วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เครือข่ายหญิงไทยเพชรบูรณ์... ระวังภัยยาเสพติดข้ามชาติ




เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๖  ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ  กรมการกงสุล ได้รับเชิญจากคุณสายวรุณ ศรีจินดาหัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดเพชรบูรณ์ ในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  ให้เข้าร่วมการเสวนาเพื่ออบรมให้ความรู้กับเครือข่ายภาคประชาชนของจังหวัด  ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสตรีแม่บ้านจากหลากหลายอาชีพ จำนวนกว่า  ๓๐๐  คน สาระของการพูดคุยก็เน้นเรื่องการเดินทางไปต่างประเทศอย่างปลอดภัยและเฝ้าระวังการถูกหลอกลวงในรูปแบบต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในต่างแดน
ที่จริงเมืองมะขามหวานเพชรบูรณ์ไม่ได้มีปัญหาในพื้นที่มากสักเท่าไหร่ออกจะเป็นบ้านเมืองที่น่าอยู่ด้วยความเงียบสงบและมีสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่ร่มรื่น  จากข้อมูลของจัดหางานจังหวัดระบุว่าในช่วงปีที่ผ่านมามีชาวเพชรบูรณ์เดินทางออกไปทำงานในต่างประเทศเพียงแค่  ๔๐๐  คนเท่านั้น  ไม่ได้เกิดปัญหาคนงานตกทุกข์ได้ยากมากมายเหมือนผู้คนในชนบททางภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งส่วนใหญ่มีค่านิยมเดินทางไปทำงานต่างแดนกันอย่างคึกคักเป็นเรือนหมื่นเรือนแสน
แม้จะยังไม่เกิดปัญหาหนักในพื้นที่ก็ตาม  แต่ความที่เมืองเพชรบูรณ์เริ่มมีคนต่างชาติเดินทางเข้ามาพำนักอาศัย  เป็นเขยฝรั่งมาแต่งงานกับสาวไทยบ้าง  นักธุรกิจบ้างหรือกระทั่งนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในจังหวัดมากขึ้น  กรมการกงสุลจึงได้ฝากข้อคิดเตือนสติให้กลุ่มเครือข่ายสตรีที่นั่นช่วยกันเฝ้าระวังภัยเกี่ยวกับยาเสพติด  เพราะว่าปัจจุบันตัวเลขคนไทยที่ถูกจับกุมฐานเดินทางไปขนยาเสพติดในต่างประเทศมีจำนวนเพิ่มขึ้นเกือบ  ๕๐๐  รายแล้ว  เหยื่อส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นสตรีในวัยสาวที่คบหาและมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหนุ่มชาวต่างชาติแรกๆ ที่คบหากันก็มีความสุขดีกับทรัพย์สินเงินทองที่มิจฉาชีพเหล่านี้ปรนเปรอให้อย่างไม่อั้นเพื่อให้ตายใจ  บางคนอยู่กินกับคนต่างชาติจนตั้งครรภ์หลังจากนั้นจึงถูกใช้ให้เดินทางไปรับยาเสพติดจากทวีปอเมริกาใต้เพื่อหาทางขนเข้ามายังประเทศไทย   หญิงไทยจึงเคราะห์ร้ายถูกจับอยู่ในประเทศต่างๆ  อาทิ บราซิล อาร์เจนตินา  เปรู  ตุรกี อินเดีย มาเลเซีย จีน กัมพูชา ฯลฯ อย่างไม่หยุดหย่อน ภัยจากยาเสพติดต้องถือว่าเป็นอันตรายใกล้ตัวที่ร้ายแรงที่สุดในชีวิตของลูกผู้หญิงบ้านเราก็ว่าได้



การสร้างเครือข่ายหญิงไทยที่เข้มแข็งในชุมชนแบบที่ทำอยู่ในจังหวัดเพชรบูรณ์จึงเป็นเรื่องน่าชื่นชม  และถือเป็นกิจกรรมสำคัญที่ต้องได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากภาครัฐ   เมื่อตั้งเป็นองค์กรสตรีขึ้นมาได้แล้วก็ทำกิจกรรมกันให้ต่อเนื่องเพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้จะได้เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับชุมชน  ทั้งเฝ้าระวังปัญหาและประสานงานกับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง  ... อย่าให้พวกโจรมันเข้ามาหลอกลวงชาวบ้านได้ง่ายๆ





.....................................
กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052

วันพุธที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สถานทูตไทย ณ กรุงโรม ประเทศอิตาลี เปิดให้บริการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนแก่บุคคลสัญชาติไทย



    สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโรม เปิดให้บริการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนแก่บุคคลสัญชาติไทย ผู้ที่มีถิ่นพำนักในสาธารณรัฐอิตาลี ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2556 เป็นต้นไป ตามนโยบายการทูตเพื่อประชาชน และความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงมหาดไทย


    โดยเปิดให้บริการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่บุคคลสัญชาติไทยผู้มีถิ่นพำนักในสาธารณรัฐอิตาลี ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2556 เป็นต้นไป ในวันและเวลาทำการของฝ่ายกงสุล คือวันจันทร์ถึงศุกร์ ยกเว้นวันหยุดราชการ ระหว่างเวลา 09.30 น. - 12.30 น. ดังรายละเอียดในประกาศต่อไปนี้
 


นายสุรพิทย์ กีรติบุตร เอกอัครราชทูต ณ กรุงโรม ถ่ายรูปร่วมกับผู้มาขอรับบริการจัดทำบัตรประชาชนที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ในวันแรก (16 ต.ค. 56) โดยมีเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทย 
ข้าราชการสถานเอกอัครราชทูตฯ เป็นสักขีพยาน 

สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโรม ประเทศอิตาลี
http://www.thaiembassy.it/
กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052

วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ตำรวจบาห์เรนเหนื่อย...ปราบแม่เล้าไทยไม่ไหว



ไม่อยากเปิดโปงเรื่องราวเหล่านี้เลยเพราะมีแต่จะทำให้รู้สึกสลดหดหู่ใจกับปัญหาสังคมที่กำลังระอุอยู่ทั้งในบ้านเราและในต่างประเทศ  แต่ความที่มีหญิงไทยจำนวนไม่น้อยพากันเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปทำงานขายบริการถึงในประเทศบาห์เรนอย่างไม่หยุดหย่อนก่อเรื่องอื้อฉาวเป็นข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์อยู่เนือง ๆ  ... ถูกบังคับให้ขายตัวบ้าง ... ถูกกระทำทารุณกรรมบ้าง ... ว่ากันไปถึงขั้นตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ก็มี ... เกิดเรื่องแต่ละครั้งก็วุ่นวายกันไปหมด  ทั้งกงสุลของสถานทูตไทยและเจ้าหน้าที่ตำรวจบาห์เรนต้องประสานงานเพื่อหาทางช่วยคุณเธอเหล่านี้อย่างจ้าละหวั่น วันนี้จึงต้องพูดความจริงกันบ้าง
เมื่อไม่นานมานี้สถานทูตไทย ณ กรุงมานามา ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปเยี่ยมคนไทยที่ถูกจับกุมคุมในเรือนจำสองแห่งของบาห์เรนสิ่งที่ได้พบทำให้ตกใจไม่น้อยเนื่องจากในปัจจุบัน มีคนไทยกำลังตกอยู่ในสภาพนักโทษถูกจองจำในประเทศเล็กๆ แห่งนี้มากมายถึง  ๒๕  ราย เป็นผู้ชายเพียงคนเดียว นอกนั้นล้วนแต่เป็นหญิงในวัยสาวเต็มตัวทั้งสิ้น  บางคนหน้าตาดี  มีการศึกษา และไม่ได้ดูโง่ถึงขนาดที่จะถูกใครหลอกลวงได้ง่ายนัก สตรีกลุ่มนี้มีพฤติกรรมละเมิดกฏหมายในลักษณะเดียวกันคือลักลอบค้าประเวณีในสถานประกอบการต่างๆ อาทิ  โรงแรม  โรงนวด  ตึกแถว  และอพาร์ตเมนต์ส่วนตัว  เรียกว่าสามารถประกอบกิจได้ทุกแห่งไม่ว่าจะเป็นสถานที่หรูหราหรือทรุดโทรม
ที่น่าตกใจที่สุดก็คือ  เริ่มมีเด็กสาวอายุเพียงยี่สิบต้นๆ  ริอาจทำตัวเป็นแม่แท็ก  คำนี้เป็นศัพท์เฉพาะที่แพร่หลายในหมู่หญิงไทยกลุ่มนี้ซึ่งเข้าใจดีว่าหมายถึง  แม่เล้า  นั่นเอง หน้าที่หลักของแม่แท็กคือ ชักชวน  หว่านล้อม จัดหา และล่อลวงหญิงไทยด้วยกันให้ไปที่บาห์เรน   มีการร่วมมือกับผู้ประกอบการเลวๆ  ทำกันเป็นกระบวนการเย้ยกฏหมายและไม่หวั่นเกรงต่อศีลธรรมคนเหล่านี้คิดอยู่อย่างเดียวว่าจะทำอย่างไรให้ได้เงินมามากที่สุด   ไม่เคยสนใจว่าชื่อเสียงและเกียรติภูมิของหญิงไทยในต่างแดนจะกระเทือนเสื่อมเสียอย่างไร  ... พฤติกรรมอย่างนี้ไม่ได้ต่างจากการค้ามนุษย์และนำคนไปเป็นทาสเลย.. น่ารังเกียจ   ไร้สำนึก และควรถูกประณามที่สุด   ... 
(มีต่อแน่ ...  ยังไม่จบง่าย)


