วันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2556

ข่าวประชาสัมพันธ์ สกญ. ณ นครลอสแอนเจลิส‏


เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2556 นายเจษฎา กตเวทิน กงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส เป็นประธานในพิธีสมโภชน์พระบรมราชานุเสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่วัดรัตนปัญญา เมืองวิลโดมาร์ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย
สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนียเป็นองค์กรหลักในการจัดหาทุนเพื่ออัญเชิญพระบรมราชานุเสวารีย์ไปประดิษฐานที่วัดรัตนปัญญาดังกล่าว
On 24 March 2013, Mr. Jesda Katavetin, the Consul General of Thailand to Los Angeles, participated in the ceremony to inaugurate the royal statue of King Chulalongkorn the Great or King Rama V at RatanapanyaTempleWildomarCalifornia.
The project was made possible by the Chulalongkorn University Alumni of California.







วันอังคารที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2556

อาชญากรรมในอียิปต์พุ่ง สถานทูตเตือนคนไทยระวังตัว

หลังจากที่มีการปฏิวัติขึ้นในประเทศอียิปต์เมื่อพ.ศ. 2554 ความไม่สงบและความรุนแรงต่างๆ ก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและสถานการณ์นับวันจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นโดยเฉพาะการชุมนุมประท้วงที่เกิดขึ้นแทบจะเป็นรายวัน คนอียิปต์ประท้วงได้ทุกเรื่อง และมักจะเป็นไปด้วยความรุนแรง มีผู้บาดเจ็บล้มตายทุกครั้ง ทำให้เสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศต้องตกต่ำอย่างหนัก สิ่งที่ตามมาคือปัญหาอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจทั้งปริมาณและความรุนแรง

จากเดิมอาชญากรรมในอียิปต์มักจะเป็นการลักทรัพย์เล็กๆ น้อยๆ ก็กลายเป็นการปล้นทรัพย์ ชิงทรัพย์ มีการใช้อาวุธและการทำร้ายเจ้าทรัพย์มากขึ้น พวกที่เคยหลอกลวง ต้มตุ๋น ฉ้อโกงนักท่องเที่ยวต่างชาติก็หันมาใช้วิธีข่มขู่กรรโชกทรัพย์นักท่องเที่ยว

อาชญากรรมในอียิปต์ขยายวงกว้างออกไปมากขึ้น จากเดิมจะมีเพียงบางพื้นที่เท่านั้นที่เป็นแหล่งอาชญากรรม เช่นตามชุมชนชานเมือง แต่ปัจจุบันสถานที่หรือเขตที่เคยปลอดภัยไร้โจรขโมยเช่นย่านธุรกิจหรือย่านที่อยู่อาศัยในเขตเมืองก็เริ่มกลายเป็นเขตที่มิจฉาชีพเข้าไปก่ออาชญากรรมมากขึ้น คนต่างชาติกลายเป็นเป้าหมายหรือเหยื่ออันโอชะของโจรเนื่องจากไม่สามารถหาการคุ้มครองจากตำรวจได้ การปล้น ฆ่า เกิดบ่อยขึ้น เช่นเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา คนร้ายใช้อาวุธปืนปล้นรถยนต์ของผู้ว่าการธนาคารกลางของอียิปต์ สังหารเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่นั่งไปด้วย เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความรุนแรงของอาชญากรรมที่แม้แต่เจ้าหน้าที่ๆ มีอาวุธอยู่ในมือก็ยังไม่อาจหลุดรอดจากอาชญากรและไม่สามารถรักษาแม้ชีวิตของตนเองไว้ได้ แม้แต่นักการทูตต่างชาติในอียิปต์ก็ต้องประสบเคราะห์กรรมถูกคนร้านปล้นชิงทรัพย์มาแล้วหลายราย บางรายถูกทำร้ายร่างกายด้วย

เรื่องนี้ ทางสถานทูตไทยก็มิได้นิ่งนอนใจ ได้เตือนคนไทยทุกคนในอียิปต์ให้ใช้ความระมัดระวังในการเดินทางโดยเฉพาะในพื้นที่ๆ มีอาชญากรรมบ่อยครั้ง และให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปไหนมาไหนตามลำพังในสถานที่เปลี่ยวหรือในยามวิกาล

ที่มา : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร


วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2556

การคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในเมียนมาร์


คงไม่ต้องบรรยายกันให้มากความว่าปัจจุบันประเทศพม่า หรือเมียนมาร์ เพื่อนบ้านใกล้ชิดของไทยเรากำลังเนื้อหอมขนาดไหน นอกจากเมียนมาร์จะผ่อนคลายกฎเกณฑ์เข้มงวดต่างๆ เพื่อส่งเสริมทั้งภาพลักษณ์ของประเทศและดึงดูดต่างชาติให้เข้าไปท่องเที่ยว ลงทุน และประกอบธุรกิจต่างๆ กันอย่างมากมายมหาศาลแล้ว การรวมตัวในเรื่องเขตเศรษฐกิจอาเซียน หรือ A.E.C ยิ่งทำให้พม่ากลายเป็นเหมือนขุมทองของชาวต่างชาติมากหน้าหลายตาต่างมุ่งหน้าเข้าพม่า "ขุดทอง" หรือหาประโยชน์จากทรัพยากรที่ยังอุดมสมบูรณ์ รวมทั้งผลประโยชน์จากการค้าการลงทุนด้านต่างๆ 

ในฐานะประเทศเพื่อนบ้านใกล้ชิด ไทยเราคงไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป อันที่จริงคนไทยเราทำการติดต่อค้าขายกับพม่ามาเนิ่นนานแล้วแม้พม่าจะเคยปิดประเทศและเข้มงวดกวดขันกับเรื่องเศรษฐกิจการค้าการลงทุนของชาวต่างชาติค่อนข้างมาก พอพม่าเปิดประเทศขนาดนี้ คนไทยก็เพิ่มจำนวนหลั่งไหลบุกพม่าอย่างล้นหลาม  และเป็นเรื่องธรรมดาที่ปัญหาต่างๆ ก็เพิ่มปริมาณตามมาด้วยเช่นกัน

สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง ตระหนักถึงปัญหาเรื่องการให้ความดูแลคุ้มครองคนไทยในประเทศเมียนมาร์ จึงได้มีการดำเนินการต่างๆ เพื่อให้บริการคนไทยและสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนคนไทยในเมียนมาร์ที่นับวันจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2555 ได้จัดห้องรับรองคนไทยที่ต้องการความช่วยเหลือหรือคำแนะนำจากสถานทูต เป็นห้องที่มีบรรยากาศผ่อนคลายและเป็นกันเอง นอกจากนี้ ทางสถานทูตยังได้บรรจุคู่มือคนไทยในเมียนมาร์ไว้ในเว็บไซต์ของสถานทูตด้วย  http://www.thaiembassy.org/yangon  

ในด้านการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนชาวไทยนั้น สถานทูตได้ร่วมมือกับสมาคมคนไทยในเมียนมาร์จัดกิจกรรมต่างๆ ขึ้นเป็นประจำ เช่นกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2555 ซึ่งมีคนไทยเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก  และเมื่อมีโอกาส ทางสถานทูตก็จะเดินทางไปเยี่ยมคนไทยที่อยู่ตามพื้นที่ห่างไกลเมืองย่างกุ้ง เช่น ระหว่างวันที่ 26 – 27 มีนาคม 2556 นี้ ทางสถานทูตก็กำหนดจะจัดโครงการกงสุลสัญจรเพื่อพบปะกับพี่น้องชาวไทยในเมืองมัณฑะเลย์และพื้นที่ใกล้เคียง และให้บริการด้านกงสุล อาทิ งานนิติกรณ์และทะเบียนราษฎร์

สำหรับคนไทยที่ถูกจับกุมคุมขังอยู่ในเมียนมาร์ สถานทูตก็จัดให้เจ้าหน้าที่กงสุล เข้าเยี่ยมนักโทษไทยตามทัณฑสถานต่างๆ ในพม่า ทุกๆ 3 เดือน โดยการเข้าเยี่ยมทุกครั้งจะนำยารักษาโรคและสิ่งของจำเป็นไปมอบให้แก่นักโทษด้วย และหากมีญาติประสงค์จะขอเข้าเยี่ยม ทางสถานทูตก็จะเป็นผู้ประสานงานให้ การเข้าเยี่ยมนักโทษไทยอย่างสม่ำเสมอนี้ช่วยให้นักโทษไทยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและไม่ต้องทำงานใช้แรงงาน

จะไปพม่า ไม่ว่าจะไปเพื่อท่องเที่ยวหรือธุรกิจ เข้าเว็ปไซต์ของสถานทูตไทยที่ย่างกุ้งก่อนนะครับ จะได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์และจะได้ไม่ต้องไปทำอะไรที่ผิดกฎหมายโดยไม่รู้ตัว อีกทั้งถ้าต้องไปตกทุกข์ได้ยากขึ้นมาจะได้ีู้ว่าจะต้องทำอย่างไร

มีปัญหาอะไรระหว่างอยู่เมืองนอก สถานทูต/สถานกงสุลไทยในต่างประเทศเป็นที่พึ่งของท่านได้ตลอดเวลา อย่าลืมจดที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ของสถานทูต/สถานกงสุล ของไทยในประเทศที่ท่านจะเดินทางไปทุกครั้งที่จะไปต่างประเทศนะครับ
  
ที่มา : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง
       : กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
         กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ

วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2556

อยู่ผิดกฎหมายยังไม่สำนึก หญิงไทยในบาห์เรนจับกลุ่มเล่นการพนัน โดนตำรวจรวบ

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมานามา ประเทศบาห์เรน รายงานว่า เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 56 ได้รับแจ้งจากตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของบาห์เรนว่าทางตำรวจ ตม. ได้จับกุมหญิงไทยจำนวน 14 คน ในข้อหาพำนักอยู่ในบาห์เรนเำกินกำหนด (overstay) โดยขณะที่ทำการจับกุม หญิงไทยกลุ่มนี้กำลังจับกลุ่มเล่นการพนันกันอยู่

ในเวลาต่อมามีผู้มาจ่ายเงินค่าปรับพำนักอยู่เิกินกำหนดให้แก่หญิงไทยจำนวน 3 คน ตม. จึงได้ปล่อยตัวและให้เดินทางกลับประเทศไทยในทันที ส่วนอีก 11 คน ที่เหลือไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ จึงยังต้องนอนเล่นอยู่ในคุกไปก่อน จนกว่าจะมีการชำระค่าปรับทั้งหมดหรือบางส่วน หญิงไทยเหล่านี้ พำนักอยู่ในบาห์เรนอย่างผิดกฎหมายเป็นเวลานานตั้งแต่ 1-3 ปี จึงจะต้องเสียค่าปรับตั้งแต่ 32,000-201,600 บาท

ทางตำรวจตม. บาห์เรนยังไม่ได้แจ้งข้อหาอื่นๆ เช่นค้าประเวณี เล่นการพนัน  เพราะเห็นว่าเพียงแค่ข้อหาอยู่เกินกำหนดหญิงไทยเหล่านี้ยังไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ ขืนแจ้งข้อหาอื่นด้วย มีหวังคงต้องติดคุกแทนค่าปรับกันหัวโตแน่ๆ

ไปอยู่ต่างประเทศก็อยู่อย่างผิดกฎหมาย ทำงานอย่างผิดกฎหมาย ยังไม่พอ ยังจะหาเรื่องผิดกฎหมายเข้าตัวอีก เจอแบบนี้ อย่าหวังว่าใครจะช่วยเหลือได้ เมื่อมีการทำผิดกฎหมาย ทางการเขาก็ต้องจับกุมและดำเนินคดี ต้องติดคุก โดนปรับ ถูกเนรเทศออกจากประเทศและอาจจะถูกขึ้นบัญชีดำไม่ให้เข้าประเทศเขาอีกต่อไปด้วย

ที่มา : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมานามา
       : กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
        กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ

ไทยไม่ทิ้งไทย ทูตอาบูดาบีจัดงานหาเงินช่วยผู้ป่วย



 เมื่อวันที่  8 มี.ค. 2556 เวลา 15.00 - 18.00 น. นายวราวุธ ชูวิรัช  เอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี  ข้าราชการสถานเอกอัครราชทูต และนางสุกัญญา พลวัฒน์ ประธานสมาคมสตรีไทยในรัฐอาบูดาบี พร้อมด้วยสมาชิกสมาคมฯ ได้ร่วมกันจัดงานบาซาร์ที่ทำเนียบเอกอัครราชทูต เพื่อช่วยเหลือนางเพ็ญศรี  เข็มแก้ว ซึ่งป่วยด้วยโรคเส้นโลหิตในสมองแตก รักษาตัวที่โรงพยาบาล  Sheikh Khalifa เมือง Khalifa รัฐอาบูดาบี                
           งานดังกล่าวดำเนินไปด้วยความคึกคัก สนุกสนาน มีผู้ร่วมงานทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติกว่า 150 คน โดยจัดเป็นงานบาซาร์  มีการออกร้านเป็นจำนวน 13 ซุ้ม ขายอาหารและขนมไทย ได้แก่  ผัดไทย ส้มตำ เนื้ออบ ห่อหมก ทอดมัน สะเต๊ะไก่ ไก่ห่อใบเตย  กล้วยแขก ขนมดอกจอก ขนมจีนแกงเขียวหวานไก่  ผัดหมี่  ลูกชุบ หยกมณี ขนมชั้น และลอดช่องน้ำกะทิ  อาหารแห้ง ของที่ระลึกจากประเทศไทย นอกจากนั้น ยังมีการจำหน่ายสินค้ามือสอง การร้องเพลงการกุศล และมีการจับสลากชิงรางวัล ซึ่งของรางวัลได้รับการบริจาคจากสมาชิกสมาคมฯ โดยเงินที่ได้จากการจัดงานส่วนหนึ่งจะมอบให้นางเพ็ญศรี ฯ และที่เหลือจะนำไปสมทบทุนในการช่วยเหลือสตรีไทยที่ตกทุกข์ได้ยากในรัฐอาบูดาบีต่อไป





ที่มา : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี

วันพฤหัสบดีที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2556

เตือนแล้วไม่ฟัง หนุ่มไทยลองของโดนจับอีกที่ไนโรบี

ตามที่ได้นำเสนอกรณี 2 หนุ่มไทยถูกจับกุมที่สนามบินไนโรบี ประเทศเคนยา ในข้อหามีสร้อยทำด้วยงาช้างไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย เมื่อเร็วๆ นี้ ท่านกงสุลที่ไนโรบี ประเทศเคนยา ก็มีอันต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อมีโทรศัพท์สายร้อนเข้ามาแจ้งว่ามีคนไทยถูกจับที่สนามบิน "อีกแล้ว" ขอให้ไปช่วยเหลือด่วน

ท่านกงสุลจึงได้ตรวจสอบไปยังสนามบินไนโรบี ทราบว่ามีคนไทยถูกจับกุมจริง ตอนนี้ถูกส่งตัวไปดำเนินคดีที่โรงพัก ถ้าสถานทูตจะไปเยี่ยมก็เชิญได้ตามสบาย ท่านกงสุลพร้อมด้วยล่ามไม่รอช้ารุดไปที่ สน. ทันที เพื่อขอเยี่ยมผู้ต้องหารายนี้ ปรากฏว่า ผู้ต้องหาเป็นหนุ่มใหญ่จากเมืองสุโขทัย ทำงานที่อยู่ที่ประเทศแอฟริกาใต้ กำลังจะเดินทางกลับเมืองไทยโดยสายการบินเคนยาแอร์เวย์และแวะเปลี่ยนเครื่องที่ไนโรบี ถูกจับกุมระหว่างกำลังจะเปลี่ยนเที่ยวบินในข้อหามีงาช้างในครอบครอง รวม 5 ชิ้น น้ำหนักรวม 1.0 กิโลกรัม ( เป็นส่วนของงาช้าง 3 ท่อน และกำไลมือ 2 อัน) จึงถูกส่งตัวไปดำเนินคดีและกำลังรอขึ้นศาลอยู่ที่ สน.

จากการสอบถามหนุ่มไทยให้การว่างาช้างดังกล่าวเป็นของเพื่อนฝากให้นำกลับเมืองไทย บรรจุหีบห่ออย่างมิดชิดแต่เจ้าหน้าที่สนามบินก็ตรวจพบและแกะออกมาวางถ่ายรูปกับตนไว้เพื่อใช้เป็นหลักฐาน 

ข้างฝ่ายผู้หมวด คุณตำรวจรูปหล่อ บอกว่าตอนที่ถูกจับกุม งาช้างไม่ได้บรรจุในหีบห่อตามที่ผู้ต้องหาหนุ่มไทยกล่าวอ้างแต่อย่างใด พร้อมกับสบตาท่านกงสุลรอดูว่าคราวนี้จะใช้มุขไหนมากล่าวอ้างเพื่อช่วยผู้ต้องหาอีก

ท่านกงสุลจึงได้โทรศัพท์ข้ามประเทศไปยังแอฟริกาใต้เพื่อสอบถามหัวหน้าคนงานที่หนุ่มไทยรายนี้ทำงานอยู่ ได้รับแจ้งว่า ทางบริษัทได้เรียกประชุมคนงานอย่างสม่ำเสมอ และกำชับคนงานทุกคนไม่ให้ขนงาช้างหรือมีงาช้างติดตัวเวลาเดินทาง กรณีคนงานที่ถูกจับกุมดังกล่าวคงเป็นเพราะไม่เชื่อฟังคำเตือนและคงอยากลองดีทั้งที่เพื่อนคนงาน 2 คน เพิ่งจะถูกจับกุมไปเมื่อเดือนที่แล้วในข้อหาเดียวกัน

เจอเข้าแบบนี้ ท่านกงสุลก็คงไม่มีหน้าจะไปขอตำรวจหรือศาลของเคนยาให้ลดหย่อนโทษโดยอ้างว่าผู้ต้องหาไม่รู้กฎหมาย เพราะเพิ่งจะใช้มุขนี้ไปเมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง คงทำได้แค่ต่อโทรศัพท์ให้หนุ่มไทยได้คุยกับญาติที่เมืองไทยเพื่อให้คลายกังวล และรอขึ้นศาลก้มหน้ารับคำตัดสินกันต่อไปแต่โดยดี

เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า คนเรานี่บางทีก็คิดอะไรแปลกๆ ทำผิดทั้งที่รู้ว่าผิดกฎหมาย ได้รับการเตือนก็แล้ว เห็นเพื่อนๆ ของตัวเองก็เคยถูกจับในข้อหาเดียวกันก็แล้ว ยังจะทำผิดอีก เมื่อจงใจทำผิดแบบนี้ ก็ต้องรับผิดแบบเต็มๆ สถานทูตไม่สามารถไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของต่างประเทศได้ และเมื่อเป็นการทำผิดโดยเจตนา การเจรจาหรือต่อรองเพื่อให้ได้ผ่อนหนักผ่อนเบาก็คงลำบาก เรียกว่าเป็นไปไม่ได้เลยคงเหลือทำได้อย่างมากก็เข้าไปเยี่ยมในคุกและอำนวยความสะดวกให้เดินทางกลับบ้านเมื่อพ้นโทษแล้วเท่านั้น

ที่มา : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไนโรบี
       : กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
       กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ  

กรมการกงสุลออกรายการบ่ายนี้มีคำตอบ

นายธงชัย ชาสวัสดิ์ อธิบดีกรมการกงสุล และ นายสุวัฒน์ แก้วสุข ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ ไปออกรายการบ่ายนี้มีคำตอบทางช่อง 9 (สด) ได้ฝากเตือนคนไทยอย่ารับฝากของจากคนแปลกหน้า เพราะอาจกลายเป็นการรับขนยาเสพติดโดยไม่รู้ตัว ระหว่างออกอากาศ มีหลายสายโทรเข้ามาในรายการและบอกว่าเจอกับตัวเองที่สุวรรณภูมิ ความมีน้ำใจที่ไม่ระแวดระวังไม่รอบคอบย่อมนำภัยมาสู่ตัวเอง จึงควรรู้เท่าทันเหล่ามิจฉาชีพ ป้องกันตนเองโดยการจัดกระเป๋าเดินทางด้วยตัวเองและไม่รับฝากของจากใครๆ ถ้าไม่เห็นกับตาว่าของเหล่านั้นคืออะไร

วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2556

ส่งศพแรงงานไทยกลับบ้าน

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมานามา ประเทศบาห์เรน รายงานว่า ได้จัดส่งศพแรงงานไทย 1 ราย กลับประเทศไทยเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
แรงงานไทยรายดังกล่าวทำงานเป็นพนักงานขับรถบรรทุก และประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตขณะปฏิบัติงานเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2556
สถานทูตได้ติดต่อกับบริษัทนายจ้างของผู้ตาย รวมทั้งกระทรวงแรงงานและสำนักงานประกันสังคมของบาห์เรน และบริษัทประกันภัยที่ผู้ตายทำประกันชีวิตและอุบัติเหตุไว้ เพื่อจัดการเรื่องผลประโยชน์พึงได้ต่างๆ ให้กับญาติผู้ตายต่อไป

เรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ว่าการไปทำงานต่างประเทศนั้น ต้องไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายโดยมีสัญญาจ้างงานที่ผ่านการรับรองจากกระทรวงแรงงานไทยหรือกระทรวงการต่่างประเทศไทยแล้ว เพราะเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นดังเช่นกรณีนี้ ก็จะได้รับการคุ้มครองดูแลและสิทธิประโยชน์ต่างๆ อย่างครบถ้วน

ก็นับว่า รายนี้ไม่ตายเปล่า ลูกเมียคนอยู่หลังยังพอได้เงินทองมาจุนเจือไม่ถึงกับเดือดร้อนเกินไปนัก คนที่คิดจะไปทำงานต่างประเทศแบบผิดกฎหมายอยู่ก็ขอให้เลิกความคิดนั้นเสีย เพราะเป็นเรื่องเสี่ยงมาก แม้ว่าอาจจะไม่เกิดอะไรขึ้น แต่รายได้ก็มักจะไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย สิทธิประโยชน์ต่างๆ ก็ไม่มี งานก็มักจะเป็นงานที่หนักไม่มีเวลาพักผ่อน ส่วนใหญ่แล้วแทบจะเรียกว่าไปทำงานแบบ "เหนื่อยฟรี" และหากโชคร้ายต้องประสบเคราะห์กรรมต้องบาดเจ็บล้มตายก็อาจจะต้อง "เจ็บฟรี" และอาจจะถึงกับ "ตายฟรี" อีกด้วย

ด้วยความปรารถนาดีจาก
            : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมานามา
            : กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
              กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ  

พายุหิมะถล่มฮอกไกโด


ตามที่เกิดพายุหิมะถล่มพื้นที่ทางทิศตะวันออกของจังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่ผ่านมา นั้น สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว รายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบในครั้งนี้ว่า พายุหิมะดังกล่าวทำให้ชาวญี่ปุ่นเสียชีวิตรวม 8 ราย บาดเจ็บ 1 ราย ไม่มีคนต่างชาติหรือคนไทยได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
นอกจากนี้ รถไฟต้องงดบริการจำนวน 360 เที่ยว บ้านเรือนเสียหาย 1,400 หลังคาเรือน สนามบิน New Chitose ของจังหวัดฮอกไกโดระงับเที่ยวบินกว่า 150 เที่ยว ระหว่างวันที่ 2-3 มี.ค.56

เหตุการณ์พายุหิมะครั้งนี้ แม้จะไม่มีคนไทยบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่ก็มีนักท่องเที่ยวไทยจำนวน 2 ราย ที่ได้รับผลกระทบเนื่องจากต้องการเดินทางออกจากเมืองอาบาชิริไปยังเมืองซัปโปโรเพื่อขึ้นเครื่องบินไปยังโอซากาให้ทันตามกำหนดแต่เนื่องจากรถไฟหยุดบริการจึงไม่สามารถเดินทางได้อีกทั้งนักท่องเที่ยวไทยคู่นี้พูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้จึงไม่สามารถติดต่อขอความความช่วยเหลือจากใครได้ สถานทูตจึงได้ช่วยประสานกับบริษัทรถประจำทางเพื่อให้นักท่องเที่ยวชาวไทยทั้ง 2 คน ได้เดินทางไปยังเมืองซัปโปโรแล้ว

อย่างไรก็ตาม สถานทูตได้ตรวจสอบกับบริษัทการบินไทยประจำกรุงโตเกียวได้รับแจ้งว่า เที่ยวบินของสายการบินไทยที่ให่บริการระหว่างฮอกไกโด-กรุงเทพฯ ทั้งเที่ยวไปและกลับให้บริการตามปกติและไม่มีผู้โดยสารตกค้างแต่อย่างใด

สถานทูตได้ฝากเตือนนักท่องเที่ยวชาวไทยที่จะไปท่องเที่ยวที่จังหวัดฮอกไกโด ว่า ช่วงนี้เป็นฤดูกาลท่องเที่ยวเล่นสกีและมักจะมีชาวไทยนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวเล่นสกีเป็นจำนวนมาก ขอให้ตรวจสอบสภาพอากาศให้ดีก่อน เพราะอาจจะมีหิมะตกหนักจนทำให้เกิดความไม่สะดวกต่างๆ ได้

ที่มา : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว