วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ปัญหาทะเลาะวิวาท...กระทบแรงงานไทย

           น่าชื่นชมกับแรงงานไทยที่ชื่นชอบของนายจ้างต่างชาติ เพราะมีฝีมือและทักษะในการทำงานที่ดี แต่แรงงานไทยก็ยังคงมีปัญหาการดื่มสุราเป็นจุดอ่อนอย่างบ่อยครั้งที่ไปทำงานในต่างประเทศ เพราะเมื่อดื่มสุราก็มักจะเกิดปัญหาทะเลาะวิวาทตามมา และสร้างความเอิอมระอาให้กับนายจ้าง ซึ่งถ้าเกิดเป็นประจำอาจส่งผลให้นายจ้างหันไปจ้างแรงงานชาติอื่นแทน
ดังเช่น ปัญหาระหว่างแรงงานไทยกับแรงงานอินโดนีเซียในเมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ล่าสุดแรงงานไทยออกไปดื่มสุราหลังเลิกงานนอกแคมป์และไปก่อเรื่องทะเลาะวิวาท ทำให้แรงงานไทย 1 คนได้รับบาดเจ็บ ต่อมาก็ยังคงมีเหตุรุมทำร้ายคนไทยอย่างรุนแรงและเป็นประจำอีก ทำให้คนไทยจำนวนมากเกิดความหวาดกลัว และติดต่อให้สำนักงานแรงงานช่วยส่งตัวแรงงานไทยกลับ และแจ้งให้ระงับการจำหน่ายสุราในแคมป์แรงงานด้วย
ดังนั้นจึงได้มีการเน้นย้ำเรื่องกฎระเบียบที่เข้มงวดเรื่องการดื่มสุราและการทะเลาะวิวาท ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อแรงงานไทยจำนวน 420 คนในนิคมอุตสาหกรรมได้

            สถานทูตขอประชาสัมพันธ์เตือนแรงงานไทยที่ไปทำงานในต่างประเทศให้ละเว้น ลด หรือเลิกดื่มสุรา เพราะไม่เพียงแค่ไม่ดีต่อสุขภาพของตัวแรงงานเอง ยังอาจนำไปสู่ปัญหาการทะเลาะวิวาท อีกทั้งยังส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่ดีของแรงงานไทยโดยรวมที่มีระเบียบวินัยและรับผิดชอบด้วย    



กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052

วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เดือดร้อน...เพราะเสี่ยงไปนวดถึงมองโกเลีย


เป็นเรื่องเข้าใจยากเหมือนกันว่า  ทำไมหมอนวดแผนไทยทั้งหญิงและชายจึงต้องดิ้นรนไปทำงานในต่างประเทศกันนัก  หากไปประเทศรอบบ้านใกล้เคียงก็ยังพอทนแต่หลายคนบินข้ามน้ำข้ามทะเลไปถึงแอฟริกา  ตะวันออกกลาง  หรือไปถึงดินแดนหมู่เกาะกลางมหาสมุทรที่เราแทบจะไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน   บางประเทศไม่เคยมีคนไทยอาศัยอยู่เลย ไม่มีทั้งสถานทูตไทยที่จะคอยช่วยดูแลอีกด้วย  นี่ถือเป็นความเสี่ยงที่ต้องเผชิญทีเดียวหากพวกเขายังคิดจะเดินทางไปแบบผจญภัยกันอย่างนี้
ล่าสุดเกิดเหตุขึ้นที่กรุงอูลานบาตอร์  เมืองหลวงของประเทศมองโกเลีย  มีพนักงานนวดชาวไทย  ๖ราย เดินทางไปลำบากอยู่ที่นั่น  เป็นหญิง ๕ คน ชาย ๑ คน  ทั้งหมดหลงเชื่อการชักชวนของนายหน้าในเมืองไทยให้ไปทำงานนวดสปากับผู้ประกอบการต่างชาติรายหนึ่ง  ทำสัญญาจ้างกันทางอีเมล์โดยไม่เคยเห็นหน้าค่าตานายจ้าง และที่สำคัญพวกเขาเดินทางไปทำงานกันเองโดยไม่ผ่านขั้นตอนตรวจสอบของกระทรวงแรงงาน   จนไปถึงมองโกเลียแล้วนั่นแหละจึงมารู้เอาทีหลังว่าสภาพการทำงาน  ที่พัก สวัสดิการ ค่าแรงและอื่นๆ ไม่ได้เป็นไปตามคำโฆษณาชวนเชื่อของนายหน้าเลย  ทุกคนต่างรู้สึกไม่พอใจแต่ครั้นจะเดินทางกลับนายจ้างก็ไม่ยอม  แถมยังไปแจ้งความให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองระงับวีซ่าขาออกของพวกเขาด้วย  โดยอ้างว่าได้จ่ายเงินซื้อตั๋วเครื่องบินและวิ่งเต้นทำเอกสารให้พนักงานไปแล้ว
เมื่อเกิดปัญหายุ่งยากทำให้ทุกคนเดือดร้อนกันไปหมดเจ้าหน้าที่กงสุลของสถานทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง ซึ่งอยู่อีกประเทศหนึ่งต้องเข้ามาไกล่เกลี่ยและช่วยเหลือคนไทยตามเคย  แต่กระนั้นกว่าจะตกลงกันได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย   ทุกคนต้องยืมเงินของทางราชการเพื่อซื้อตั๋วเครื่องบิน จ่ายค่าที่พัก และอื่นๆ จิปาถะ  ไปหางานทำแบบที่ว่านี้  ไม่ต่างจากการติดต่อผ่านนายหน้าเถื่อน บริษัทก็เถื่อน ตัวนายจ้างก็พลอยเถื่อนไปด้วย หาผู้รับผิดชอบไม่ได้  เรียกว่าถูกต้มตุ๋นจนสุก  แทนที่จะได้เงินกลับมาก็มีแต่หนี้สิน  จะโทษใครก็ลำบากเพราะต่างเต็มใจพากันไปขุดทองแบบไปตายเอาดาบหน้ากันทั้งนั้นไม่ตรวจสอบข้อมูลและไม่สนใจข่าวสารเตือนภัยของทางราชการ  ... เรื่องอย่างนี้อย่าเลียนแบบเด็ดขาด  ไม่คุ้มจริงๆ  ...


กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052


                                                                .........................................................

วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

กู้เงินเรียนหนังสือ... แล้วหนีหนี้ไปต่างประเทศ

ปัจจุบันมีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยที่เรียนจบปริญญาตรีและปริญญาโทในประเทศไทยนิยมเดินทางไปฝึกงานในประเทศสหรัฐอเมริกา  เมื่อขอวีซ่าจากสถานทูตอเมริกันผ่านแล้วส่วนใหญ่ก็จะได้งานทำตามบริษัทห้างร้านต่างๆ  เช่น  โรงแรม  ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ  คาสิโน  สถานบันเทิง  ฯลฯ บางคนไปฝึกงานเป็นปีจนพบรักกับคนอเมริกัน  ถึงขั้นตกลงปลงใจแต่งงานเพื่อจะตั้งรกรากอยู่ที่อเมริกาอย่างถาวรก็มีเยอะ
แต่บางครั้งเรื่องราวอาจไม่ราบรื่นอย่างที่คิด...กรณีที่อยากจะขอยกเป็นอุทธาหรณ์ก็คือมีนักศึกษาหญิงรายหนึ่งเดินทางไปฝึกงานแบบนี้ที่สหรัฐอเมริกา  ต่อมาได้สมรสกับคนอเมริกันหลังจากนั้นจึงเดินทางมายื่นเรื่องต่อสถานทูตไทยที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อขอหนังสือรับรองเป็นหลักฐานในการเปลี่ยนสถานภาพของการพำนักอาศัย จากนักศึกษาฝึกงานเป็นผู้ถือบัตรกรีนการ์ด(Green Card holder) ตามสิทธิอันพึงได้หลังสมรส
ปัญหามาเกิดขึ้นตรงที่ก่อนสถานทูตจะออกหนังสือรับรองให้มีขั้นตอนต้องตรวจสอบว่า บุคคลผู้นั้นเคยมีประวัติเป็นผู้รับทุนการศึกษาของรัฐหรือมีหนี้สินค้างชำระกับหน่วยงานของรัฐหรือไม่ผลตรวจปรากฏว่า  เธอเคยขอกู้เงินจากกองทุนเพื่อการศึกษา เช่น กยศ. หรือ กรอ.  และยังมิได้ชำระหนี้คืนเมื่อข้อเท็จจริงเป็นเช่นนี้สถานทูตก็ไม่สามารถออกหนังสือรับรองให้ได้  ความฝันที่จะปักหลักอยู่ในอเมริกาจึงต้องชะงักไปโดยปริยาย
เรื่องอย่างนี้ขอเตือนว่า  การเป็นหนี้สินกับทางราชการจะเพิกเฉยไม่ได้เด็ดขาดยิ่งเป็นปัญญาชนผู้มีอนาคตยาวไกลถึงในต่างประเทศก็ยิ่งต้องระมัดระวัง  ควรประพฤติตนให้ดีเป็นแบบอย่างในสังคม โครงการให้นักศึกษากู้เงินไปเรียนถือเป็นนโยบายที่มุ่งช่วยเหลือคนเรียนดีแต่ขัดสนทุนทรัพย์    พอได้เงินแล้วเมื่อเรียนจบมาทำงานทำการก็ควรชดใช้คืนแก่รัฐทุกบาททุกสตางค์ ...  จะได้ไม่เกิดปัญหาในวันข้างหน้า
หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก ฉบับวันอังคารที่ 9 กรกฎาคม 2556 

กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052

.............................

วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

นวดแผนไทย... อย่าฝันลมๆ แล้งๆ ในต่างแดน

เมื่อเดือนมิถุนายน ๒๕๕๖ กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ ได้รับเชิญให้ไปบรรยายเกี่ยวกับ “ข้อพึงระวังของการไปทำงานในต่างแดน” ให้ผู้เข้ารับการอบรมครูนวดแผนโบราณของสมาคมแพทย์แผนไทย ซึ่งจัดหลักสูตรนี้มาแล้วถึง ๒๐ รุ่น  มีผู้สนใจมาเข้าคอร์สหลายร้อยคน  ส่วนใหญ่เป็นสตรีหลากหลายวัย ทั้งที่เป็นสาวและสตรีวัยกลางคน
หลังจากอบรมเสร็จสิ้นก็ค่อนข้างแน่ว่า บุคคลากรเหล่านี้จะก้าวเข้าสู่วงการนวดเพื่อสุขภาพ  บางคนอาจมีความฝันที่จะเดินทางไปทำงานในต่างประเทศหรือหากมีทุนรอนอยู่บ้างก็จะผันชีวิตเป็นนักธุรกิจในสาขาอาชีพนี้ เนื่องจากการเติบโตของธุรกิจนวดกำลังพุ่งขึ้นแบบรั้งไม่อยู่ สร้างงานและโอกาสให้แก่สตรีไทยทั่วโลกมาจนนับไม่ถ้วน
แม้ว่าตัวเลขของทางราชการเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๕  ระบุว่ามีแรงงานสตรีไทยเพียง  ๔,๐๐๐  รายเท่านั้นที่ยื่นเรื่องขออนุญาตเดินทางไปทำงานนวดสปาในต่างประเทศอย่างถูกขั้นตอนตามกฏหมาย  แต่ในความเป็นจริงกลับพบว่ามีสตรีไทยเดินทางไปทำงานนวดทั่วโลกในจำนวนที่มากกว่าตัวเลขที่ระบุไว้อย่างเป็นทางการหลายสิบเท่า  จึงไม่ต้องแปลกใจว่า ที่ผ่านมามักปรากฏข่าวคราวของหญิงไทยไปตกทุกข์ระกำลำบากอยู่ในประเทศต่างๆ  เช่น  มาเลเซีย  จีน  ญี่ปุ่น  เกาหลีใต้ อินเดีย มัลดิฟส์ แอฟริกาใต้ บาห์เรน  ออสเตรเลีย  รัสเซีย ฯลฯ  คือไม่ว่าจะใกล้หรือไกล หญิงไทยของเราก็มีศักยภาพไปบุกเบิกงานนวดให้เขาได้ทั้งนั้น
ข้อกังวลที่กำลังเป็นปัญหาในขณะนี้ก็คือว่า  การไปทำงานของหญิงไทยเกือบทั้งหมดเข้าข่ายทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตและพำนักอยู่ในต่างแดนอย่างผิดกฏหมาย
ที่สำคัญมีหญิงไทยจำนวนไม่น้อยประกอบอาชีพนี้เพียงเพื่อหาเงินให้ได้มากที่สุด มีการลักลอบให้บริการทางเพศโดยไม่คำนึงว่าพฤติกรรมเช่นนั้นเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของไทยและทรยศต่อจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ
                สิ่งหนึ่งที่กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยฯ  ได้ย้ำระหว่างการฝึกอบรม คือ การประชาสัมพันธ์เตือนภัยเกี่ยวกับงานประเภทนี้ โดยยกกรณีปัญหาที่เคยเกิดขึ้นเป็นรายประเทศ  ดังนี้
มาเลเซีย เป็นประเทศที่หญิงไทยไปประสบปัญหามากที่สุด เพราะความที่มาเลเซียเป็นประเทศเพื่อนบ้าน  การลักลอบเดินทางไปทำงานจึงทำได้ง่าย  ทั้งๆ ที่รัฐบาลมาเลเซียไม่มีนโยบายสนับสนุนให้คนต่างชาติทำงานประเภทนี้เลย  นอกจากนี้ ยังมีขบวนการมิจฉาชีพนำพาหญิงไทยข้ามชายแดนไปทำงานนวดมือ นวดเท้า และนวดสปา  โดยหลอกลวงว่ามีรายได้ดี นายจ้างที่มาเลเซียจะช่วยขอใบอนุญาตทำงานให้ได้ในภายหลัง ซึ่งในที่สุดแล้วผู้หญิงจะถูกบังคับให้ยอมขายตัว ถูกกักขัง และบางคนถูกทำร้ายร่างกายด้วย
บาห์เรน มักปรากฏข่าวไม่ดีเกิดขึ้นกับหญิงไทยบ่อยครั้ง ที่บาห์เรนจะมีคนไทยทำหน้าที่เป็น แม่เล้า หรือ แม่แท็ก คอยจัดหาผู้หญิงส่งให้สถานบริการเถื่อน ซึ่งมีทั้งกรณีเต็มใจและถูกหลอกลวง  หลายคนติดหนี้สินพะรุงพะรังหลายแสนบาท ถูกตำรวจจับกุม  ต้องหลบหนีอย่างทุลักทุเลมาพึ่งสถานทูตไทยเป็นประจำ
อินเดีย ในระยะหลังมีหญิงไทยจำนวนมากเดินทางไปทำงานตามร้านนวดซึ่งมีอยู่อย่างดาษดื่นตามเมืองใหญ่ต่างๆ  แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วงานประเภทนี้แทบไม่มีช่องทางที่จะทำได้อย่างถูกกฏหมายเลย  เพราะอินเดียมีกฏเหล็กกำหนดเงื่อนไขในการออกใบอนุญาตทำงานสำหรับคนต่างด้าวว่า  ต้องมีสัญญาจ้างที่ระบุรายได้สูงถึง ๒๕,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ต่อปี  (ราว ๗๕๐,๐๐๐ บาท) โอกาสทำงานในประเทศนี้จึงริบหรี่อย่างมาก
รัสเซีย เป็นประเทศที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล แต่หญิงไทยก็อุตส่าห์ดั้นด้นเดินทางไปจนถึงเพื่อทำงานนวด  แม้ว่าส่วนใหญ่จะมีนายจ้างถูกต้อง  แต่ปัญหาของหญิงไทยคือแทบจะพูดจาสื่อสารกับนายจ้างไม่รู้เรื่อง  อ่านสัญญาภาษารัสเซียไม่ได้ และปรับตัวกับสภาพแวดล้อมไม่ได้ จึงยากลำบากไปหมดทุกเรื่อง
ยังมีกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศอื่นๆ อีกหลายแห่งจนยากจะสาธยายได้หมด  ข้อมูลเหล่านี้หญิงไทยต้องนำไปไตร่ตรองอย่างรอบคอบก่อนจะตัดสินใจเดินทางไปเสี่ยงโชคในต่างแดน
การเตือนภัยข้างต้นอาจทำลายความฝันที่สวยงามของหญิงไทยบ้าง แต่เราก็ต้องเตือนกันไว้ด้วยความเป็นห่วงในสวัสดิภาพของพวกเขา
... ขอให้ทุกคนที่คิดจะไปทำงานยังต่างแดนจงมีสติและตั้งอยู่ในความไม่ประมาทก็แล้วกัน
ติดตามข่าวสารคุ้มครองดูแลคนไทยในต่างประเทศได้ที่ www.consular.go.th http://protectthaicitizen.blogspot.com/


หรือ

                                                                .................................................

วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สถานทูตช่วยลูกเรือไทย ... จนพ้นคุกจากอิสราเอล




นี่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่ประเทศอิสราเอลตั้งแต่ต้นปี ๒๕๕๖   มีลูกเรือประมงสัญชาติไทย  ๓  คน เดินทางไปทำงานบนเรือประมงของอิสราเอล  เรียกว่าไปหากินไกลบ้านพอสมควร  แต่เรื่องไม่งามก็ยังเกิดขึ้นจนได้ เพราะนายจ้างอยากรวยทางลัดจึงลักลอบขนบุหรี่หนีภาษีทางเรือจำนวนมาก  จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้คาหนังคาเขาความซวยของเรื่องนี้ก็คือคนงานไทยบนเรือพลอยถูกจับไปด้วย  ถูกนำตัวไปไว้ที่สถานกักกันหลายเดือนโดยไม่อนุญาตให้เข้าประเทศเพราะไม่มีวีซ่า  แถมเป็นคดีอาญาต้องขึ้นโรงขึ้นศาลด้วย
เรื่องนี้ รู้ไปถึงสถานทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ซึ่งต้องยื่นมือเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงและหาทางช่วยเหลือคนไทย  เนื่องจากความผิดทั้งหลายทั้งปวงล้วนแต่เป็นฝ่ายนายจ้างก่อขึ้นทั้งสิ้น  สถานทูตได้ติดต่อทนายความอาสาให้มาดูแลเรื่องนี้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ   งานนี้ถึงขั้นต้องฟ้องร้องนายจ้างเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม  จนกระทั่งทุกคนรอดพ้นจากความผิด  และยังได้รับเงินชดเชยค่าเสียหายจากการถูกกักตัวไว้จนสิ้นอิสรภาพอย่างไม่สมเหตุสมผล  แต่กระนั้นกว่าจะได้กลับเมืองไทยก็ต้องสู้คดีนานถึงสี่เดือนเต็ม
ข้อคิดเตือนภัยสำหรับพี่น้องชาวประมงทั้งหลายก็คือ  ต้องคิดให้รอบคอบก่อนจะตัดสินใจไปทำงานบนเรือประมง  เพราะงานประเภทนี้ทั้งหนักหนาสาหัสและมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดปัญหาต่างๆ   ชีวิตกลางทะเลไม่มีอะไรแน่นอน  บางคนออกเรือไปอย่างไม่รู้จุดหมายปลายทาง  ความอยู่รอดขึ้นอยู่กับไต้ก๋งเรือเพียงคนเดียว  เคระห์หามยามร้ายไปทำผิดกฏหมายเข้าอาจถูกจับติดคุกติดตะรางได้ทุกเมื่อ
 ผอ.สุวัฒน์ แก้วสุข
ผู้อำนวยการกองคุ้มครองฯ
กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052
www.consular.go.th
 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ


                                                                                .........................................

วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สลดใจ... ไปนวดสปาที่อินเดีย

มีเหตุสลดใจเกิดขึ้นที่เมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดีย  เมื่อหญิงไทยรายหนึ่งเกิดอาการจิตหลอนจนคุ้มคลั่ง  อาละวาด และทำร้ายตัวเองเพื่อนๆ ในที่ทำงานแทบจะเอาใม่อยู่   เรื่องมีอยู่ว่าหญิงคนนี้ประกอบอาชีพเป็นพนักงานนวดสปา เดินทางไปทำงานกับบริษัทเอกชนที่เมืองกัลกัตตาได้สักระยะหนึ่งแล้ว   ว่ากันว่าเธอสะสมความเครียดจากการทำงานและจากปัญหาชีวิตส่วนตัว แถมก่อนหน้านี้ก็เคยกินยาลดความอ้วนเกินขนาดติดต่อกันเป็นเวลานาน
สถานกงสุลใหญ่ไทยณ เมืองกัลกัตตา พยายามหาทางช่วยเหลือเธอหลายครั้งหลายวิธี  แต่ก็เป็นไปอย่างยากลำบาก  ซื้อตั๋วเครื่องบินให้กลับเมืองไทยก็แล้ว  แต่เธอหลบหนีออกจากสนามบินถึงสองครั้งสองครา  ในที่สุดต้องร่วมมือกับสายการบินและขอร้องให้เพื่อนอีกสองคนร่วมเดินทางไปด้วย  จนกระทั่งสามารถพาตัวกลับมาส่งให้ญาติซึ่งรอรับอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิได้สำเร็จ
หญิงไทยรายนี้ยังนับว่าโชคดีมากที่มีเพื่อนๆ ช่วยกันดูแลยามที่ชีวิตเกิดวิกฤตในต่างแดน  แต่อุทธาหรณ์ก็คือ ไม่ว่าใครก็ตามหากคิดจะเดินทางไปทำงานที่อินเดียต้องรู้ว่าบ้านเมืองเขามีสภาพแวดล้อมต่างจากเมืองไทยมาก  ความเป็นอยู่ลำบากสถานที่พักผ่อนหย่อนใจมีน้อย   อยู่ไปนานๆ ความเครียดอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ  สำหรับการทำงานนวดนั้น  หญิงไทยไม่จำเป็นต้องดิ้นรนไปถึงเมืองนอกก็ได้เพราะงานก็มีให้ทำอยู่ในเมืองไทย  รายได้จะดีกว่าด้วยซ้ำ   ต้องคิดให้รอบคอบ  อย่าเสี่ยงไปต่างประเทศเลย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสภาพร่างกายไม่พร้อม  และจิตใจไม่เข้มแข็งมั่นคงพอ...  รังแต่จะเป็นทุกข์เปล่าๆ
ผอ.สุวัฒน์ แก้วสุข
ผู้อำนวยการกองคุ้มครองฯ
กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052
www.consular.go.th
 สถานกงสุลใหญ่ ณ  เมืองกัลกัตตา


                                                                                ............................

วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

น้ำท่วมแคนาดา ...ชุมชนไทยต้องช่วยเหลือกัน


           เหตุการณ์น้ำท่วมที่นครคัลการี (Calgary) มณฑลแอลเบอร์ต้า (Alberta) ประเทศแคนาดา ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน  ๒๕๕๖ ที่ผ่านมา  แม้ว่าความทุกข์ยากครั้งประวัติศาสตร์ของเมืองนี้ได้ผ่านพ้นไปแล้วก็ตาม  แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชนกว่า ๗๐,๐๐๐  คน ในช่วงที่ต้องประกาศภาวะฉุกเฉินนานนับสัปดาห์  ทั้งระบบไฟฟ้า  ประปา ถนนหนทาง และธุรกิจของบริษัทห้างร้านต่าง ๆ  คงจะอยู่ในความทรงจำของผู้คนไปอีกนาน 
ท่ามกลางจำนวนของผู้ตกทุกข์ได้ยากก็มีครอบครัวคนไทยรวมอยู่ด้วยไม่น้อย  จากการตรวจสอบพบว่ามีบ้านพักของคนไทยประสบความเสียหายจำนวน  ๕  ครัวเรือน ต้องย้ายไปพักกับญาติมิตรเป็นการชั่วคราว  ร้านอาหารและสำนักงานของผู้ประกอบการชาวไทยบางแห่งในนครคัลการีต้องปิดทำการเพื่อรอบูรณะซ่อมแซม   ความสูญเสียข้างต้นเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลากอบกู้ฟื้นฟูกันนานพอสมควร
            ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของผู้คน  ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใดและเสียหายมากน้อยเท่าใด   แต่สิ่งที่น่าชื่นชมก็คือชุมชนไทยของเราในเมืองนี้ได้แสดงให้ประจักษ์ถึงพลังแห่งความสามัคคี  ไม่ทอดทิ้งกัน  ทุกคนต่างช่วยกันคนละไม้คนละมือ  เอื้ออาทรในเรื่องที่พอจะมีน้ำใจต่อกันได้   ทำให้ทุกคนยังยิ้มออกเมื่อภัยมา  ... สถานทูตไทย  ณ กรุงออตตาวา  และสถานกงสุลใหญ่  ณ  นครแวนคูเวอร์  ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ประสบความเดือดร้อนและขอให้ฟันฝ่าภัยพิบัติครั้งนี้ไปให้ได้  



****************** 

ด้วยความปรารถนาดีจาก
สถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่/สถานกงสุลกิตติมศักดิ์ไทย ณ แคนาดา
กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052