วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เตือนแรงงานไทยที่ต้องการไปทำงานที่ประเทศยูเครน


ในช่วงปีที่ผ่านมา

สถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองภายในประเทศยูเครนที่มีการแบ่งแยกดินแดนทางตะวันออกของประเทศโดยกลุ่มนิยมรัสเซีย  ส่งผลให้สภาวะเศรษฐกิจของยูเครนได้หดตัวลงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเกิดพลพวงจากสถานการณ์ความวุ่นวายต่างๆที่เกิดขึ้นภายในประเทศยูเครนมากมาย ทำให้มีประชาชนได้รับผลกระทบและเดือนร้อนเป็นจำนวนมาก และจากสถานการณ์ดังกล่าวนั้นทำให้แรงงานงานไทยที่ทำงานอยู่ในประเทศยูเครนได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก กล่าวคือ แรงงานไทยหลายๆคนประสบปัญหานายจ้างค้างจ่ายเงินเดือนและจ่ายล้าช้ากว่ากำหนด โดยบางบริษัทได้ค้างจ่ายเงินเดือนพนักงานมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2557 เหตุเพราะว่านายจ้างนั้นไม่สามารถแลกเงินจากสกุลเงินฮริฟเนียยูเครน ซึ่งท้องถิ่นของยูเครนมาเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐได้เพียงพอเพราะการจำกัดการแลกเงินตราต่างประเทศของธนาคารยูเครน ทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินเดือนได้ตามกำหนดแก่พนักงาน นั่นทำให้บางบริษัทนั้นไม่ยอมจ่ายค่าจ้างเป็นดอลลาร์สหรัฐ แต่ได้จ่ายเป็นสกุลฮริฟเนียยูเครนที่มีอัตราการแลกเปลี่ยนที่ต่ำมาก  อีกทั้งยังไม่สามารถแลกเงินไปดอลลาร์สหรัฐได้ในธนาคารทั่วไป ทำให้ต้องไปแลกเงินในตลาดมืด ซึ่งมีอัตราแลกเปลี่ยนที่ทำให้ขาดทุนมาก จึงส่งเงินกลับประเทศไทยได้น้อยลงและยังได้รับความลำบากในการส่งเงินกลับประเทศไทยอีกด้วย

ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้นนั้น ทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโกและสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงเคียฟได้พยายามที่จะช่วยแก้ปัญหาของแรงงานไทยที่ได้รับความลำบากอย่างต่อเนื่อง ทั้งการติดตามสถานการณ์ในยูเครน ประสานงานกับคนไทยในยูเครนในเมืองต่างๆเป็นระยะ การเจรจากับบริษัทนายจ้างให้เร่งจ่ายค่าจ้างแรงงานเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐอย่างเร่งด่วนเพื่อช่วยบรรเทาทุกข์ของแรงงานไทยในยูเครน อีกทั้งยังคอยจับตาดูนายจ้างบริษัทต่างๆอย่างใกล้ชิด ว่าหากไม่ทำตามสัญญาที่ทำไว้กับลูกจ้างที่เป็นแรงงานไทยก็อาจจะไม่รับรองสัญญาจ้างงานให้กับบริษัทเหล่านั้นด้วย และสำหรับแรงงานไทยที่ต้องการไปทำงานที่ประเทศยูเครนนั้นสามารถเดินทางไปทำงานในประเทศยูเครนได้ แต่จะต้องส่งสำเนาบัตรประชาชนที่เขียนกำกับว่า ตนทราบความเสี่ยงและยืนยันที่จะไปทำงานที่ประเทศยูเครน แนบไปกับสัญญาจ้างงานเพื่อเป็นการยืนยันความต้องการของตน นอกจากนี้ ก่อนที่จะเดินทางไปทำงานก็ควรที่จะตรวจสอบข้อมูลสัญญาจ้างของบริษัทที่ตนต้องการที่จะไปทำงานด้วยว่าคุ้มค่ากับการไปหรือไม่ เช่น การมีหนังสือรับรองความปลอดภัย หรือความรับผิดชอบในการอพยพแรงงานไทยกลับประเทศไทยโดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการส่งตัวแรงงานไทยกลับหากสถานการณ์มีความรุนแรงมากขึ้น  เป็นต้น โดยกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงแรงงานแนะนำให้แรงงานชะลอการเดินทางไปทำงานในประเทศยูเครน ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของตัวแรงงานเองด้วย



สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโกและสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงเคียฟ 
http://en.thaiembassymoscow.com/

นายกิตติศักดิ์ ปุ้ยฮะ
กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052

ห้ามนำเงินตราต่างประเทศออกนอกประเทศปากีสถานเกินกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ



       การทำความเข้าใจเกี่ยวกับด้านกฎหมายในแต่ละประเทศที่ตนจะเดินทางไปเที่ยว ทำงานหรือแม้กระทั่งผ่านในขณะรอการเปลี่ยนเครื่องที่ท่าอากาศยานในต่างประเทศนั้น เราควรใส่ใจในเรื่องของข้อมูลเบื้องต้นให้ดีๆก่อนจะไป เพราะมีหลายกรณีที่คนไทยถูกจับในต่างประเทศเพราะเกิดจากความไม่รู้นั้นเอง เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2557 นางบี (นามสมมุติ) ได้ถูกนำตัวขึ้นศาลชั้นต้น ที่เมืองราวัลปินดี ประเทศปากีสถานและศาลได้ส่งตัวนางบีไปคุมขังที่เรือนจำ Adiala ในเมืองเดียวกัน 

        โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอิสลามาบัด ได้จัดหาทนายความเพื่อยื่นขอประกันตัว โดยเหตุที่นางบีถูกจับนั้นเกิดจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำท่าอากาศยาน Benazir Bhutto International Airport เมืองราวัลปินดี ได้ตรวจพบว่านางบีได้นำเงินจำนวน 26,362 ดอลลาร์สหรัฐ 100 ปอนด์ 20 ยูโร และ6,480 บาท ออกนอกประเทศ  ซึ่งถือว่านางบีได้นำเงินตราต่างประเทศออกนอกประเทศปากีสถานเกินกว่าจำนวน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐตามที่กฎหมายปากีสถานกำหนดไว้ 
         จากกรณีข้างต้น กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล ขอเตือนนักท่องเที่ยวชาวไทยหรือผู้ที่จะไปทำงานในประเทศปากีสถาน ห้ามนำเงินตราต่างประเทศออกนอกประเทศปากีสถานเกินกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ มิเช่นนั้นจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย


สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอิสลามาบัด
http://www.thaiembassy.org/islamabad/

กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052