วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ตะลึง!หญิงไทยแชมป์ติดคุกในบราซิล



'หญิงไทย' แชมป์ติดคุก คดีขนยาเสพติดในบราซิล ต้องโทษ 40 คน แถมแนวโน้มเพิ่มไม่หยุด เผยเล่ห์ต่างชาติ หลอกให้รัก ชวนแต่ง พากลับบ้าน ขนกระเป๋า เตือนอย่าเห็นแก่เงิน

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 55  นายธฤต จรุงวัฒน์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบราซิเลีย ประเทศบราซิล เปิดเผยว่า ในขณะนี้ มีหญิงไทยถูกจับกุมและเป็นนักโทษคุมขังอยู่ในเรือนจำของนครเซา เปาโล ข้อหาลักลอบขนยาเสพติด ประมาณ 40 คน ซึ่งถือว่าเกินครึ่งของจำนวนคนไทยทั้งหมดที่อยู่ในบราซิล คือประมาณ 70 คน ซึ่งในรายงานของทางการบราซิลชี้ว่า หญิงไทยเป็นชาวต่างชาติที่ถูกจับกุม ในข้อหาลักลอบขนยาเสพติดมากที่สุดในบราซิล และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 40 โดยปัญหานี้ยังเกิดในประเทศอื่นๆ ในกลุ่มละตินอเมริกาด้วย เช่น เปรู และแม็กซิโก
นายธฤต กล่าวว่า ในขบวนการลักลอบขนยาเสพติดนี้ จะใช้วิธีให้ชายชาวแอฟริกันเข้ามาสร้างความสนิทสนมกับหญิงไทย จนเกิดความรัก ถึงขั้นแต่งงานและมีลูกด้วยกัน จนหญิงไทยตายใจ จากนั้นฝ่ายชายจะขอให้หญิงไทยช่วยขนกระเป๋าเดินทางไปยังทวีปเอเชียที่มีประเทศซึ่งมีความสามารถในการซื้อสูง หรือประเทศที่เป็นจุดเชื่อมต่อไปยังภูมิภาคอื่นๆ ขณะที่ฝ่ายชายจะหาข้ออ้างให้ฝ่ายหญิงเดินทางไปล่วงหน้าก่อน แม้มีเป้าหมายปลายทางเดียวกันแต่จะบินคนละเส้นทาง 
          นายธฤต กล่าวอีกว่า ในกลุ่มหญิงไทยที่ถูกคุมขังเหล่านี้ บ้างถูกหลอกลวง บ้างทราบดีว่ากระทำผิดกฎหมาย แต่เนื่องจากได้รับค่าตอบแทนสูงถ้าสามารถลักลอบขนยาเสพติดผ่านด่านเจ้าหน้าที่ได้ ทำให้มีหญิงไทยบางส่วนยินดีทำผิดซ้ำอีก ขณะที่ทางการบราซิลก็อาจไม่ทราบว่าก่อนหน้านี้มีหญิงไทยที่สามารถลักลอบขนยาเสพติดไปได้แล้วกี่ราย ทั้งนี้ ทางการบราซิลและผู้ว่าการนครเซาเปาโล ได้ส่งสัญญาณมายังสถานเอกอัครราชทูตไทยว่า เราจะต้องดำเนินการกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง เนื่องจากส่งผลต่อภาพลักษณ์ของไทยอย่างมาก
  "ผมเชื่อว่ายังมีหญิงไทยที่จะถูกหลอกด้วยวิธีนี้อีกจำนวนมาก เพราะเป็นวิธีที่ใช้เวลานาน โดย ทางการบราซิลเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบผู้ที่เดินทางเข้า-ออกประเทศ และมีการจับตาหญิงไทยมากขึ้นเป็นพิเศษด้วย ขณะเดียวกันหน่วยข่าวของบราซิลได้มีการติดตามชาวแอฟริกันที่ร่วมขบวนการนี้จนไปพบกับหญิงไทยขนกระเป๋ามาถึงจุดตรวจคนเข้าเมือง จึงทำให้จับกุมผู้กระทำผิดได้พร้อมของกลางที่เป็นการกระทำผิดสำเร็จแล้ว"
          นายธฤต กล่าวเตือนหญิงไทยที่จะเดินทางไปยังทวีปอเมริกาใต้ว่า ขอให้ศึกษาข้อมูลและใช้ความระมัดระวัง อย่าชะล่าใจรับฝากกระเป๋าเดินทางออกไปยังประเทศอื่น แม้จะเป็นของคนรักก็ตาม รวมถึงขอเตือนไปยังผู้ที่ตั้งใจจะกระทำผิดว่าไม่ง่ายแล้ว และการถูกจำคุกในบราซิลก็มีปัญหาการสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ในเรือนจำเพราะเขาไม่ใช้ภาษาอังกฤษ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดปัญหาถึงขั้นชีวิตได้ ทั้งนี้ หญิงไทยที่ถูกจับกุมในคดีนี้เกือบทั้งหมดจะขอไม่ให้เราแจ้งเรื่องต่อญาติและครอบครัวที่เมืองไทยรับทราบ และยอมถูกจำคุกไปเรื่อยๆ ซึ่งทางบราซิลมีการผ่อนผันระยะเวลาการจำคุก และมีการผ่อนผันแก่นักโทษที่ประพฤติดีให้ได้รับการย้ายไปควบคุมในศูนย์ดูแลความประพฤติ เรื่องนี้ถือเป็นปัญหาอย่างหนึ่งที่เกิดจากการเดินทางเข้าประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า ซึ่งทำให้บางประเทศ เช่น นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ แสดงความจำนงที่จะให้กลับมาใช้การขอวีซ่าเดินทางเข้าประเทศ
          นายธฤต กล่าวด้วยว่า แม้ทางสถานเอกอัครราชทูตไทยฯได้แจ้งเรื่องนี้ให้กับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) อยู่ตลอด แต่ตนคิดว่าหน่วยงานด้านการปราบปรามยาเสพติด เช่น ป.ป.ส. สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ ควรจะทำความรู้จักและประสานงานกับฝ่ายบราซิล เพื่อสร้างความร่วมมือ แลกเปลี่ยนข้อมูล และศึกษาเส้นทางการลักลอบซื้อขายยาเสพติด เพื่อใช้ในการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด และเพื่อป้องกันไม่ให้หญิงไทยตกเป็นเหยื่อด้วย รวมถึงปกป้องภาพลักษณ์ของหญิงไทยส่วนใหญ่ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการนี้  สำหรับการให้ความช่วยเหลือโดยสถานเอกอัครราชทูตไทยฯนั้น เรามีกลุ่มเอ็นจีโอในบราซิลมาร่วมเป็นกลไกสำคัญในการช่วยเหลือหญิงไทยที่ถูกจับกุมให้ได้รับการปฏิบัติอย่างเหมาะสม มีมนุษยธรรมเช่นเดียวกับคนท้องถิ่น และเป็นไปตามหลักกฎหมาย

ที่มา : หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก