนได้ประกาศเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2554 ว่า รัฐบาลได้อนุมัติให้กรมศุลกากรและกรมสรรพสามิตบรูไนดำเนินการจัดตั้งระบบช่องทางศุลกากรสีแดงและสีเขียวที่อาคารผู้โดยสารขาเข้าของท่าอากาศยานนานาชาติบรูไน โดยให้เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2554 เป็นต้นไป เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารขาเข้าและเพื่อให้การตรวจสัมภาระของเจ้าหน้าที่ศุลกากรบรูไนเป็นระบบและได้มาตรฐานสากลมากยิ่งขึ้น
ระบบใหม่นี้จะเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารขาเข้าที่ไม่มีสัมภาระต้องเสียภาษีอากร โดยสามารถผ่านช่องทางสีเขียวได้เลย ส่วนผู้โดยสารที่มีสิ่งของที่ต้องสำแดงและเสียภาษีอากรตามกฎหมายบรูไนต้องผ่านช่องทางสีแดง ทั้งนี้ ผู้โดยสารจะต้องกรอกแบบฟอร์มสำแดงรายการสิ่งของซึ่งขอรับแบบฟอร์มได้บนเครื่องบินหรือที่อาคารผู้โดยสารขาเข้าของท่าอากาศยาน
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ศุลกากรยังมีอำนาจในการขอตรวจสัมภาระของผู้โดยสารทั้งในช่องทางสีเขียวและสีแดง การไม่สำแดงหรือสำแดงรายการไม่ถูกต้อง เป็นความผิดทางอาญา อาจถูกปรับเป็นเงินไม่เกิน 40,000 ดอลลาร์บรูไน (ประมาณ 960,000 บาท) หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
ท่าอากาศยานนานาชาติบรูไนตั้งอยู่ในเขตเบราคัสของบันดาร์เสรีเบกาวัน เริ่มเปิดให้บริการเมือ่ปี 2517 ปัจจุบันมีสานการบินให้บริการรวม 5 สายการบิน ได้แก่ Royal Brunei Airlines, Singapore Airlines, Malaysian Airlines, Air Asia และ Cebu Pacific Air มีรันเวย์ 2 เส้นรองรับการขึ้นลงของเครื่องบินวันละ 38 เที่ยว ซึ่งจากสถิติขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ระหว่างปี 2549-2552 ท่าอากาศยานนานาชาติบรูไนมีผู้โดยสารใช้บริการประมาณปีละ 1 ล้านคน
ที่ผ่านมา ท่าอากาศยานนานาชาติบรูไนจะตรวจสัมภาระของผู้โดยสารขาเข้าทุกคนด้วยเครื่องเอ็กซเรย์ ซึ่งทำให้ผู้โดยสารขาเข้าต้องเข้าแถวรอเป็นเวลานานและไม่สะดวกอย่างยิ่ง
จุดประสงค์ในการปรับปรุงการบริการของท่าอากาศยานนานาชาติบรูไนให้สะดวกและรวดเร็วขึ้นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ โดยในปี 2554 รัฐบาลบรูไนตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจากฮ่องกง จีน นิวซีแลนด์และออสเตรเลียให้ได้อีกร้อยละ 20 จากปี 2553 ทั้งนี้จากสถิติของสำนักงานการท่องเที่ยวบรูไนในปี 2553 มีนักท่องเที่ยวจากจีนและฮ่องกงประมาณ 22,000 คน และนักท่องเที่ยวจากนิวซีแลนด์และออสเตรเลียประมาณ 24,000 คน
การพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติบรูไนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนแม่บทในการปรับปรุงและพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติบรูไนที่รัฐบาลได้เคยประกาศไว้เมื่อปี 2551 โดยหวังที่จะพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการบินและการขนส่งทางอากาศของเขตเศรษฐกิจอาเซียนตะวันออก ซึ่งประกอบด้วยบรูไน-อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ฟิลิปปินส์ โดยวางเป้าหมายจะเพิ่มขีดความสามารถของสนามบินให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ปีละ 4.5 ล้านคน ภายในปี 2556 และรองรับผู้โดยสารได้ 6 ล้านคนภายในปี 2573
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น