วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2554

การขอเงินภาษีคืนของแรงงานไทยที่เคยทำงานที่อิสราเอล


การขอเงินภาษีคืนของแรงงานไทยที่เคยทำงานที่อิสราเอล

ตาม ที่แรงงานไทยที่เคยทำงานที่อิสราเอล ได้สอบถามเรื่องการขอคืนภาษีกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้แจ้งคำอธิบายเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ที่จะสามารถได้ รับเงินคืนภาษี และขั้นตอนการรับเงินภาษีคืนดังปรากฏ ตามเอกสารที่ต่อท้ายมาด้วยนี้

วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2554

เอกอัครราชทูต ณ กรุงอังการา ได้พบหารือกับนายมุสตาฟา จาฮิต คือรัช (Mr. Mustafa Cahit Kıraç) ผู้ว่าราชการอิซเมียร์


 
เอกอัครราชทูต ณ กรุงอังการา ได้พบหารือกับนายมุสตาฟา จาฮิต คือรัช (Mr. Mustafa Cahit Kıraç) ผู้ว่าราชการอิซเมียร์

เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2554 นายรัฐกิจ มานะทัต เอกอัครราชทูต ณ กรุงอังการา ได้พบหารือกับนายมุสตาฟา จาฮิต คือรัช (Mr. Mustafa Cahit Kıraç) ผู้ ว่าราชการอิซเมียร์ สาระสำคัญของการหารือประกอบด้วย (1) การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทยและตุรกีให้แนบแน่นยิ่งขึ้น ทั้งในระดับรัฐบาล – รัฐบาล และประชาชน – ประชาชน (2) การสมัครเป็นเจ้าภาพจัดงาน World Expo 2020 ของอยุธยา และอิซเมียร์ ซึ่งผู้ว่าราชการฯ ได้สอบถามความเห็นของเอกอัครราชทูตฯ เกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยเอกอัครราชทูตฯ ให้ความเห็นว่า การแข่งขันเป็นเรื่องที่ดี หากอยู่บนพื้นฐานของมิตรภาพและความยุติธรรม ซึ่งไม่ว่าอยุธยาหรืออิซเมียร์จะได้เป็นเจ้าภาพการจัด World Expo 2020 ก็ ตาม ตนก็ยินดี เพราะตุรกีเป็นมิตรที่ดีของไทย และ (3) การจัดงานสัปดาห์อาหารและวัฒนธรรมไทยของสถานเอกอัครราชทูตฯ ที่อิซเมียร์ โดยเอกอัครราชทูตฯ ได้เชิญผู้ว่าราชการฯ และภริยาเข้าร่วมพิธีเปิดงานดังกล่าวในคืนวันที่ 15 กันยายน ด้วย ทั้งนี้ ภายหลังการหารือ เอกอัครราชทูตฯ และผู้ว่าราชการฯ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวร่วมกันด้วย

ต่อมาในวันที่ 16 กันยายน 2554 เอกอัครราชทูตฯ ได้พบหารือกับนายจัค เอสคินาซิ (Mr. Jak Eskinazi) รอง ประธานหอการค้าอิซเมียร์ เกี่ยวกับแนวทางในการส่งเสริมอาหารไทยในตุรกี และการส่งเสริมการค้าระหว่างไทย – ตุรกี ซึ่งเอกอัครราชทูตฯ ประสงค์ให้มูลค่าการค้าระหว่างไทย – ตุรกี เพิ่มจาก 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในระยะเวลา 2 ปี ซึ่งนายจัคฯ ได้ให้ความเห็นว่า การส่งเสริมอาหารไทย รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ให้คนตุรกีรู้จักประเทศไทยมากขึ้น โดยการจัดเทศกาลอาหารและวัฒนธรรมไทยตามที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ดำเนินการอยู่นั้น เป็นวิธีการที่ถูกต้องแล้ว สำหรับการส่งเสริมการค้าระหว่างกัน ควรดำเนินการผ่านการแลกเปลี่ยนการเยือนของคณะนักธุรกิจ ซึ่งเอกอัครราชทูตฯ ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า โดยที่ตุรกีและไทยยังรู้จักกันไม่มากนัก จึงควรจะต้องผลักดันให้มีการเยือนในระดับผู้นำ โดยมีนักธุรกิจร่วมคณะไปด้วย เพื่อเป็นการสร้างกระแสให้ทั้ง 2 ประเทศหันมาให้ความสนใจและให้ความสำคัญกันมากขึ้น

            อิซเมียร์เป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 3 ของตุรกี มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นเมืองท่าที่สำคัญของตุรกีและเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญเมือง หนึ่งของตุรกีด้วย เนื่องจากมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญและมีชื่อเสียง อาทิ แบร์กามา เอเฟซุส และบ้านพระแม่มารี รวมทั้งยังมีท่าอากาศยาน โรงแรม และระบบ   การคมนาคมขนส่งที่สะดวก

สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองกัลกัตตาได้จัดงานเลี้ยงเพื่อเปิดตัวและแนะนำเว็บเพจศูนย์ข้อมูลธุรกิจในเว็บไซต์ของสถานกงสุลใหญ่





สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองกัลกัตตาได้จัดงานเลี้ยงเพื่อเปิดตัวและแนะนำเว็บเพจศูนย์ข้อมูลธุรกิจในเว็บไซต์ของสถานกงสุลใหญ่


       เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2554 ที่โรงแรมปาร์คกลางเมืองกัลกัตตา สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองกัลกัตตาได้จัดงานเลี้ยงเพื่อเปิดตัวและแนะนำเว็บ เพจศูนย์ข้อมูลธุรกิจในเว็บไซต์ของ สกญ.ฯ โดยมีนักธุรกิจอินเดียสนใจเข้าร่วมงานจำนวนมาก ประกอบด้วยผู้แทนหอการค้าต่างๆ นักธุรกิจสาขาต่างๆ ในเมืองกัลกัตตาและใกล้เคียง คณะกงสุลต่างประเทศ กงสุลกิตติมศักดิ์ซึ่งเป็นนักธุรกิจสำคัญๆ ผู้จัดการทั่วไปบริษัทการบินไทยเมืองกัลกัตตา ผู้บริหารบริษัทอิตาเลียนไทย นักเรียนไทยบางส่วน และสื่อมวลชน  

       ในการกล่าวเปิดงาน กงสุลใหญ่ประสิทธิเดช  วิ ชิตสรสาตรได้กล่าวถึงความเป็นมาของดำริที่จัดทำโครงการนี้ขึ้นก็เพื่อจัด สร้างแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจ ธุรกิจการค้าการลงทุนของรัฐและดินแดนต่างๆ ในภาคตะวันออกซึ่งอยู่ในเเขตกงสุลของ สกญ.ฯ ประกอบด้วย 5 รัฐและหนึ่งดินแดนสหภาพฯ สำหรับนักธุรกิจไทยและผู้สนใจทั่วไปของไทยจะได้สามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ประกอบการพิจารณาในการดำเนินธุรกิจในพื้นที่ อินเดียตะวันออก ในขณะเดียวกันก็ได้จัดสร้างแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับเศรษฐกิจและธุรกิจของไทยให้ นักธุรกิจอินเดียในภาคตะวันออกสามารถเข้าถึงและประกอบการพิจารณาดำเนิน ธุรกิจกับฝ่ายไทย

       จึง ได้มอบหมายให้นายสุขุม สมประสงค์ รองกงสุลใหญ่ (ท้องถิ่น) ช่วยดำเนินโครงการดังกล่าว นอกจากนั้น ในเว็บไซต์ของ สกญ.ฯ และเว็บเพจศูนย์ข้อมูลธุรกิจยังมีการเชื่อมโยงไปสู่เว็บไซต์ที่เป็นประโยชน์ ทั้งของไทยและอินเดีย โดยเฉพาะเว็บไซต์ www.thaiindia.net ของ สอท. ณ กรุงนิวเดลี อีกด้วย อย่างไรก็ตาม โครงการนี้เป็นเพียงการเริ่มต้น ซึ่งต้องการการพัฒนาปรับปรุงอีกมาก และหวังว่าจะได้รับความเห็นต่างๆ จากผู้ร่วมงานและผู้สนใจอื่นๆ ต่อไป

       หลังจากนั้น นายสุขุมฯ ได้สาธิตการเข้าถึงเว็บไซต์ของ สกญ.ฯ และเว็บเพจดังกล่าว และกล่าวว่าเว็บไซต์ของ สกญ.ฯ www.thaiembassy.org/kolkata  ได้รับความร่วมมือในการจัดทำโครงสร้างโดยกระทรวงการต่างประเทศของไทย ซึ่งภายในประกอบด้วยเว็บเพจ ศูนย์ข้อมูลธุรกิจ – Business Information Center” อัน ประกอบด้วยฐานข้อมูลของรัฐและดินแดนต่างๆ ของภาคตะวันออกของอินเดีย และข้อมูลของฝ่ายไทย และได้คลิกข้อมูลต่างๆ เป็นตัวอย่างให้ผู้ร่วมงานได้รับชม

       ต่อจากนั้นพิธีกรได้เชิญนางอัคนีมิตรา (Agnimitra) Fashion Designer ผู้ มีชื่อเสียงในกัลกัตตาและมีความสนใจต่อการดำเนินธุรกิจด้านแฟชั่นกับไทย โดยเฉพาะผ้าไหมไทย ขึ้นกล่าวแสดงความเห็นบางประการ ซึ่งนางอัคนีมิตราได้กล่าวชื่นชมงานเปิดตัวเว็บเพจครั้งนี้ของ สกญ.ฯ และเห็นว่าผ้าไหมไทยมีศักยภาพในตลาดอินเดียและประสงค์จะเห็นแพร่หลายยิ่ง ขึ้น นอกจากนั้น ยังกล่าวถึงสถานที่ท่องเที่ยวของไทยและอาหารไทยว่าเป็นจุดเด่นสำคัญของ ประเทศไทยอย่างยิ่ง และในเว็บไซต์ของ สกญฯ จึงอาจให้ข้อมูลด้านดังกล่าวต่อผู้สนใจได้มาก

       อนึ่ง ในงาน สกญฯ ได้ฉายวิดิทัศน์เกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ของโครงการศิลปาชีพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถด้วย

       ทั้งนี้  สกญฯ จัดให้มีการเลี้ยงค็อกเทลและอาหารค่ำ ซึ่งเป็นเมนูอาหารไทยต่างๆ แก่แขกผู้มาร่วมงาน ซึ่งแสดงความชื่นชมต่ออาหารไทยอย่างมาก              

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโรเปิดงาน อัล มาฮับบา 1432





สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโรเปิดงาน อัล มาฮับบา 1432 
เมื่อ วันที่ 8 กันยายน 2554  นายชลิต มานิตยกุล เอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร ได้เป็นประธานในพิธีเปิดงาน Al Mahabba Awards 1432 : รางวัลแห่งความรัก ณ หอประชุมซอลิฮ์ กามิล  มหา วิทยาลัยอัซฮัรกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ งานดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความรู้ทางวิชาการด้านศาสนาอิสลาม แก่สมาชิกสมาคมนักเรียนไทยในกรุงไคโร ในพระบรมราชูปภัมภ์  นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตฯ ยังได้มอบประกาศนียบัตรแก่นักศึกษาที่มีผลการเรียนดีเด่นประจำปี 2553 – 2554 ในงานดังกล่าวด้วย

สถาน เอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก ได้ดำเนินโครงการประสานผลประโยชน์และขยายโอกาสให้แก่กีฬามวยไทยในอุซเบ กิสถาน







สถาน เอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก ได้ดำเนินโครงการประสานผลประโยชน์และขยายโอกาสให้แก่กีฬามวยไทยในอุซเบ กิสถาน
สถาน เอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก ได้ดำเนินโครงการประสานผลประโยชน์และขยายโอกาสให้แก่กีฬามวยไทยในอุซเบ กิสถาน โดยได้มอบหมายให้นางสาวภาสพร สังฆสุบรรณ์ อัครราชทูต และนางสาวอรทัย ภูบุญลาภ เลขานุการเอก นำคณะนักมวยไทย จำนวน 2 คน คือ นายเกษม เจะสนิ และนายสุนันต์ โต๊ะเส็น เดินทางเยือนอุซเบกิสถาน ระหว่างวันที่ 19-23 กันยายน 2554 เพื่อดำเนินโครงการดังกล่าวข้างต้น

ในโอกาสดังกล่าว นักมวยไทยทั้ง 2 คน ได้ร่วมเผยแพร่ศิลปะแม่ไม้มวยไทยในโอกาสต่างๆ ดังนี้

1. ในพิธีเปิดการแข่งขันชกมวยไทยชิงแชมป์โลก World Muaythai Championship เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2554 ณ  Uzbekistan Sports Complex โดยนักมวยไทยทั้ง 2 คน ได้ร่วมแสดงมวยไทยโบราณและศิลปะแม่ไม้มวยไทยในการแสดงชุดสุดท้ายของพิธีเปิด ซึ่งเป็น highlight ของงานฯ มีผู้ชมประมาณ 3,000 คน และมีการถ่ายทอดสดพิธีเปิดการแข่งขันทางสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐของอุซเบกิสถาน และสถานีโทรทัศน์ MIR ซึ่งเป็นสถานีฯ ที่เสนอข่าวสารและรายการต่างๆ ในกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช

2. ในการแข่งขันชกมวยไทยชิงแชมป์โลก World Muaythai Championship เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2554 ณ  Uzbekistan Sports Complex มีผู้ชมประมาณ 1,500 คน โดยนักมวยไทยทั้ง 2 คน ได้แสดงรำไหว้ครูและการต่อสู้ด้วยท่าทางต่างๆ ตามแบบอย่างแม่ไม้มวยไทย

3.  ในระหว่างการเยี่ยมชมค่ายมวยไทย HOTAM ของ ชาวอุซเบกิสถาน เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2554 โดยนักมวยไทยทั้ง 2 คน ได้แสดงสาธิตท่ามวยไทยและเทคนิคการต่อสู้แบบไทยให้เยาวชนอุซเบกิสถานได้ชม และมีการฝึกฝนร่วมกัน

การ ดำเนินโครงการประสานผลประโยชน์และขยายโอกาสให้แก่กีฬามวยไทยในอุซเบกิสถาน นับว่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง และตอบสนองต่อนโยบายของชาติในการนำมวยไทยเพื่อการส่งเสริมรายได้ให้แก่ ประเทศ เป็นการเผยแพร่มวยไทย อันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในอุซเบกิสถาน รวมทั้งยังเป็นการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ประเทศไทยและศิลปวัฒนธรรมไทยได้ เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังสามารถทำให้ชาวอุซเบกิสถานรักและนิยมในกีฬามวยไทยเพิ่มมากยิ่งขึ้น และยังส่งผลต่อการชื่มชมในวัฒนธรรมไทยและประเทศไทยด้วย นำไปสู่การเพิ่มจำนวน Friends of Thailand ในประเทศอุซเบกิสถาน

สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ จัดรโครงการกงสุลสัญจร ประจำปีงบประมาณ 2554




สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ จัดรโครงการกงสุลสัญจร ประจำปีงบประมาณ 2554

            เมื่อวันที่ 22 24 กันยายน 2554  กงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ พร้อมข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ได้ดำเนินการโครงการกงสุลสัญจร ประจำปีงบประมาณ 2554  โดยเดินทางไปเยี่ยมพนักงานนวดสปา ประจำโรงแรม Banyan Tree รัฐราส อัลไคมาห์  แรงงานบริษัท Lima Heavy Industries, บริษัท Belleri และบริษัท China Habour  รัฐฟูไจราห์ 

            ในโอกาสนั้น ได้มอบอาหารแห้ง เครื่องดื่ม และสิ่งของจำเป็น ให้กับพนักงานและแรงงานไทยทุกแห่ง  โดย กงสุลใหญ่ฯ ได้แจ้งให้แรงงานทราบถึงวัตถุประสงค์ของการดำเนินโครงการฯ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ ได้จัดสรรงบประมาณส่วนหนึ่งในการจัดหาอาหารและสิ่งของ เพื่อมอบเป็นขวัญและกำลังใจ ตลอดจนความห่วงใยที่หน่วยราชการของไทยมีให้กับแรงงานที่เดินทางไปทำงานใน ต่างประเทศ  ทั้งนี้ แรงงานทั้งหมดได้แสดงความขอบคุณต่อกระทรวงการต่างประเทศและสถานกงสุลใหญ่ฯ ที่ได้เดินทางไปพบปะเยี่ยมเยียนในครั้งนี้

วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2554

งาน ASEAN Family Day ที่สาธารณรัฐเช็ก







งาน ASEAN Family Day ที่สาธารณรัฐเช็ก



       เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2554  สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปราก ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตประเทศสมาชิกอาเซียนในสาธารณรัฐเช็ก ได้จัดงาน ASEAN Family Day ณ ที่ทำการสถานเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียฯ โดยมีเอกอัครราชทูต เจ้าหน้าที่การทูตพร้อมครอบครัว รวมทั้งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นฯ เข้าร่วมงาน ประมาณ 150 คน

       ภาย ในงานนอกจากสถานเอกอัครราชทูตอาเซียนฯ ได้นำอาหารประจำชาติมารับประทานอาหารร่วมกันแล้ว ยังมีกิจกรรมเพื่อความบันเทิงต่าง ๆ อาทิ การแข่งขันประกวดร้องเพลง Karaoke การเล่นเกมชักกะเย่อ และการเล่นเกมของเด็ก ฯลฯ โดยผู้ชนะการแข่งขันในแต่ละประเภทจะได้รับของรางวัลจากเอกอัครราชทูตฯ

       ทั้งนี้ การจัดงาน ASEAN Family Day ใน ปีนี้ นับเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันที่สถานเอกอัครราชทูตประเทศอาเซียนได้จัดขึ้น โดยสถานเอกอัครราชทูตฯ จะหมุนเวียนการเป็นเจ้าภาพจัดงานในแต่ละปี โดยวัตถุประสงค์ของการจัดงานฯ เพื่อส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่การทูตและครอบครัว พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นฯ ได้มีโอกาสพบปะสังสรรค์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสร้างความคุ้นเคยระหว่างกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการประสานงานและสร้างความร่วมมือในทุกระดับในการผลัก ดันผลประโยชน์ของประเทศอาเซียนกับรัฐบาลเช็กต่อไป


สอท. ณ กรุงบราซิเลียจัดงาน ASEAN Bazaar 2011










สอท. ณ กรุงบราซิเลียจัดงาน ASEAN Bazaar 2011


            เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2554 สอท. ณ กรุงบราซิเลีย ได้ร่วมกับ สอท.อาเซียนประจำบราซิล อื่น ๆ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย พม่า และฟิลิปปินส์  จัดงาน ASEAN Bazaar 2011  เพื่อ ฉลองการครบรอบ 44 ปี ของอาเซียน ที่สถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย กรุงบราซิเลีย ภายในงานมีการจัดแสดงสินค้าหัตถกรรม และอาหารประจำชาติของประเทศอาเซียน นอกจากนี้ สอท. อา เซียน ได้จัดแสดงนิทรรศการ โดยการนำสินค้าประเภทหัตถกรรม สิ่งทอ และเอกสารเผยแพร่การท่องเที่ยว เพื่อประชาสัมพันธ์ประเทศสมาชิกอาเซียน ทั้งนี้ มีผู้มาร่วมงานประมาณ 1,000 คน   

            กิจกรรมภายในงานที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงาน ได้แก่ การสาธิตมวยไทยโดยสมาคมมวยไทยประจำบราซิล การแสดงศิลปะการต่อสู้ของฟิลิปปินส์ และการแสดงชุดแต่งกายประจำชาติ

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ จัดงานเสวนาธุรกิจเรื่อง “กฎหมายแรงงานที่ควรทราบ”








สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ จัดงานเสวนาธุรกิจเรื่อง “กฎหมายแรงงานที่ควรทราบ” 


            เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2554 เวลา 15.00 น. สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ร่วมกับสมาคมธุรกิจไทยในกัมพูชา จัดงานเสวนาธุรกิจเรื่อง กฎหมายแรงงานที่ควรทราบ ณ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ โดยได้รับเกียรติจากนายสมปอง สงวนบรรพ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ เป็นประธานกล่าวเปิดการเสวนา และมี น.ส. Chhiv Phyrum ผู้ทรงคุณวุฒิจากบริษัทที่ปรึกษากฎหมาย L&M Law Office และนาย Van Sou Ieng ผู้ทรงคุณวุฒิจากสมาพันธ์สมาคมนายจ้างและธุรกิจแห่งกัมพูชา (Cambodian Federation of Employers and Business Associations: CAMFEBA) เป็นวิทยากรบรรยาย

            การเสวนาครั้งนี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่สถานเอกอัครราชทูตฯ และสมาคมธุรกิจไทยในกัมพูชาจัดขึ้นทุกปีเพื่อให้ความรู้และข้อปฏิบัติที่จำ เป็นต่อการดำเนินธุรกิจในกัมพูชา ตลอดจนเป็นเวทีแลกเปลี่ยน ประสบการณ์ ข้อคิดเห็น และข้อมูลเกี่ยวกับโอกาสและปัญหาอุปสรรคต่างๆ ในการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนไทย โดยในการเสวนาครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 60 คน จากหลายหลายสาขาธุรกิจ

            ในการเสวนา วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิได้บรรยายสรุปเกี่ยวกับกฎหมายแรงงานของกัมพูชาที่ควร ทราบทั้งในฐานะผู้ประกอบการและลูกจ้าง ได้แก่ สิทธิที่ลูกจ้างพึงได้รวมทั้งการคุ้มครองสิทธิตามกฎหมาย กระบวนการระงับข้อพิพาท การยกเลิกสัญญาจ้างในกรณีต่างๆ ตลอดจนสถานการณ์ด้านแรงงานและตลาดงานในกัมพูชา ซึ่งผู้เข้าร่วมรับฟังจักได้นำไปปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจในกัมพูชาต่อไป

วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2554

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอังการา จัดกิจกรรมเผยแพร่วัฒนธรรมไทย




สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอังการา จัดกิจกรรมเผยแพร่วัฒนธรรมไทย

            เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2554 เอกอัครราชทูต ณ กรุงอังการา และภริยา พร้อมด้วยข้าราชการสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ร่วมกับโรงแรม Mövenpick Izmir จัดกิจกรรมเผยแพร่วัฒนธรรมไทยแก่เยาวชนตุรกีผู้เข้าร่วมโครงการ Kid Senator ของเทศบาลเมืองอิซเมียร์ จำนวน 30 คน โดยจัดการแสดงนาฏศิลป์ 4 ชุด ประกอบด้วย เซิ้งกะลา รำกลองยาว หุ่นละครเล็ก และรำวง
            เยาวชน ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีส่วนร่วมในกิจกรรมอย่างสนุกสนาน โดยคณะนาฏศิลป์จากสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ได้สาธิตการเซิ้งกะลาและการรำวงให้ เยาวชนผู้เข้าร่วมกิจกรรม รวมทั้งแต่งชุดไทยให้แก่เยาวชนผู้สนใจด้วย

เอกอัครราชทูต ณ กรุงกาญมาณฑุ เปิดการประชุม Peace, Environment and Tourism Conference 2011 ณ เมืองโภครา





เอกอัครราชทูต ณ กรุงกาญมาณฑุ เปิดการประชุม Peace, Environment and Tourism Conference 2011 ณ เมืองโภครา 
 
            เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2554 นายมาริษ  เสงี่ยมพงษ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงกาญมาณฑุ ได้รับเชิญไปกล่าวในพิธีเปิดการประชุม Peace, Environment and Tourism Conference 2011 ณ เมืองโภครา จัดโดย the Global Peace Association ร่วมกับ Himalayan Alliance for Climate Change โดยมีรองประธานาธิบดีเนปาลเป็น chief guest และ chair-person ด้วย ทั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงกันระหว่าง สันติภาพ สิ่งแวดล้อม และการท่องเที่ยว และเพื่อเป็นโอกาสให้บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชน และนักวิชาการได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น สำหรับการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน