วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2554

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมานามา ออกประกาศเตือนชุมชนชาวไทยในบาห์เรน



สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมานามา ประเทศบาห์เรน ได้ออกประกาศ ด่วน เตือนคนไทยในประเทศบาห์เรนโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ฝ่ายค้านบาห์เรนกำลังวางแผนที่จะชุมนุมประท้วงอย่างกว้างขวางทั่วทั้งประเทศบาห์เรนรวมทั้งกรุงมานามา ในวันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม 2554 ผู้ชุมนุมมีแผนจะนั่งประท้วงตามทางแยกบริเวณห้างสรรพสินค้า Seef Mall โดยผู้ประท้วงจะเดินมารวมตัวกันจากพื้นที่ใกล้เคียง อาทิ Sanabis; al-Daih และ Karbabad นอกจากนี้ ผู้ประท้วงจะปิดกั้นถนนและทางแยกหลักๆ ในเมืองหลวง บริเวณที่ทำการรัฐบาลและพระราชวัง รวมทั้งเขตคณะทูตตลอดทั้งวัน โดยคาดว่าจะมีการปิดกั้นถนนสายหลักและทางหลวงทั่วประเทศตลอดสายด้วย ผู้ประท้วงจะใช้วิธีการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วหันกลับมาปิดกั้นถนนซ้ำอีกเป็นเช่นนี้เรื่อยไป คาดว่าผู้ประท้วงจะไม่ปิดกั้นถนนในเขตที่ตั้งของโรงพยาบาลและคลินิก

ในวันเดียวกัน เวลาประมาณ 15.00 น. ผู้ประท้วงมีแผนจะนำรถยนต์ประมาณพันคันออกมาปิดกั้นบริเวณ Pearl Roundabout เดิม ที่ผู้ชุมนุมเรียกชื่อว่าถนน "กุมภาพันธ์ 14" (หรือที่เรียกว่าถนน Shaikh Khalifa Bin Salman)

สถานเอกอัครราชทูตฯ จึงขอให้คนไทยในบาห์เรนหลีกเลี่ยงการเดินทางสัญจรไปมาในเขตดังกล่าวและระมัดระวังตัวเป็นพิเศษในช่วงวันดังกล่าวด้วย

ที่มา : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมานามา

วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2554

หญิงไทยถูกจับกุมข้อหาลักลอบขนยาเสพติดที่อาร์เจนตินา

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ได้รายงานกรณีหญิงไทยถูกจับกุมข้อหาลักลอบขนยาเสพติด เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2554 ที่ท่าอากาศยานกรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา
หญิงไทยถูกจับกุมตัวระหว่างรอเดินทางกลับประเทศไทย เนื่องจากมีโคเคอีนซุกซ่อนอยู่ในสัมภาระ นอกจากนี้ เมื่อเดือนสิงหาคม 2554 ที่ผ่านมา ยังเกิดกรณีหญิงไทยเสียชีวิตเนื่องจากพยายามกลืนแคปซูลที่บรรจุโคเคน ทำให้แคปซูลบางเม็ดแตกอยู่ในท้อง จนเป็นเหตุให้เสียชีวิตในที่สุด
ปัจจุบันมีนักโทษหญิงไทยถูกจับกุมข้อหาลักลอบขนยาเสพติดเข้าประเทศอาร์เจนตินาจำนวน 12 คน และยังมีในประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคลาตินอเมริกา ที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรุนแรงของปัญหาที่คนไทยตกเป็นเหยื่อในขบวนการค้ายาเสพติด

ที่มา : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบัวโนสไอเรส
กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ

คนไทยถูกจำคุกในบาห์เรน


เมื่อวันที่ 3 และ 6 ตุลาคม 2554 เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมานามา ประเทศบาห์เรน ได้เดินทางไปเยี่ยมผู้ต้องขังไทยในประเทศบาห์เรน ที่เรือนจำ Isa ซึ่งมีผู้ต้องขังหญิงสัญชาติไทยจำนวน 19 คน และที่เรือนจำ Jau มีผู้ต้องขังชายสัญชาติไทย จำนวน 2 คน
สตรีไทยในบาห์เรนมักถูกจับและดำเนินคดีในข้อหาค้าประเวณี หรือสมรู้ร่วมคิดในการจัดหาและอำนวยความสะดวกการค้าประเวณี เสพยาเสพติด และอยู่เกินวีซ่ากำหนด (over-stay) สำหรับข้อหาของชายไทยที่ถูกจำคุกในบาห์เรน คือ ข้อหาค้ายาเสพติด และฆาตกรรม
ปัจจุบันมีคนไทยเดินทางเข้าออกประเทศบาห์เรนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากบาห์เรนเป็นประเทศเดียวในกลุ่มประเทศคาบสมุทรอาหรับที่อนุญาตให้ผู้ถือหนังสือเดินทางไทยสามารถพำนักในบาห์เรนได้ เป็นเวลา 30 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่า อีกทั้งนโยบายหลักของบาห์เรนที่ต้องการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว ธุรกิจและการลงทุนจากต่างประเทศของภูมิภาค จึงทำให้บาห์เรนกลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวในภูมิภาคอาหรับได้เป็นอย่างดี และในปัจจุบันมีแรงงานไทยทำงานในประเทศบาห์เรนประมาณ 3,000 คน


ที่มา : ข้อมูลจากสถานเอกอัคคราชทูต ณ กรุงมานามา
กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ

วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2554

คำแนะนำการเดินทางไปประเทศกรีซ





ด้วยในขณะนี้ มีการประกาศนัดหยุดงานประท้วงรัฐบาลกรีซของสหภาพแรงงานข้าราชการและรัฐวิสาหกิจอยู่เนืองๆ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศ สถานเอกอัครราชทูต(สอท.) ขอแนะนำให้ผู้ที่ประสงค์จะเดินทางมายังกรีซโปรดตรวจสอบข้อมูลก่อนการเดินทางได้ที่http://www.apergia.gr/index.php (ภาษากรีก) หรือสอบถามได้ที่ สอท.ฯ ส่วนการนัดหยุดงานของศูนย์ควบคุมการบินกรีซดูได้ที่ http://www.eeeke.gr/index_files/ENGLISH_HOME.htm

ตารางการนัดหยุดงานในเดือนตุลาคม 2554
13 ตุลาคม - หยุดงาน 24 ชม. รถเมล์ รถไฟฟ้า รถราง รถไฟใต้ดิน (ยกเว้นแท็กซี่)
14 ตุลาคม - หยุดงาน 24 ชม. รถเมล์ รถไฟฟ้า รถราง รถไฟใต้ดิน
17 ตุลาคม - หยุดงาน 24 ชม. ขนส่งทางน้ำ (เรือโดยสาร เรือท่องเที่ยว)
18 ตุลาคม - หยุดงาน 24 ชม. ขนส่งทางน้ำ (เรือโดยสาร เรือท่องเที่ยว)
- หยุดงาน 48 ชม. ด่านตรวจสินค้า กรมศุลกากร การรถไฟ (ไป ต.จ.ว)
19 ตุลาคม - หยุดงาน 24 ชม. สหภาพข้าราชการ (รวมพิพิธภัณฑ์ และแหล่งท่องเที่ยว เช่น Acropolis และรัฐวิสาหกิจ รวมขนส่งมวลชน (รถเมล์ รถไฟฟ้า รถราง รถไฟใต้ดิน)
- หยุดงาน 48 ชม. ด่านตรวจสินค้า กรมศุลกากร

ที่มา : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเอเธนส์

Website : http://www.thaiembassy.org/athens

วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2554

คนไทยถูกตำรวจอียิปต์จับกุมข้อหาวีซ่าปลอม





คนไทยถูกตำรวจอียิปต์จับกุมข้อหาวีซ่าปลอม

มีรายงานจากสถานเอกอัครราชทุต ณ กรุงไคโร แจ้งว่าเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองอียิปต์จับกุมตัวคนไทย 2 คน ซึ่งทำงานอยู่ที่เมือง Hurghad ในข้อหาปลอมแปลงตราประทับวีซ่า เนื่องจากพบวีซ่าทำงานและวีซ่าผู้ติดตามนักศึกษามหาวิทยาลัย Al Azhar อยู่ในเล่มเดียวกัน ซึ่งปกติไม่สามารถทำได้

สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ประสานกับอัยการและเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของอียิปต์ รวมทั้งสอบถามข้อเท็จจริงกับคนไทยทั้งสองคน ได้ความว่า บุคคลทั้งสองเข้าประเทศอียิปต์โดยวีซ่าท่องเที่ยว และได้จ้างคนไทยคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในกรุงไคโรเป็นผู้ดำเนินการขอวีซ่าเพื่อทำงานในอียิืปต์โดยจ่ายเงินเป็นค่าดำเนินการถึง 400-800 ดอลลาร์สหรัฐ แต่แทนที่จะได้วีซ่าทำงาน กลายเป็นวีซ่าผู้ติดตามนักศึกษามหาวิทยาลัย Al Azhar ซึ่งถูกเลิกใช้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2008 วีซ่าดังกล่าวเป็นภาษาอาหรับ คนไทยทั้งสองคนจึงไม่รู้ว่าเป็นวีซ่าผิดประเภท และเมื่อถึงเวลาต่ออายุก็ได้ไปติดต่อกับตรวจคนเข้าเมืองอียิปต์เพื่อขอต่ออายุวีซ่าทำงานจึงได้ถูกเจ้าหน้าที่พบเห็นวีซ่าประเภทติดตามนักศึกษาดังกล่าว จึงได้ควบคุมตัวและตั้งข้อหาปลอมแปลงตราประทับวีซ่า แต่ก็ได้ปล่อยตัวชั่วคราวและจะเรียกคนไทยทั้งสองมาสอบสวนเพิ่มเติมพร้อมกับติดตามตัวนายหน้าคนไทยที่รับดำเนินการเรื่องนี้ให้มาสอบปากคำด้วย

ในเรื่องนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้มอบหมายให้นายชัยณรงค์ กีรติยุตวงศ์ อัครราชทูต เดินทางไปเมือง Hurghada เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมและหาทางช่วยบุคคลทั้งสอง ทราบว่ามีคนไทยในเมือง Hurghada อีกหลายรายที่ใช้วีซ่าผู้ติดตามเช่นเดียวกัน โดยได้ให้นายหน้ารายเดียวกันเป็นผู้ดำเนินการให้ สถานเอกอัครราชทูตฯ จึงได้แนะนำให้ผู้ที่มีวีซ่าไม่ถูกต้องใช้โอกาสในการเดินทางกลับประเทศไทยช่วงพักร้อนประจำปีดำเนินการขอวีซ่าทำงานจากสถานทูตอียิปต์ในประเทศไทยให้ถูกต้อง แต่ได้รับแจ้งว่ามีอุปสรรคสำคัญ 2 ประการคือนายจ้างอียิปต์ไม่ให้ความร่วมมือในการดำเนินการขอวีซ่าทำงาน และขั้นตอนการขอวีซ่าทำงานที่สถานทูตอียิปต์ในประเทศไทยมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก ทางสถานเอกอัครราชทูตฯ จึงจะประสานกับฝ่ายอียิปต์เพื่อแก้ไขปัญหานี้ต่อไปเพื่อไม่ให้คนไทยรายอื่นๆ ต้องถูกจับกุมดังเช่นกรณีคนไทย 2 ราย ดังกล่าว รวมทั้งจะดำเนินการกับนายหน้าคนไทยที่สร้างปัญหาให้กับคนไทยด้วยกันด้วย

เรื่องนี้นับเป็นอุทธาหรณ์อีกกรณีหนึ่งที่กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศได้เพียรพยายามตักเตือนคนไทยที่จะไปทำงานในต่างประเทศให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปทำงานด้วยตัวเองหรือมีบริษัทจัดหางานเป็นผู้ดำเนินการให้ จะต้องมีสัญญาจ้างงานที่ผ่านการรับรองจากกระทรวงแรงงานและสถานทูต/สถานกงสุล ของไทยในต่างประเทศก่อน จากนั้นจึงจะไปขอวีซ่าให้ถูกต้องถูกประเภท ถึงแม้ว่าการดำเนินการให้ถูกต้องนั้นจะใช้เวลาและมีขั้นตอนมาก ก็ต้องทำ มิฉะนั้นท่านจะต้องไปประสบกับปัญหาในต่างประเทศอย่างแน่นอน ควรคิดให้ดีว่า ท่านต้องการไปทำงานหาเงิน ไม่ได้ต้องการไปประสบปัญหาจนถึงขั้นถูกจับกุมและอาจถูกส่งตัวกลับประเทศไทย ดังนั้น จึงต้องดำเนินการให้ถูกต้องจะได้ไม่ไปมีปัญหา ไม่ได้ทำงาน ไม่ได้เงิน แถมบางทีอาจถูกจับเข้าคุกอีกด้วย

ที่มา : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร
: กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ

การประชุมชี้แจงการต่อต้านการค้ามนุษย์ของมาเลเซีย



การประชุมชี้แจงการต่อต้านการค้ามนุษย์ของมาเลเซีย

เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2554 กระทรวงมหาดไทยของประเทศมาเลเซีย ได้จัดการบรรยายสรุปเพื่อร่วมมือหารือมาตรการการต่อต้านการค้ามนุษย์กับประเทศออสเตรเลีย อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา กัมพูชา และไทย เพื่อเพิ่มเติมบทบัญญัติกฎหมายต่อต้านการค้ามนุษย์ให้คลอบคลุมและมีโทษหนักขึ้น เช่น การลักลอบนำคนต่างด้าวเข้าเมือง ซึ่งคนต่างด้าวที่ตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์นั้น มีอัตราการเพิ่มขึ้นอย่างมากในปัจจุบัน

โดยมาเลเซียได้เน้นมาตรการสำคัญ 3 ประการ คือ 1. Prosecution การนำผู้กระทำผิดเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์มาลงโทษตามกฎหมาย 2. Protection ให้ความคุ้มครองเหยื่อการค้ามนุษย์และปัญหาลักลอบนำคนต่างด้าวเข้าเมือง 3. Prevention and Awareness ร่วมมือกับหน่วยงานรัฐของบาลและเอกชนในการหาแนวทางเพื่อแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ในเชิงป้องกัน โดยใช้สื่อต่างๆในการเผยแพร่ความรู้

สำหรับการจัดกลุ่มประเทศเกี่ยวกับการจัดการปัญหาการค้ามนุษย์ของสหรัฐอเมริกานั้นมาเลเซียอยู่อยู่ในกลุ่มเดียวกับไทย (Tier 2) แต่อยู่ในอันดับที่ต่ำกว่า เพราะมาเลเซียเป็นประเทศทางผ่าน และปลายทางของขบวนการค้ามนุษย์

ปัจจุบันในประเทศมาเลเซียมีแรงงานต่างด้าวทั้งชายและหญิงได้ตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์จาก 20 ประเทศ เป็นจำนวน 2,151 คน โดยผู้ชายจะถูกเอาเปรียบในเรื่องของแรงงาน และผู้หญิงถูกเอาเปรียบเรื่องของแรงงานและเพศ

แรงงานไทยที่สนใจจะเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ ควรต้องมีการศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศปลายทางและข้อมูลของนายจ้าง เพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของตนเอง

ที่มา : กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล

นักออกแบบไทยสร้างชื่อเสียงให้ประเทศในงานแสดงออกแบบหัตถกรรมนานาชาติที่ไต้หวัน







ความสามารถของคนไทยในด้านต่างๆ ได้ปรากฏสู่สายตาชาวต่างชาติมาเป็นระยะๆ ล่าสุดนักออกแบบไทยสองคน นายเอกรัตน์ วงษ์จริต และนายวินัย ฉัยรักษ์พงศ์ นักออกแบบนิทรรศการ ได้สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยอีกครั้ง โดยคูหาไทยที่ทั้งสองได้จัดเข้าร่วมแสดง ภายใต้หัวข้อ “Slow Hand Design and the Heart Value of Thai Crafts Design” ได้รับรางวัลชนะเลิศภาพลักษณ์ยอดเยี่ยม (Image Award) ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุด ในงานเอ๊กซโปการออกแบบโลก ปี 2554 – การแสดงออกแบบหัตถกรรมนานาชาติ (2011 Taipei World Design Expo - International Craft Design Exhibition) ที่ไทเป ไต้หวัน


ในงานประกาศผลการตัดสิน เมื่อค่ำวันที่ 30 กันยายน 2554 นายวิบูลย์ คูสกุล ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย ไทเป ได้กล่าวภายหลังที่ นางกิตติมา วีระชาติกุล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ เป็นผู้แทนนักออกแบบขึ้นรับรางวัลดังกล่าว โดยผู้อำนวยการใหญ่ได้ขอบคุณผู้จัดงาน ที่ยอมรับผลงานการออกแบบของไทยและเปิดโอกาสให้ประเทศไทยได้แสดงความรู้และความเข้มแข็งในด้านนี้ออกมา รางวัลภาพลักษณ์ที่ไทยได้รับ แสดงให้ทั่วโลกได้เห็นถึงคุณค่าและความเป็นไทยที่มีขนบธรรมเนียบประเพณี และศิลปะอันงดงาม นักออกแบบไทยได้ใช้ศิลปะ วัฒนธรรม และหัตถกรรมดั้งเดิมที่สืบทอดกันมาหลายยุคหลายสมัย มาประยุกต์ร่วมกับการออกแบบและเทคนิคการผลิตที่ทันสมัย กลายมาเป็นสินค้าที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น เป็นที่ชื่นชอบของคนสมัยใหม่


กรมส่งเสริมการส่งออก ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ไทเป เป็นผู้เข้าร่วมงานนี้ ซึ่งจัดโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาหัตถกรรมแห่งชาติไต้หวัน ระหว่างวันที่ 30 กันยายน - 30 ตุลาคม 2554 ได้เชิญประเทศต่างๆ กว่า 30 ประเทศเข้าร่วมแสดงผลงานการออกแบบ ทั้งนี้ ในส่วนของ International Craft Design Exhibition มีผลงานจาก 7 ประเทศมาร่วมแสดง คือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เดนมาร์ก ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา ไต้หวัน และไทย สำหรับรางวัลอื่นๆ และผู้ได้รับรางวัล ได้แก่ Theme Award (จากผลงาน Tangled Chair) ของฝรั่งเศส Creativity Award (จากผลงาน Surface Tension) ของญี่ปุ่น และ Shape Design Award (จากผลงาน Blue Bowl) ของญี่ปุ่น


ที่มา : สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย ไทเป

ความสำเร็จของทีมไทยในการแข่งขัน World Skills London 2011


เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2554 นายกิตติ วะสีนนท์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน ได้ต้อนรับทีมเยาวชนไทยผู้เข้าร่วมแข่งขัน World Skill London 2011 โดยมีรองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ม.ล.ปุณฑริก สมิติ เป็นหัวหน้าคณะ ที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงลอนดอน โดยได้แสดงความยินดีกับความสำเร็จของทีมไทยที่ได้รับเหรียญทองในสาขาช่างกลึงและสาขาการออกแบบโมเดลผลิตภัณฑ์ และ 2 เหรียญเงินในสาขาแฟชั่นเทคโนโลยีและสาขาการสร้างและประกอบแม่พิมพ์ อีกทั้งรางวัลชมเชยรวม 12 รางวัล

ที่มา : ภาพและเรื่องโดย สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน

วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554

สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจดดาห์ จัดโครงการกงสุลสัญจร และโครงการตรวจสุขภาพแรงงานไทย / ชุมชนไทย (โครงการแพทย์อาสา)ที่เมืองมักกะห์ ซาอุดีอาระเบีย





สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจดดาห์ จัดโครงการกงสุลสัญจร และโครงการตรวจสุขภาพแรงงานไทย / ชุมชนไทย (โครงการแพทย์อาสา)ที่เมืองมักกะห์ ซาอุดีอาระเบีย


เมื่อวันที่ 22 – 23 กันยายน 2554 ระหว่างเวลา 09.00 – 21.00 น. สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจดดาห์ ได้จัดบริการกงสุลสัญจรครั้งที่ 3 ประจำปี 2554 ที่สำนักงานกงสุล (ฝ่ายกิจการฮัจย์) ณ เมืองมักกะห์ (อยู่ห่างจากเมืองเจดดาห์ ประมาณ 90 กิโลเมตร) ซึ่งมีชุมชนชาวไทยมุสลิมที่ส่วนใหญ่มาจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ พำนักอาศัยอยู่ที่เมืองนี้ประมาณ 8,000 คน โดยกลุ่มคนไทยดังกล่าว มีบางส่วนไม่สามารถที่จะเดินทางไปขอรับบริการที่สถานกงสุลใหญ่ฯที่เมืองเจดดาห์ได้ เนื่องจากไม่มีใบอนุญาตถิ่นที่อยู่ที่ถูกต้องตามกฎหมาย สถานกงสุลใหญ่ฯ จึงได้จัดหน่วยกงสุลสัญจรเดินทางไปให้บริการถึงพื้นที่เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องชาวไทยกลุ่มดังกล่าว ซึ่งตลอดระยะเวลา 2 วัน มีชาวไทยมาขอรับบริการด้านหนังสือเดินทางเล่มใหม่ ขอสูติบัตร หนังสือมอบอำนาจ รับรองเอกสาร รวมทั้งขอคำปรึกษาในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานกงสุลและกฎหมายท้องถิ่น เป็นจำนวนกว่า 250 คน

ในโอกาสเดียวกันนี้ สถานกงสุลใหญ่ฯ ยังได้จัดโครงการตรวจสุขภาพแรงงานไทยและชุมชนไทย (โครงการแพทย์อาสา) โดยได้รับความอนุเคราะห์จากคณะแพทย์คนไทยที่พำนักอยู่ในเมืองมักกะห์และแพทย์ชาว ซาอุดีฯ ที่มีบรรพบุรุษเป็นคนไทยตั้งถิ่นฐานอยู่ในประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยคณะแพทย์เหล่านี้ซึ่งมีความผูกพันโดยสายเลือดความเป็นไทยได้เสียสละเวลาและอุทิศตนให้บริการตรวจสุขภาพให้แก่คนไทยที่พำนักอยู่ในเมืองมักกะห์และเมืองใกล้เคียงโดยไม่คิดค่าตอบแทนใดๆ ซึ่งถือได้ว่าเป็นโครงการที่ประสบผลสำเร็จและได้รับความสนใจจากชุมชนไทยเป็นอย่างมาก สถานกงสุลใหญ่ฯ จึงมีโครงการจะจัดให้บริการกงสุลสัญจรและการตรวจสุขภาพควบคู่กันไปในลักษณะนี้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อสนองตอบความต้องการของประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งยังเป็นการเสริมสร้างควาเข้มแข็งของชุมชนไทยและดูแลสวัสดิภาพด้านสุขอนามัยแก่ชาวไทยที่ด้อยโอกาสในการได้รับสิทธิการรักษาพยาบาลจากโรงพยาบาลของรัฐ

ที่มา: ภาพและเรื่องโดยสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจดดาห์

วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2554

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร เยี่ยมเยียนคนไทยในเมือง Hurghada และ El Guona




ระหว่าง 30 กันยายน – 1 ตุลาคม 2554 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร ได้มอบหมายให้ อัครราชทูตชัยณรงค์ กีรติยุตวงศ์ เดินทางไปเยี่ยมเยียนคนไทยที่อาศัยและทำงานในเมือง Hurghada และเมือง El Guona ตลอดจนพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงไคโรไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ 440 กิโลเมตร เพื่อสอบถามทุกข์สุข รับทราบปัญหาที่ประสบ เก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำฐานข้อมูลคนไทยสำหรับการประสานงานติดต่อในกรณีฉุกเฉิน และชี้แจงให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่คนไทยในอียิปต์ โดยอัครราชทูตชัยณรงค์ฯ ได้พบปะกับคนไทยรวมทั้งสิ้นราว 50 คนซึ่งทำงานในสปา โรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจส่วนตัว และได้รับทราบปัญหาเกี่ยวกับการขอวีซ่าทำงานของคนไทยบางส่วน อีกทั้งยังได้พบหารือกับนายโมฮัมเหม็ด ยัสซิน หัวหน้าสำนักงานอัยการเมือง Hurghada เกี่ยวกับคดีคนไทยถูกจับในข้อหาปลอมแปลงวีซ่าเพื่อหาทางช่วยเหลือต่อไปอีกด้วย ทั้งนี้ คนไทยในเมืองดังกล่าวรู้สึกยินดีที่สถานเอกอัครราชทูตได้มาเยี่ยมเยียนและประสงค์ให้มาพบปะเป็นระยะๆ ซึ่งจะช่วยให้สามารถดูแลทุกข์สุขของคนไทยได้อย่างใกล้ชิด และเสริมสร้างความร่วมมือกันในการประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในอียิปต์ต่อไป


อัครราชทูตชัยณรงค์ กีรติยุตวงศ์ให้คำปรึกษาแก่คนไทยที่ประสบปัญหาวีซ่า

ชี้แจงข้อมูลงานการให้บริการด้านกงสุลของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร

พบปะสนทนากับพนักงานของอังสนาสปา ที่โรงแรม Movenpick เมือง El Guona

วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554

สถานเอกอัครราชทูตไทยบริจาคเงินแก่ “บ้านสวัสดิการ” ของบรูไน


เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2554 เอกอัครราชทูตไทย ประจำบันดาร์เสรีเบกาวัน นายอภิชาต เพ็ชรรัตน์ ได้มอบเงินบริจาคจำนวน 135,000 บาท (5,612.79 ดอลล่าร์บรูไน) ให้แก่บ้านสวัสดิการ บรูไน โดยมีนาย Haji Mohammed ผู้อำนวยการการบริหารและการเงิน กระทรวงวัฒนธรรม เยาวชน และกีฬา เป็นผู้รับมอบ
การบริจาคดังกล่าว เป็นการแสดงความขอบคุณที่บ้านสวัสดิการเคยให้ที่พักพิงแก่หญิงไทยตกทุกข์ ที่ถูกกักตัวไว้เป็นพยานในคดีค้ามนุษย์ จนได้รับการปล่อยตัวกลับประเทศไทย โดยเป็นงบประมาณในโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ เพื่อให้เห็นความสำคัญของการดูแลสตรีและเด็กที่ถูกใช้ความรุนแรง ผู้มีปัญหาทางสังคมต้องการที่พึ่งพิง รวมทั้งการฟื้นฟูจิตใจและพัฒนาทักษะอาชีพ และสามารถกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติ ซึ่งเป็นหน้าที่รับผิดชอบหลักของ “บ้านสวัสดิการ”

วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ระวัง!! หมอนวดไทยถูกหลอกไปทำงานที่อียิปต์



สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ รายงานกรณีหมอนวดชายแผนไทย 3 คน ถูกหลอกลวงจากนายหน้าชาวอียิปต์ให้ไปทำงานที่นวดและสปาที่โรงแรม 5 ดาว ประเทศอียิปต์ ผ่านทางเว็บไซต์และติดต่อกันทางอีเมล์
หมอนวดทั้ง 3 คนเดินทางเข้าไปที่อียิปต์ด้วยวีซ่าท่องเที่ยว โดยต้องรับผิดชอบค่าดำเนินการวีซ่า ค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน และค่าโรงแรมกันเอง เมื่อเดินทางไปถึงมีผู้อ้างว่าเป็นผู้ประสานงานมารับเพื่อไปทำใบอนุญาตทำงาน (work permit) และต้องเสียค่าดำเนินการอีกคนละ 350 ดอลล่าร์สหรัฐ หลังได้รับเงินผู้ประสานงานก็หายตัวไป หมอนวดจึงได้แจ้งความกับสถานีตำรวจและแจ้งให้สถานเอกอัครราชทูตฯ ทราบเรื่อง


ภูมิภาคตะวันออกกลาง เป็นภูมิภาคที่มีกฎระเบียบทางสังคมเคร่งครัด แรงงานไทยทั้งชายและหญิง อาจประสบปัญหาการใช้ชีวิต โดยเฉพาะผู้หญิงที่ต้องประสบกับความเคร่งครัดทางสังคม ทั้งเรื่องการแต่งกาย การเดินทางไปในที่สาธารณะ การไม่มีสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เป็นต้น ความเคร่งครัดทางสังคมยังส่งผลต่อการทำงาน คือผู้หญิงนวดได้เฉพาะผู้หญิง ผู้ชายนวดได้เฉพาะผู้ชาย ทำให้สถานที่ทำงานมีการจัดสรรพื้นที่แยกกันชัดเจน ดังนั้น การทำงานนวดโดยแอบแฝงการค้าประเวณีเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายและมีบทลงโทษรุนแรง


วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554

หมอนวดสปาจะไปรัสเซีย: ระวังถูกหลอกจ่ายค่านายหน้าสูงเกินเหตุ

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก ประเทศรัสเซียได้แจ้งเตือนกรณีบริษัทธารธารา ไทยแมสซาส เรียกเก็บค่านายหน้าเพื่อมาทำงานนวดสปาที่รัสเซียสูงเกินเหตุ ถึงรายละ 200,000 บาท โดยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับค่านายหน้าที่มาทำงานนวดสปาในประเทศรัสเซีย เฉลี่ยอยู่ที่ 20,000-30,000 บาท/คน

ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้มีข้อกังวลเกี่ยวกับแรงงานไทย ว่าการทำงานที่ประเทศรัสเซียมีค่าตอบแทนไม่สูง อีกทั้งยังมีอุปสรรคด้านภาษาและสภาพแวดล้อมอื่นๆ เช่น สภาพอากาศที่หนาวเย็น อัธยาศัยของผู้คน สภาพที่อยู่อาศัย ทำให้แรงงานไทยบางส่วนหนีกลับประเทศไทยก่อนหมดสัญญาจ้าง หรือขอให้สถานเอกอัครราชทูตฯ ช่วยพากลับประเทศไทยอยู่เป็นระยะๆ

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงซันติอาโก เตือนภัยในประเทศชิลี


สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงซันติอาโก ประเทศชิลี ได้ฝากแจ้งเตือนคนไทยที่พำนักอยู่ในประเทศชิลี และประเทศใกล้เคียง รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยที่จะเดินทางไปชิลี ว่า ปัจจุบัน ชิลียังคงมีสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงในเรื่องของความไม่ปลอดภัย ทั้งภัยธรรมชาติ คือ แผ่นดินไหวซึ่งยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์ด้านความมั่นคงสาธารณะ คือยังมีการประท้วงบ่อยครั้ง จึงขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปชิลีตรวจสอบข้อมูลและสถานการณ์ให้ดีก่อนเดินทาง โดยทางสถานเอกอัครราชทูตฯ จะเฝ้าระวังและติดตามเหตุการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิดและจะออกประกาศเตือน ซึ่งท่านสามารถตรวจสอบได้จากเว็ปไซต์ของสถานเอกอัครราชทูตฯ ตามลิงค์นี้

http://www.thaiembassychile.org/

วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ยูเออี ห้ามนำยา 374 ชนิดเข้าประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี ประเทศ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รายงานด่วนว่ามีคนงานไทยถูกจับกุมที่ท่าอากาศยานกรุงอาบูดาบี ในข้อหานำยาต้องห้ามเข้าประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยก่อนขึ้นเครื่องบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คนงานรายดังกล่าวได้ซื้อยา Tramal retard 100, tramadol 100 mg. จำนวน 20 เม็ด จากร้านขายยาในสนามบินนำติดตัวไปด้วย และเมื่อเดินทางถึงท่าอากาศยานกรุงอาบูดาบี ถูกเจ้าหน้าที่ศุลกากรพบเห็นจึงแจ้งให้ตำรวจจับกุมตัวในข้อหานำยา Tramal ซึ่งเป็นยาต้องห้ามเข้าประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากยาดังกล่าวมีผลต่อระบบประสาทและสมอง ซึ่งคนงานไทยผู้โชคร้ายรายดังกล่าวได้ชี้แจงแก่เจ้าหน้าที่ว่าไม่ทราบมาก่อนว่ายาแก้ปวดที่ตนถือติดมาเป็นยาต้องห้ามเพราะยานี้สามารถหาซื้อได้ทั่วไปในประเทศไทยโดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ แต่อย่างไรก็ตาม ทางการยูเออีก็ต้องดำเนินคดีกับคนงานไทยรายนี้ตามกฎหมาย


สถานเอกอัครราชทูตฯ รายงานว่าได้เข้าไปดูแลกรณีแรงงานไทยถูกจับกุมรายนี้แล้ว และได้ออกประกาศเตือนคนไทยทุกคนที่จะเดินทางไปประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี ให้ตรวจสอบเรื่องการนำยาเข้าประเทศให้ดีก่อน โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อยาต้องห้ามนำเข้าประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จำนวน 374 ชนิดได้ที่เว็บไซต์ของสถานเอกอัครราชทูตฯ ตามลิงค์นี้


ขอให้ช่วยกันกระจายข่าวต่อไปด้วย ใครที่จะเดินทางเข้ายูเออี ต้องตรวจสอบให้ดี อย่าเผลอนำยาต้องห้ามติดตัวมาด้วย เพราะไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ต้องถูกจับกุมดำเนินคดีและต้องรับโทษตามกฎหมายของยูเออี และหากมีความจำเป็นที่จะต้องนำยาต้องห้ามเข้ายูเออีก็ต้องมีใบรับรองแพทย์หรือใบสั่งยาจากแพทย์ด้วย สำหรับยาแก้ปวดนั้น สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปในยูเออี ไม่จำเป็นต้องนำติดตัวเข้าไป