                                                                                ........................................

สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงมานามา
ประเทศบาร์เรน
www.thaiembassy.org/manama/
กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052

วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556

การดำเนินการช่วยเหลือคนไทยกรณีเครื่องบินสายการบินลาวตกที่เมืองปากเซ แขวงจำปาสัก เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2556

                  กรมการกงสุลได้จัดตั้งศูนย์ประสานงานเพื่อช่วยเหลือคนไทย กรณีเครื่องบินสายการบินลาว เที่ยวบินที่ QV301 ตกที่เมืองปากเซ แขวงจำปาสัก เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2556 เวลา 16.00 น. ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวมีคนไทยเสียชีวิตจำนวน 5 ราย
                  ศุนย์ประสานงานฯ มีทีตั้งอยู่ ณ กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ หมายเลขโทรศัพท์ 02 575 1047 - 51 โทรสาร 02 575 1052 ทั้งนี้ศูนย์ดังกล่าวจะปฏิิบัติหน้าที่ช่วยเหลือและประสานงานให้กับญาติของผู้ประสบเหตุทุกวัน (ระหว่างเวลา 8.00 - 24.00 น.) จนกว่าการดำเนินการช่วยเหลือจะแล้วเสร็จ

กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ  กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
17 ตุลาคม 2556

วันพุธที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556

แผ่นดินไหวที่ฟิลิปปินส์...คนไทยปลอดภัยดี




จากเหตุแผ่นดินไหว 7.1 ริกเตอร์ ในประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2556 ส่งผลให้มีคนตาย 77 คน เนื่องจากอาคารและดินถล่มที่เกาะ โบฮอล และ 16 คนเนื่องจากอาคารขายปลาและสนามกีฬาถล่ม ที่เกาะเซบู นอกจากนั้นยังพบรอยร้าวและอาคารทรุดพังอีกหลายแห่ง ซึ่งยังถือว่าเป็นโชคดีที่จำนวนไม่ได้เยอะมาก เพราะเป็นวันหยุดราชการของฟิลิปปินส์พอดี



ในรายงานของสถานทูตไทยที่กรุงมะนิลา ไม่มีคนไทยในโบฮอล เพราะคณะครูและนักเรียนไทยโรงเรียนเซนต์คาเบรียล จำนวน 31 คน ที่เดินทางไปดูงาน ได้เดินทางออกไปที่เซบูแล้ว และเลื่อนกำหนดการเดินทางกลับโดยเร็วที่สุด นอกจากนั้นนักท่องเที่ยวและนักศึกษาที่มหาวิทยาลัย Southwestern, Gullias และ Cebu Doctor รวมจำนวน 300 คน ได้รับการประสานจากนักศึกษาแพทย์แล้วว่าทุกคนปลอดภัยดี โดยอาศัยในที่พักชั้นเดียวเพื่อป้องกันอาฟเตอร์ช็อค (after shock) นอกจากนั้นมหาวิทยาลัยยังได้ประกาศหยุดเรียนเป็นเวลา 2 วัน โดยสำนักงานกงสุลกิตติมศักดิ์ไทย ที่นครเซบู จะคอยประสานให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องอีกด้วย

          
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมะนิลา
สำนักงานกงสุลกิตติมศักดิ์ไทย ที่นครเซบู Tel: (+632) 412-1688
กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052

วันพุธที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556

หญิงไทยในบรูไน ระวัง!อย่าค้าประเวณี


            บรูไนเป็นประเทศหนึ่งที่เศรษฐกิจต้องพึ่งพาแรงงานต่างชาติจำนวนมาก เนื่องจากมีประชากรน้อย ทำให้คนทำงานมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงเป็นโอกาสดีของแรงงานไทยพากันเดินทางไปบรูไนอย่างไม่ขาดสาย เพราะส่วนใหญ่จะได้รับค่าเหนื่อยคุ้มค่ากับการทำงาน แรงงานไทยส่วนใหญ่จะทำงานในกิจการก่อสร้าง อุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้า และอื่นๆ ซึ่งที่ผ่านมาคนงานไทยก็มีชื่อเสียงในเรื่องฝีมือการทำงานเป็นที่ยอมรับของคนบรูไน
            แต่สิ่งหนึ่งที่อยากจะเตือนสติกันไว้ด้วยความไม่สบายใจก็คือ ในระยะหลังเริ่มมีคนไทยบางกลุ่มพยายามนำหญิงไทยเข้าไปค้าประเวณีในประเทศนี้เพิ่มขึ้นอย่างผิดหูผิดตา ลูกค้าก็หนีไม่พ้นแรงงานไทยหรือแรงงานชาติอื่นในบรูไนนั่นเอง
            การค้าประเวณีในบรูไนถือเป็นพฤติกรรมผิดกฎหมาย โดยเฉพาะในประเทศที่นับถือศาสนาอิสลาม มีความผิดและมีบทลงโทษค่อนข้างรุนแรงกว่าในเมืองไทย ล่าสุดมีหญิงไทยคนหนึ่งถูกจับกุมและดำเนินคดีในข้อหาค้าประเวณี โดยเธอไปเที่ยวเร่ขายบริการทางเพศให้แก่แรงงานชาวบังคลาเทศด้วยค่าตัวที่น่าสังเวชใจเพียง 20 ดอลลาร์บรูไน หรือ 490 บาท แม้ว่าเธอจะพยายามสู้คดี แต่ก็ไม่รอด เพราะความผิดข้อหานี้ถือเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา ศาลได้ตัดสินลงโทษจำคุกหญิงสาวรายนี้เป็นเวลา 2 เดือน และริบเงินรายได้ทั้งหมดที่ได้มาจากการค้าประเวณีไว้เป็นของรัฐ
            กรมการกงสุลจึงขอเตือนหญิงไทยประเภทนี้ทั้งหลายว่า อย่าได้มีพฤติกรรมเช่นนี้เลย ความผิดฐานค้าประเวณีนั้นมีโทษปรับเป็นเงินตั้งแต่ 500 ดอลลาร์บรูไน (12,300บาท) ถึง 5,000 ดอลลาร์บรูไน (123,000บาท) และมีโทษจำคุกนานถึง 1 ปี หากไม่หลาบจำก็จะถูกจำคุกได้ถึง 3 ปี พ้นโทษแล้วยังต้องถูกเนรเทศและขึ้นบัญชีดำห้ามเดินทางเข้าประเทศเขาอีกด้วย



สถานเอกอัครราชทูต ณ บันดาร์เสรีเบกาวัน
http://www.thaiembassybrunei.org/
กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052

เข้มกฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในบรูไน...สิงห์อมควันต้องระวัง

 
            เมื่อไม่นานมานี้ กระทรวงสาธารณสุขของประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ออกมาประกาศเตือนประชาชนของเขาว่าทางการจะเข้มงวดเรื่องการสูบบุหรี่ในที่สาธารณะทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2556 เป็นต้นไป โดยจะส่งเจ้าหน้าที่ออกตระเวณตรวจตราสถานที่ต่างๆอย่างจริงจัง โดยเฉพาะสถานที่ราชการ อาคารพาณิชย์ สถานีรถโดยสาร ป้ายรถประจำทาง ตลาด ร้านอาหาร และในบริเวณรัศมี 6 เมตรของอาคารที่มีป้ายห้ามสูบบุหรี่ ซึ่งถือเป็นพื้นที่ห้ามสูบบุหรี่ตามกฎหมาย งานนี้ใครทำผิดจะถูกลงโทษปรับอย่างหนักเป็นเงินถึง 300 ดอลลาร์บรูไนหรือประมาณ 7,000 บาท และหากจับได้ว่าไม่เข็ดหลาบทำผิดซ้ำอีก หนนี้จะโดนโทษปรับเพิ่มอีกเกือบเท่าตัว คือ 500 ดอลลาร์บรูไนหรือประมาณ 12,000 บาทเลยทีเดียว
                สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ บันดาร์เสรีเบกาวัน รายงานสถิติผู้ถูกปรับฐานสูบบุหรี่ในพื้นที่ห้ามสูบ ระหว่างเดือนมกราคม ถึง กันยายน 2556 ว่ามีจำนวนมากถึง 193 คน โดยแบ่งเป็นชาย 181 คน และหญิง 12 คน มาตรการที่เข้มงวดนี้ไม่เพียงแค่ห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะเท่านั้น แม้กระทั่งคนต่างชาติหรือนักท่องเที่ยวที่นำบุหรี่มาจากต่างประเทศ ศุลกากรของบรูไนก็มีหลักปฏิบัติตามระเบียบด้วย ว่าบุหรี่เป็นสินค้าต้องสำแดงก่อนนำเข้าโดยมีภาษีต้องชำระในอัตรามวนละ 25 เซ็นต์หรือประมาณ 6 บาท
                ฟังท่านทูตไทยรายงานข้อมูลนี้มาให้ทราบแล้วรู้สึกเป็นห่วงนักอมควันทั้งหลายจริงๆ ...ถ้าลำบากขนาดนี้พากันเลิกบุหรี่น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด จะได้ไม่ต้องถูกจับ...และไม่ต้องเป็นมะเร็งอีกด้วย
               
สถานเอกอัครราชทูต ณ บันดาร์เสรีเบกาวัน
http://www.thaiembassybrunei.org/
กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052

วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เที่ยวญี่ปุ่นแบบไม่มีวีซ่า...แต่อย่าทำผิดกฏหมาย

 

นับตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2556  ซึ่งประเทศญี่ปุ่นใจดียกเว้นวีซ่าให้คนไทยที่ต้องการจะเดินทางไปท่องเที่ยวแดนปลาดิบในห้วงเวลาสั้นๆ ไม่เกิน 15 วันตามสถิติขององค์กรการท่องเที่ยวแห่งชาติญี่ปุ่นระบุอย่างชัดเจนว่ามีผลทำให้พี่น้องชาวไทยตื่นตัวพากันไปท่องเที่ยวในประเทศนี้เพิ่มขึ้นมาก  เฉพาะแค่เดือนกรกฏาคมที่ผ่านมาก็มีคนไทยไปเที่ยวกันถึง 30,200 คน  ถือว่าเพิ่มขึ้นร้อยละ  84.7  จากช่วงเดียวกันของเมื่อปีกลาย  เรียกว่าสนามบินนาริตะของญี่ปุ่นคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยแทบทุกวัน

 

อย่างไรก็ดีปัญหาหนึ่งที่สถานทูตไทย ณ กรุงโตเกียว ฝากย้ำเตือนมาให้ช่วยกันเฝ้าระวังก็คือ ปัจจุบันเริ่มมีกลุ่มมิจฉาชีพคอยฉวยโอกาสหลอกลวงคนไทย  โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานที่ใฝ่ฝันจะเดินทางไปหางานทำในประเทศญี่ปุ่นซึ่งขึ้นชื่อว่าได้ค่าแรงจากการทำงานสูงและสวัสดิการดี   บรรดานายหน้าเถื่อนจึงจ้องจะหากินกับเรื่องนี้ด้วยการพยายามลักลอบพาคนไทยเข้าไปทำงาน โฆษณาชวนเชื่อว่ามีงานด้านการเกษตรและงานบริการสารพัดชนิดที่คนไทยถนัด เรียกเก็บค่าหัวแพงลิ่วถึงคนละ 300,000 บาท แล้วก็ให้พากันขึ้นเครื่องบินเดินทางไปญี่ปุ่นโดยไม่ได้ขอวีซ่าทำงานหรือทำสัญญาจ้างเป็นเรื่องเป็นราวแต่อย่างใด
กรมการกงสุลขอย้ำอีกครั้งว่า  การเดินทางไปทำงานอย่างนี้เป็นเรื่องผิดกฏหมาย เป็นการต้มตุ๋นหลอกลวงคนไทยด้วยกันแบบที่เคยเกิดเหตุมาแล้วในหลายประเทศ  เพราะนี่ไม่ต่างจากการลักลอบไปทำงานทางการญี่ปุ่นยกเว้นวีซ่าให้คนไทยไปท่องเที่ยวเท่านั้น  แต่ไม่อนุญาตให้เข้าไปทำงานเด็ดขาด  ใครก็ตามที่ทำผิดกฎหมายจะถูกจับกุมและลงโทษด้วยการเนรเทศออกจากญี่ปุ่น ทำให้ไม่สามารถเดินทางกลับไปได้อีกเป็นเวลาถึง๕ ปี  ..  ข้อมูลนี้พวกเราช่วยบอกต่อๆ กันด้วย จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพพวกนี้

 


กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052

www.consular.go.th
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว
http://www.thaiembassy.jp/rte2/
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซากา
http://www.thaiconsulate.jp/wwwe/

กิจกรรมปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสครบรอบ 67 พรรษาของสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไน

          สถานทูตไทย ณ บันดาร์เสรีเบกาวัน ประเทศบรูไนได้ร่วมกับอาสาสมัครแรงงานไทยในบรูไน จัดกิจกรรมปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสครบรอบ 67 พรรษาของสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไน เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2556 โดยได้ร่วมกันปลูกต้นไม้จำนวน 67 ต้น ตามพรรษาของสมเด็จพระราชาฯ ที่สวนป่าสันทนาการเบรากัส (Berakas Forest Recreation Park) ภายใต้โครงการเสริมสร้างชุมชนไทยเข้มแข็งในบรูไนผานอาสาสมัครแรงงาน โดยมี Pehin Yahya รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและทรัพยากรพื้นฐานบรูไนเป็นแขกเกียรติยศและมีอาสาสมัครแรงงานประมาณ 50 คน เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวด้วย
         นี่เป็นตัวอย่างโครงการกิจกรรมที่น่ายกย่องของชุมชนแรงงานไทยกับสถานทูตไทยที่บรูไน ที่เป็นประโยชน์มาก


สถานเอกอัครราชทูต ณ บันดาร์เสรีเบกาวัน ประเทศบรูไน
http://www.thaiembassybrunei.org/
กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052

หนังสือพิมพ์ Sin Chew Daily วันที่ 23 ก.ย. 56
หนังสือพิมพ์ Media Permata วันที่ 23 ก.ย. 56
หนังสือพิมพ์ Borneo Bullentin วันที่ 23 ก.ย. 56

Thai community pays tree-bute to His Majesty

Posted date: September 23, 2013 In: Headline, National
|     James Kon     |
           THE country’s Thai community came together to plant 67 trees at the biodiversity park at the Berakas Forest Reserve.
            The effort was in support of the Heart of Borneo Initiative campaign of “Greening the City, Saving The Planet: Making A Difference, One Tree At A Time” and to commemorate the 67th birthday of His Majesty the Sultan and Yang Di-Pertuan of Brunei Darussalam.
             At the scenic biodiversity park, Pehin Orang Kaya Seri Utama Dato Seri Setia Awang Haji Yahya bin Begawan Mudim Dato Paduka Haji Bakar, Minister of Industry and Primary Resources, and Thai Ambassador to Brunei, Apichart Phet­­charatana, planted two Hopea species trees well known for its wood.
Pehin Orang Kaya Seri Utama Dato Seri Setia Awang Haji Yahya bin Begawan Mudim Dato Paduka Haji Bakar, Minister of Industry and Primary Resources, and Thai Ambassador to Brunei, Apichart Phetcha-ratana, planting a Hopea species tree
Members of Brunei’s Thai community planting trees
Participants pose for a group photo. – PHOTOS: JAMES KON
         While at the beach, members of the Thai community planted 65 pine trees.
         Phetcharatana said: “Through today’s event, we, the Thai community, would like to honour His Majesty’s 67th birthday by planting 67 trees.
            “We support Brunei’s Heart of Borneo Initiative campaign. We are the second group to have done this after the HoB countries planted the trees on September 7. We feel privileged.
           “This is the first time we have organised this activity. We will continue to organise regular activities to repay Brunei for its hospitality.
            “This is the Asean year, we want to build the bilateral ties between both countries.”
           Describing the relationship of both countries’ monarchs, he said: “It’s a very close relationship.
           “Last may, His Majesty went to Thailand for the Water Summit, while in 2011, His Majesty the Sultan and Yang Di-Pertuan of Brunei Darussalam met with His Majesty King Bhumibol Adulyadej of Thailand during an official visit.”
           On cooperation, he revealed that Thailand was in the final stage of drafting a Memorandum of Understanding (MoU) on cooperation in the field of agriculture and that it was expected to be signed this year.
           “There are still three agreements (concerning labour affairs, human trafficking and culture cooperation) that need to be worked out.
           The MoU on agriculture will cover, among others, land development, water management, fisheries, technology transfer and training.
            Meanwhile, on a separate subject, Phet­­charatana confirmed that Thai Prime Minister Yingluck Shinawatra would be attending the Asean Summit next month.
            “Prime Minister Yingluck, who will be accompanied by 60 Thai delegates, will be in Brunei from October 8-10.”

หนังสือพิมพ์ The Brunei Times วันที่ 23 ก.ย. 56

Thai community plants 67 trees to mark HM's birthday


AMIR NOOR
BRUNEI-MUARA
Monday, September 23, 2013
           THE Thai Community of the Sultanate gives back in honour of His Majesty the Sultan and Yang Di-Pertuan of Brunei Darussalam's birthday by planting 67 trees in support of the Heart of Borneo initiative and Brunei's biodiversity.

             The number of trees planted was to mark His Majesty's 67th birthday this year as members of the Thai community residing in Brunei personally planted them along the coast of the Berakas Forest Reserve yesterday morning.

            In an interview with the Ambassador of Thailand to Brunei, His Excellency Apichart Phetcharatana (pic), this was a display of appreciation by over 3,000 Thai people who have resided in the Sultanate, some for more than 20 to 30 years. 

            Additionally, the trees were to support the Ministry of Industry and Primary Resources' (MIPR) efforts under the Heart of Borneo initiative with the campaign 'Greening the city, saving the plan, making a difference, one tree at a time'.

           Present as the guest of honour was the Minister of Industry and Primary Resources, Yang Berhormat Pehin Orang Kaya Seri Utama Dato Seri Setia Hj Yahya Begawan Mudim Dato Paduka Hj Bakar, who officiated the planting of a 'Hopea odorata' tree, also known by its local name of Merawan Siputjantan. This tree was planted at the Biodiversity Park of the Berakas Forest Reserve.

           Later on, members of the Thai community proceeded to plant a total of 67 'Casuarina equisetifolia' trees along the coast of the reserve. The trees are also known by its local name of Rulaut.

           HE Ambassador Phetcharatana added that the tree species were recommended by the Forestry Department under MIPR as the Casuarina equisetifolia trees were chosen for its erosion prevention and in general, its wind breaking elements.

              In the future, the ambassador hoped to organise more activities with the local Thai community by supporting notably causes and by giving back to the community. 

             He also mentioned their countdown to being part of the 30th National Day celebration next year, a significant and festive commemoration they would like to share.

            Also attending yesterday's tree planting occasion were MIPR permanent secretary, Hjh Normah Suria Hayati Pehin Jawatan Dalam Seri Maharaja Dato Seri Utama Dr Hj Mohd Jamil Al Sufri, heads of departments, Forestry officers as well as members of the local Thai community. The Brunei Times
http://www.bt.com.bn/news-national/2013/09/23/thai-community-plants-67-trees-mark-hms-birthday