วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556

ญี่ปุ่น: เบอร์ฉุกเฉิน 171 สำหรับวิกฤติ


          บทเรียนจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว คลื่นสึนามิ และภัยพิบัติต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น เป็นเหตุสะเทือนใจที่คงไม่มีใครลืมได้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียวได้เตรียมรับมือกับสถานการณ์ข้างต้นอย่างเต็มที่ ในเว็บไซต์ www.thaiembassy.jp ของสอท. ได้เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ชุมชนคนไทยในญี่ปุ่น เช่น ข้อมูลภัยพิบัติ แผนรับมือเหตุการณ์ของรัฐบาลญี่ปุ่น คู่มือการเตรียมความพร้อมต่างๆ ตลอดจนให้ความรู้เกี่ยวกับสารกัมมันตรังสีหากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้รับความเสียหาย ที่สำคัญสถานทูตได้ขอให้คนไทยช่วยกันลงทะเบียนทางเว็บไซต์ เพื่อความสะดวกในการติดต่อกรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆ ขึ้น
และถ้าคนไทยสามารถพูดคุยภาษาญี่ปุ่นได้ ก็ควรจดจำหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน 171 ของรัฐบาลญี่ปุ่นไว้ด้วย เพราะสามารถฝากข้อความอัตโนมัติผ่านโทรศัพท์บ้าน และผ่านอินเตอร์เน็ต www.web171.jp ของญี่ปุ่นได้ ระบบดังกล่าวถือเป็นการเพิ่มช่องทางการติดต่อสื่อสารเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน
คนไทยในญี่ปุ่นช่วยบอกต่อๆ กันด้วย อย่างน้อยในยามภัยมาถึงตัว จะได้รู้ว่าควรต้องระวังอย่างไร และช่วยเหลือกันอย่างไร



ด้วยความปรารถนาดีจาก
สอท. ณ กรุงโตเกียว
กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052


อธิบดีกรมการกงสุลต้อนรับนักศึกษาจากจังหวัดชายแดนใต้




นายธงชัย  ชาสวัสดิ์  อธิบดีกรมการกงสุล บรรยายภารกิจงานกงสุลไทย
แก่กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ 


            เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2556  นายธงชัย ชาสวัสดิ์ อธิบดีกรมการกงสุล ได้ให้เกียรติจัดการต้อนรับและบรรยายสรุปให้แก่กลุ่มนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยในจังหวัดชายแดนภาคใต้  ในโอกาสเดินทางไปศึกษาดูงานส่วนราชการของกระทรวงการต่างประเทศและองค์การระหว่างประเทศต่าง ๆ อาทิ UNESCO ESCAP  เป็นต้น
            ในโอกาสดังกล่าว  อธิบดีกรมการกงสุลได้เล่าให้นักศึกษาฟังอย่างเป็นกันเองถึงภาพรวมงานกงสุลไทย และภารกิจต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ  รวมถึงภารกิจในสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ อาทิ การอพยพแรงงานไทยในเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในตะวันออกกลาง การช่วยเหลือคนไทยจากเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิในญี่ปุ่น  เป็นต้น   นอกจากนี้ ยังได้นำคณะนักศึกษาทั้งหมดไปดูงานบริการประชาชนของกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ  กองตรวจลงตราและเอกสารเดินทางคนต่างด้าว  กองสัญชาติและนิติกรณ์  และกองหนังสือเดินทาง ด้วย   ซึ่งได้รับความสนใจจากนักศึกษาเป็นอย่างดี


*****************

กรมการกงสุล

29 เมษายน 2556

กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052

วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2556

เหตุแผ่นดินไหว...คนไทยทุกคนปลอดภัยดี


เมื่อวันเสาร์ที่ 20 เมษายน 2556 เวลา 08.02 น. ตามเวลาท้องถิ่น  ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เมืองหย่าอันในมณฑลเสฉวน ประเทศจีน ห่างจากนครเฉิงตูไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 100 กิโลเมตร   ทันทีที่เกิดเหตุ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครเฉิงตู ได้ประสานกับตัวแทนชุมชนไทยในแต่ละพื้นที่ของมณฑลเสฉวนและนครฉงชิ่ง  ทั้งกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย  พนักงานบริษัทห้างร้าน  ร้านอาหาร  และได้รับข่าวน่ายินดีว่า ไม่มีชาวไทยได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุธรณีพิโรธดังกล่าว  ที่พักและสถานที่ทำงานต่าง ๆ ของคนไทยก็ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด
            

           ปัจจุบัน ที่มณฑลเสฉวนมีชุมชนไทยประมาณ 200 คน  ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย 2 – 3 แห่ง เช่น  เสฉวน เฉิงตู  ซีหนาน  เป็นต้น  และอีกเมืองที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงคือ นครฉงซิ่ง มีชุมชนไทย 289 คน เกือบทั้งหมดเป็นนักศึกษา  และพนักงานบริษัทเอกชน และร้านอาหารต่าง ๆ
            แม้ว่าสถานการณ์ได้กลับคืนสู่ภาวะปกติแล้ว  แต่ภาระหน้าที่ของสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเฉิงตู ก็ยังต้องพยายามติดต่อประสานงานกับชุมชนไทยในพื้นที่เป็นระยะ ๆ อย่างสม่ำเสมอ  เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเหตุฉุกเฉินต่าง ๆ ที่อาจกระทบต่อสวัสดิภาพของชุมชนไทย  เพราะในปัจจุบันภัยธรรมชาติอาจเกิดขึ้นได้อีกเวลาใด ที่ใด ก็ไม่มีใครล่วงรู้ได้



สถานกงสุลใหญ่ ณ นครเฉิงตู
กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052

วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2556

เกาะมัลดีฟส์ ไม่ใช่สวรรค์สำหรับลักลอบทำงาน...


            สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโคลัมโบรายงานข้อมูลมาอีกแล้วว่าเมื่อปลายเดือนมีนาคม  ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจมัลดีฟส์ได้จับกุมหญิงไทยอีกระลอกหนึ่งรวม 6 คนในข้อหาค้าประเวณี หญิงไทยเหล่านั้นส่วนใหญ่ทำงานอยู่ตามร้านนวดสปาบ้าง ร้านอาหารบ้าง บางทีก็พบอยู่ในโรงแรมเล็กๆ มีพฤติกรรมคล้ายๆ กัน คือเดินทางเข้าประเทศมัลดีฟส์โดยไม่มีวีซ่าทำงาน ดูผิวเผินก็คล้ายกับนักท่องเที่ยวทั่วไป ซึ่งจะได้รับอนุญาตให้พำนักอยู่ในประเทศนี้ได้ไม่เกิน 30 วัน หลังจากเข้าประเทศได้แล้วก็จะมีนายหน้าพาไปทำงานค้าบริการตามสถานบันเทิงอโคจรต่างๆ บางคนถูกหลอกมาจากเมืองไทยเพราะคิดว่าจะมีงานสบายเงินดีให้ทำ ถึงกับยอมดิ้นรนกู้หนี้ยืมสินเพื่อเดินทางไปกันโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่ากำลังทำผิดกฎหมายของต่างประเทศ และมีความเสี่ยงสูงที่จะตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ได้
            สถานทูตแจ้งข้อมูลว่าเมื่อปี 2555 ที่ผ่านมามีหญิงไทยถูกตำรวจมัลดีฟส์จับกุมมากถึง 34 คน เกือบทั้งหมดเป็นกรณีลักลอบค้าประเวณีทั้งสิ้น
            กรมการกงสุลจึงขอย้ำเตือนหญิงไทยที่ต้องการไปทำงานที่มัลดีฟส์ให้ระวัง อย่าหลงเชื่อนายหน้าที่บอกว่าจะพาไปทำงานในร้านเสริมสวย ร้านนวดสปา หรือร้านอาหาร ถ้าข้อมูลไม่ชัดเจนจงอย่าเสี่ยงเด็ดขาด เพราะตำรวจมัลดีฟส์เข้มงวดในการกวาดล้างขบวนการค้าประเวณี หากถูกจับนอกจากจะอับอายขายหน้าแล้ว ภาพพจน์ของประเทศไทยก็จะเสียหายไปด้วย
            ได้ทราบข้อมูลแบบนี้แล้ว ต้องคิดให้รอบคอบถี่ถ้วน เพราะเกาะมัลดีฟส์ไม่ใช่สวรรค์บนดินสำหรับงานประเภทนี้แน่ๆ...



ด้วยความปรารถนาดีจาก
สอท. ณ กรุงโคลัมโบ


กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052

ระวัง! อย่าตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ในมาเลเซีย



สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ได้รายงานสรุปปัญหาคนไทยถูกหลอกลวงซึ่งเข้าข่ายตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ในประเทศมาเลเซีย โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มสำคัญ ดังนี้
1. กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการค้าบริการทางเพศและธุรกิจสปาและนวด ซึ่งมีทั้งประเภทที่เป็นกลุ่มคนที่ถูกหลอกให้มาเที่ยวหรือหญิงไทยทำหน้าที่เป็นนกต่อคอยช่วยเหลือและประสานกับเจ้าของสถานประกอบการ เหยื่อที่ถูกหลอกลวงลักษณะนี้ส่วนใหญ่เข้าข่ายเป็นกรณีการค้ามนุษย์ที่ชัดเจน ไม่ว่าจะมาโดยสมัครใจหรือถูกบังคับก็ตาม
2. กลุ่มแรงงานประมง ซึ่งถูกหลอกให้ไปทำงานบนเรือประมง หรือถูกมอมยานอนหลับแล้วพาขึ้นเรือประมง ถูกบังคับให้ทำงานหนัก บางวันต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน บางคนถูกเฆี่ยนตีและบังคับให้เสพยาเสพติดหรือยากล่อมประสาทต่างๆ เหยื่อที่เป็นแรงงานประมงเหล่านี้มีสภาพน่าเวทนา บางคนต้องกระโดน้ำหนีไต้ก๋งเรือไปขึ้นฝั่งในต่างประเทศก็มี




แม้ว่าเหยื่อชาวไทยส่วนใหญ่จะได้รับความช่วยเหลือจากทางการมาเลเซียให้พ้นจากขุมนรกในสถานบริการและเรือประมงกลางทะเลจนได้รับการส่งตัวกลับประเทศ แต่ตัวการที่อยู่เบื้องหลังการค้ามนุษย์ก็ยังลอยนวลไม่ถูกจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะเหยื่อส่วนใหญ่ไม่ให้ความร่วมมือ และไม่ต้องการถูกกักตัวเป็นพยาน จึงมักจะให้การว่าพวกตนสมัครใจมาเอง ไม่ได้ถูกใครหลอกหลวง นี่เป็นเรื่องน่าเศร้าใจมาก ถูกหลอกถูกบังคับจนแทบปางตาย แต่กลับปล่อยให้เรื่องเงียบหายไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ข้อเท็จจริงตรงนี้จึงต้องเรียกร้องให้สังคมตระหนักถึงปัญหาการค้ามนุษย์ในปัจจุบันว่าทุกภาคส่วนในสังคมต้องเข้ามาร่วมมือกันอย่างจริงจัง ทั้งปราบปราม ป้องกัน และเยียวยาเหยื่อผู้ตกทุกข์ได้ยาก...อย่าให้ปัญหานี้ลุกลามบานปลายไปมากกว่านี้เลย


กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052


ไทยมอบโคมไฟประดับรูปกินราให้นครลอสแอนเจลิสเพื่อฉลองความสัมพันธ์ 180 ปี ไทย-สหรัฐฯ





เมื่อวันที่ เม.ย. 2556 ออท. ชัยยงค์ สัจจิพานนท์ และ กสญ. เจษฎา กตเวทิน มอบเสาโคมไฟประดับรูปกินราจำนวน คู่ ให้นครลอสแอนเจลิสอย่างเป็นทางการในงานไทยนิวเยียร์สงกรานต์เฟสติวัล เพื่อฉลองความสัมพันธ์ 180 ปี ไทย-สหรัฐฯ รวมทั้งเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพและความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างประเทศไทยกับนครลอสแอนเจลิส ซึ่งมีชุมชนไทยในนครลอสแอนเจลิสเป็นตัวเชื่อมสำคัญ 
สถานกงสุลใหญ่ฯ ได้สนับสนุนงบประมาณจำนวน 24,000 ดอลลาร์สหรัฐในการติดตั้งเสาโคมไฟประดับรูปกินราในครั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเอกลักษณ์ความเป็นไทยในบริเวณไทยทาวน์ และเพื่อแสดงให้เห็นความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยที่จะร่วมมือกับชุมชนไทยในนครลอสแอนเจลิสในการพัฒนาไทยทาวน์ให้มีความเจริญก้าวหน้าต่อไป



Thailand gives a pair of Kinnara street lamps to Los Angeles to commemorate 180th anniversary of Thai-American relations

On 7 April 2013, Ambassador Chaiyong Satjipanon and Consul General Jesda Katavetin officially presented a pair of street lamps decorated with a Thai mythical creature called Kinnara to the City of Los Angeles during the annual Thai New Year Songkran Festival in Thai TownLos Angeles.

The Kinnara street lamps serve as a gift from the Royal Thai Government to commemorate the 180th Anniversary of Thai-American relations as well as to celebrate the natural bond of friendship between Thailand and the City of Los Angelesthat lies in the community of Thai-American Angelinos.  

The Royal Thai Consulate General in Los Angeles funded 24,000 US dollar to the project to help beautify the neighborhood of Thai Town and to show the Royal Thai Government’s commitment to working closely with the Thai community in Los Angeles in advancing its continued development.    




Komkrich Chongbunwatana
Consul
Royal Thai Consulate General
611 N. Larchmont Blvd.
Los AngelesCA 90004
Tel. 323 962 9574 ext. 223
Fax. 323 962 2128

กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052

วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2556

ฮ่องกงจะขาดแคลนผู้ช่วยแม่บ้านในอีก 2-3 ปี


สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฮ่องกง รายงานข้อมูลเกี่ยวกับแรงงานสตรีต่างชาติที่ประกอบอาชีพเป็นผู้ช่วยแม่บ้านในฮ่องกงว่าในปัจจุบันมีแรงงานต่างชาติประกอบอาชีพดังกล่าวมากถึง 313,732 คน โดยเป็นชาวฟิลิปปินส์มากที่สุด 157,639 คน รองลงมาคือ อินโดนีเซีย 149,968 คน และประเทศไทย 2,914 คน
อย่างไรก็ตาม บริษัทจัดหาแรงงานของฮ่องกงคาดการณ์ว่าจะเกิดภาวะขาดแคลนผู้ช่วยแม่บ้านต่างชาติในอีก 2-3 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะสตรีชาวฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย เนื่องจากรัฐบาลของทั้ง 2 ประเทศมีแผนจะลดจำนวนการส่งแรงงานประเภทนี้ไปยังเกาะฮ่องกงอย่างต่อเนื่องทุกปี
เรื่องอย่างนี้อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุปว่านี่เป็นโอกาสทองของแรงงานสตรีไทย แต่จำเป็นต้องมององค์ประกอบอื่นๆให้ถี่ถ้วนและรอบคอบด้วย เพราะการเดินทางไปทำงานในต่างแดนมิใช่ว่าจะเป็นเรื่องสุขสบายเสมอไป

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฮ่องกงเคยพบกรณีแม่บ้านสตรีไทยถูกนายจ้างเอารัดเอาเปรียบและละเมิดสิทธิในหลายรูปแบบเช่น จ่ายเงินค่าจ้างต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด ไม่ให้เงินชดเชยในวันหยุด รวมทั้งมีการทำร้ายลูกจ้างทั้งด้วยวาจาและร่างกาย ซึ่งทางกรมการกงสุลและสกญ.ต้องวิ่งออกไปช่วยเหลือและจัดคณะผู้แทนจากหลายหน่วยงานเป็นทีมสหวิชาชีพเพื่อลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้แรงงานไทยทราบเป็นระยะ
มีประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจและเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของแม่บ้านสตรีไทยในฮ่องกงก็คือ เมื่อเร็วๆนี้มีคดีความด้านแรงงานซึ่งศาลฎีกาของฮ่องกงพิพากษาตัดสินไม่ให้สิทธิพำนักถาวรแก่ผู้ช่วยแม่บ้านต่างชาติที่พำนักและทำงานอยู่ในฮ่องกงเป็นระยะเวลาเกินกว่า 7 ปี ซึ่งก็หมายความว่า ไม่ว่าจะทำงานอยู่นานแค่ไหน เขาก็ไม่ยอมให้พำนักแบบถาวรในฐานะเป็นพลเมืองของฮ่องกง อย่างไรก็ดี สำหรับแรงงานไทยแล้ว ส่วนใหญ่ตั้งใจไปทำงานเพื่อเก็บเงินเพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น พอได้เงินตามเป้าก็กลับประเทศไทย น้อยคนนักที่คิดจะปักหลักอย่างถาวร
ขอให้เชื่อเถอะว่า.. ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้ ก็ไม่มีที่ใดสุขกายสบายใจเท่าบ้านของเรา .. “ประเทศไทย”

คิดให้ดีคนไทย ก่อนลักลอบไปเมืองนอก


สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่นได้รายงานข้อมูลจำนวนบุคคลต่างด้าวที่พำนักในประเทศญี่ปุ่นอย่างผิดกฎหมายว่าในปัจจุบัน มีทั้งสิ้น 62,009 ราย โดยจำแนกเป็นรายประเทศได้ดังนี้
- เกาหลีใต้         15,607  ราย     - มาเลเซีย       2,192  ราย
- จีน                    7,730  ราย      - สิงคโปร์        1,304  ราย
            - ฟิลิปปินส์          5,722  ราย      - เปรู               1,143  ราย
            - ไต้หวัน              4,047  ราย      - เวียดนาม     1,110  ราย
            - ไทย              3,558  ราย         - ศรีลังกา       1,084  ราย
จากตัวเลขข้างต้นจะพบว่า ประเทศไทยก็ติดอยู่ในลำดับที่ 5 กับเขาเหมือนกัน แต่อย่างไรก็ดี จำนวนคนไทยที่ไปอยู่ญี่ปุ่นอย่างผิดกฎหมายได้ลดน้อยลงเป็นลำดับ หากเปรียบเทียบกับเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เนื่องจากรัฐบาลญี่ปุ่นเข้มงวดกับมาตรการตรวจคนเข้าเมืองมากเพื่อบรรเทาปัญหาต่าง ๆ ทางสังคม
กรมการกงสุลขอย้ำเตือนคนไทยเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยว่าการลักลอบเดินทางไปพำนักต่างประเทศอย่างผิดกฎหมายเป็นเรื่องที่ทั้งยุ่งยากและอันตรายอย่างยิ่ง อาจถูกจับกุมและส่งกลับตั้งแต่ไม่ทันจะได้เหยียบประเทศนั้น ๆ แม้จะหลุดรอดไปได้ก็ยังเสี่ยงต่อการถูกหลอกลวง ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ถ้าไปทำงานก็เป็นแรงงานเถื่อนไม่มีสัญญาจ้าง ได้เงินไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยอย่างที่ควร ยามเจ็บป่วยก็ไม่มีคนดูแล  ไม่สามารถไปรักษาในสถานพยาบาลได้ จึงขอให้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจแก่โรบินฮูดทั้งหลายว่าต้องคิดดี ๆ หากเกิดปัญหาขึ้น คนที่จะตกที่นั่งลำบากไม่ใช่เพียงตนเองเท่านั้น แต่ครอบครัวที่อยู่ทางเมืองไทยก็ต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย




ด้วยความปรารถนาดีจาก
: สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซากา
: กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
  กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ

ล่าสัตว์ป่าในประเทศเพื่อนบ้าน ... ติดคุกสถานเดียว


ในช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ปี ๒๕๕๖  นี้  ท่านกงสุลสุขทีป รันดาเว  ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ แขวงสะหวันนะเขตประเทศลาว  ต้องเดินทางไปราชการอย่างเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือราษฎรไทย จำนวน  ๘  คน จาก จ.อุบลราชธานี  ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแขวงจำปาสัก จับกุมในข้อหาลักลอบเข้าเมืองและพกพาอาวุธเข้าไปล่าสัตว์ในพื้นที่ป่าเขาบริเวณชายแดนฝั่งลาว  คนไทยทั้งแปดรายนั้นถูกจับมาตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว  ต่อมาได้ถูกศาลประเทศลาวตัดสินลงโทษจำคุกเป็นระยะเวลา ๖ เดือน และแถมโทษปรับไหมอีก เป็นเงินคนละ  ๕๐๐  ดอลลาร์สหรัฐ  เรียกว่า  กว่าจะพ้นโทษออกมาได้ก็แทบสะบักสะบอมท่านกงสุลต้องช่วยติดต่อประสานงานในการชำระค่าปรับ  ก่อนจะรับตัวคนไทยทั้งหมด แล้วพามาส่งที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองช่องเม็ก อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี  โดยสวัสดิภาพ
เรื่องราวของคนไทยทั้ง ๘ รายข้างต้น  ต้องถือว่าทุกคนยังโชคดีที่ได้เดินทางกลับบ้านเกิดอย่างปลอดภัย และมีโอกาสกลับมาร่วมสังสรรค์วันสงกรานต์กับครอบครัวได้ตามประเพณี     งานนี้ก็ขอฝากไว้เป็นข้อคิดเตือนใจว่า ประเทศลาวเป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับไทย  เราพูดคุยกันรู้เรื่องมีความผูกพันกันมาอย่างแน่นแฟ้นยาวนาน  ดังนั้น     พี่น้องประชาชนคนไทยที่มีถิ่นฐานบ้านเรือนอยู่ตามแนวตะเข็บชายแดนจำเป็นต้องเคารพกฏหมายของประเทศเพื่อนบ้านอย่างเคร่งครัด  ไม่ควรทำอะไรตามใจโดยพลการ ต้องไม่ยึดผลประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง    ไม่เช่นนั้นก็อาจประสบกับชะตากรรมเลวร้ายดังเช่นกรณีข้างต้นได้

กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ

วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2556

ขนยาไปจีน เป็นภัยถึงชีวิต!!


สถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจวรายงานข้อมูลหญิงไทยโดนหลอกให้ขนยาเสพติดเข้าประเทศจีนมาให้ทราบเป็นระยะ แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังมีคนไทยถูกจับในคดียาเสพติดจำนวนมาก โดยเฉพาะที่เมืองกว่างโจว มณฑลกวางตุ้ง ถูกจับรวมแล้วกว่า 40 ราย ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นหญิงไทยที่ตกเป็นเหยื่อถูกหลอกให้ขนยาเสพติด ทั้งเฮโรอีน ยาบ้า และโคเคน  มิจฉาชีพเหล่านี้เป็นคนต่างชาติที่มักจะเข้ามาสร้างความสนิทสนม บางรายถึงขั้นคบหาอยู่กินกันจนผู้หญิงไว้ใจ จากนั้นจึงชักชวนให้เข้ามาร่วมในขบวนการค้ายาเสพติด บางคนโชคร้ายถูกใช้ให้ขนยาทั้งๆที่กำลังตั้งครรภ์ จนถูกจับติดคุกติดตาราง และต้องคลอดลูกในเรือนจำอย่างน่าเวทนา

กรมการกงสุลจึงขอย้ำเตือนอีกครั้งว่า รัฐบาลจีนมีกฎหมายและมาตรการป้องกันปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มงวดและเด็ดขาด การลักลอบขนยาเสพติดมีบทลงโทษรุนแรงถึงประหารชีวิต ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยลงโทษให้เห็นเป็นตัวอย่างมาแล้ว
แม้ว่าประเทศไทยจะไม่ใช่เป้าหมายของการค้ายาเสพติด แต่เราก็เป็นประเทศทางผ่านของยาเสพติดก่อนจะส่งไปจำหน่ายในภูมิภาคอื่นๆ ปัญหายาเสพติดเป็นอาชญากรรมข้ามชาติที่มีเครือข่ายทั่วโลก พวกนี้มักใช้หญิงไทยเป็นเครื่องมือขนยาเสพติด ทั้งโดยการหว่านล้อม ล่อลวง และว่าจ้างด้วยเงินทอง ซึ่งหญิงไทยส่วนใหญ่ที่ตกเป็นเหยื่อโดยมากแล้วจะอยู่ในกลุ่มผู้ด้อยโอกาสด้านการศึกษา ต้องดิ้นรนทำงานบริการในสถานบันเทิงเริงรมย์ต่างๆ อาทิ พัทยา เกาะสมุย ภูเก็ต ฯลฯ เรียกได้ว่าเพียงแค่ใช้ชีวิตในแต่ละวันก็ลำบากอยู่แล้ว ยังถูกมิจฉาชีพต่างด้าวหลอกลวงซ้ำเติมอีก

ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป หญิงไทยต้องระวังตัวให้จงหนัก คิดให้รอบคอบก่อนจะคบหาสนิทสนมกับใคร... อย่าไว้ใจคนใกล้ตัว จะเป็นภัยถึงชีวิตได้

ด้วยความปรารถนาดีจาก
: สถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว
: กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
  กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ

วันจันทร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2556

ระวัง! โดนหลอกผ่าน Call Centre สื่อออนไลน์


สถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจวได้เตือนภัยมาอีกแล้วเกี่ยวกับการหลอกลวงคนไทยให้ทำธุรกรรมผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ต่างๆ อาทิ การสื่อสารออนไลน์ อีเมล์และเว็บไซด์ รวมทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ (Call Centre) ที่กำลังระบาดหนักอยู่ในสังคมทุกวันนี้ มีการหลอกให้เหยื่อหลงเชื่อโอนเงินทำธุรกรรม คนไทยเสียรู้และหมดสิ้นเงินทองไปไม่น้อย ส่วนใหญ่ก็ถูกหลอกให้โอนเงินไปยังบัญชีธนาคารในมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีนเพื่อสั่งซื้อสินค้าหรือร่วมลงทุนทำธุรกิจ ซึ่งในที่สุดแล้วก็ถูกมิจฉาชีพเชิดเงินหายไป จึงต้องระวังตัวให้มาก  ยิ่งเป็นแก๊งหลอกลวงผ่านคอลเซ็นเตอร์แล้ว พวกนี้มักจะมีฐานอยู่ในต่างประเทศ ต้องประสานให้ตำรวจสากลมาช่วยจับกุม เหตุการณ์ฉ้อโกงแบบนี้เกิดขึ้นได้ทั่วโลก อาจเป็นขบวนการข้ามชาติที่ไม่ใช่คนไทยหรือคนจีนด้วยซ้ำ ดังนั้น คนไทยจึงต้องระวังตัว อย่าหลงเชื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้ ก่อนจะติดต่อทำธุรกรรมกับชาวต่างชาติรายใด ต้องตรวจสอบที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์และข้อมูลอื่น ๆ ของบริษัทปลายทางให้มั่นใจก่อนว่ามีตัวตนอยู่จริง และถ้าพบเบาะแสอาชญากรรมในลักษณะนี้ ก็ขอให้ช่วยกันแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ทราบเพื่อปราบปรามจับกุมมารสังคมเหล่านี้ทันที

ด้วยความปรารถนาดีจาก
: สถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว
: กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
  กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