วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2557

โปรดทราบ : สำนักงานตำรวจเนเธอร์แลนด์จะยุติการให้บริการ Tourist Assistance Service (TAS)


สำนักงานตำรวจเนเธอร์แลนด์จะยุติการให้บริการ Tourist Assistance Service (TAS) ซึ่งเป็นศูนย์ให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ผู้เข้าร่วมประชุม และนักธุรกิจที่ประสบเหตุร้ายในเนเธอร์แลนด์ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2558 เป็นต้นไป เนื่องจากขาดเงินสนับสนุน/ช่วยเหลือ จากองค์กรต่างๆและจากเทศบาล อย่างไรก็ตาม จะมีองค์กรชื่อว่า Slachtofferhulp Nederland (Victim Support Netherlands) เข้ามาทำหน้าที่แทน TAS โดยในช่วงปลายเดือน ธ.ค. 2557 TAS จะแจ้งผู้ที่ติดต่อเข้ามาที่หมายเลขรับแจ้งเหตุของ TAS (070 424 4000) ว่าให้ติดต่อไปที่ Victim Support Europe ได้ที่หมายเลข 116-006 และ Victim Support Netherlands ได้ที่หมายเลข 0900-0101 แทน หากท่านต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อ TAS ได้ที่หมายเลข 070 424 4209 ทุกวันทำการ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. - 16.00 น. หรืิอทางอีเมลล์ TAS@haaglanden.politie.nl


สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก
http://royalthaiembassy.nl

กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052



วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ข้อควรรู้เกี่ยวกับบทลงโทษสำหรับการกระทำผิดในประเทศสิงคโปร์ สำหรับชาวไทยที่อาศัยอยู่ในสิงคโปร์และนักท่องเที่ยวชาวไทยที่จะเดินทางมายังสิงคโปร์

ประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศที่ได้ชื่อว่ามีความเป็นระเบียบเรียบร้อยและปลอดภัยในระดับที่ดีมากประเทศหนึ่งในโลก โดยสิงคโปร์มีกฎหมายที่เข้มงวดและมีบทลงโทษสูงในการกระทำผิดต่างๆ เพื่อรักษามาตรฐานคุณภาพชีวิตที่ดีของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับเรื่องการค้ายาเสพติด การติดสินบนเจ้าพนักงาน/เจ้าหน้าที่ และการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยบทลงโทษสูงสุดของสิงคโปร์คือ การประหารชีวิต

ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ทั้งคนไทยที่อาศัยอยู่ในสิงคโปร์และนักท่องเที่ยวชาวไทยที่จะเดินทางมายังสิงคโปร์ ควรจะต้องทราบข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างเคร่งครัด

การกระทำผิดที่มีโทษประหารชีวิต
- ค้ายาเสพติด เป็นความผิดที่มีโทษรุนแรง และสิงคโปร์ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในเรื่องนี้ การค้ายาเสพติดบางประเภทตามปริมาณขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนด มีโทษคือ ประหารชีวิต หรือ จำคุกตลอดชีวิต และการค้ายา เสพติดบางประเภท มีโทษรองลงมาคือ จำคุกระหว่าง 20 – 30 ปี และเฆี่ยนด้วยหวาย 15 ครั้ง
- ฆาตกรรม ผู้กระทำผิด มีโทษประหารชีวิต

การกระทำผิดเกี่ยวกับการลักลอบเข้าเมือง/ลักลอบทำงาน
- เดินทางเข้าสิงคโปร์โดยผิดกฎหมาย โทษจำคุก 1 ปี หรือปรับสูงถึง 4,000 ดอลลาร์สิงคโปร์
- พำนักในสิงคโปร์เกินกำหนดที่ได้รับอนุญาต โทษจำคุกสูงถึง 6 เดือน หรือเสียค่าปรับ 4,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือทั้งจำทั้งปรับ และถูกส่งกลับประเทศ หากอยู่เกิน 90 วันจากเวลาที่กำหนด จะมีโทษเฆี่ยนอย่างน้อย 3 ครั้ง และจำคุกสูงสุด 6 เดือน
- ลักลอบทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน โทษจำคุก 12 เดือน หรือเสียค่าปรับ 5,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือถูกเฆี่ยนด้วยหวาย 3 ครั้ง และถูกส่งกลับประเทศ
- ให้ที่พักอาศัยแก่ผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย โทษสูงสุดจำคุก 1 ปี หรือเสียค่าปรับสูงถึง 4,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือทั้งจำทั้งปรับ

การกระทำผิดเกี่ยวกับการติดสินบนเจ้าหน้าที่
- ติดสินบนเจ้าหน้าที่ จำคุกสูงสุด 5 ปี ปรับ 100,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือทั้งจำทั้งปรับ

การกระทำผิดเกี่ยวกับการก่อจลาจลหรือชุมนุมประท้วง
- ชุมนุมหรือเดินขบวนผิดกฎหมาย จำคุกสูงสุด 2 ปี
- ก่อจลาจล ต้องโทษสูงสุดคือ จำคุก 5 ปี พร้อมเฆี่ยนด้วยหวาย หากใช้อาวุธ เพิ่มโทษเป็นจำคุกสูงสุด 7 ปี

การกระทำผิดทั่วไปในชีวิตประจำวัน
- ไม่ทิ้งขยะในถังขยะ ปรับสูงสุด 1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์
- ปัสสาวะในที่สาธารณะ ปรับสูงสุด 1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์
- ข้ามถนนในที่ห้ามข้าม จำคุกสูงสุด 3 เดือน หรือปรับสูงสุด 1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์
- เมาสุราในที่สาธารณะ จำคุกสูงสุด 1 เดือน หรือปรับสูงสุด 1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์
- ทะเลาะวิวาท โทษสูงสุดจำคุก 1 ปี หรือเสียค่าปรับ สูงถึง 1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือทั้งจำทั้งปรับ
- ลักทรัพย์ (ลัก จี้ ชิง ปล้น หรือขโมยของในร้านค้า) จำคุก 3 – 7 ปี หรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ
- ซื้อหรือขายบุหรี่หนีภาษี ปรับสูงสุด 5,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ถ้าทำผิดซ้ำอาจต้องโทษจำคุกสูงสุด 2 ปี
- เล่นการพนันแบบผิดกฎหมาย โทษสูงสุดจำคุก 6 เดือนหรือเสียค่าปรับสูงถึง 5,000 ดอลลาร์สิงคโปร์


สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์
http://thaiembassy.sg

กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052


วันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2557

พึงระวังเมื่อไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น : อาจถูกห้ามเข้าประเทศได้


เหตุผลการปฏิเสธไม่ให้คนต่างชาติเข้าประเทศญี่ปุ่นมี 5เหตุผลหลักๆได้แก่

1.             หนังสือเดินทางมีอายุไม่ถึง 6 เดือน
2.             วัตถุประสงค์การเข้าเมืองไม่เป็นความจริง
3.             กิจกรรมที่จะเข้ามาดำเนินการในญี่ปุ่นไม่สอดคล้องกับระเบียบ ตม.
4.             ระยะเวลาในการพำนักในญี่ปุ่นไม่เป็นไปตามระเบียบ ตม.
5.             เป็นบุคคลที่อยู่ในข่ายไม่ให้เข้าประเทศ เช่น เคยถูกเนรเทศออกจากญี่ปุ่น                  หรือเคยมีประวัติถูกดำเนินคดีทางอาญาในญี่ปุ่น

เท่าที่ทราบ หากใครถูกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ประเทศญี่ปุ่น ปฏิเสธมิให้เข้าเมือง และต้องค้างคืนรอเครื่องบินเพื่อเดินทางกลับ ยังจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆเอง เช่น ค่าที่พัก อาหาร รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการรักษาความปลอดภัยของสนามบินอีกด้วย ดังนั้นเตรียมเอกสารไว้ให้พร้อมก่อนไปเที่ยวญี่ปุ่น.......จึงดีที่สุด


สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว
http://thaiembassy.jp

กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052

วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เตือนแรงงานไทยที่ต้องการไปทำงานที่ประเทศยูเครน


ในช่วงปีที่ผ่านมา

สถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองภายในประเทศยูเครนที่มีการแบ่งแยกดินแดนทางตะวันออกของประเทศโดยกลุ่มนิยมรัสเซีย  ส่งผลให้สภาวะเศรษฐกิจของยูเครนได้หดตัวลงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเกิดพลพวงจากสถานการณ์ความวุ่นวายต่างๆที่เกิดขึ้นภายในประเทศยูเครนมากมาย ทำให้มีประชาชนได้รับผลกระทบและเดือนร้อนเป็นจำนวนมาก และจากสถานการณ์ดังกล่าวนั้นทำให้แรงงานงานไทยที่ทำงานอยู่ในประเทศยูเครนได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก กล่าวคือ แรงงานไทยหลายๆคนประสบปัญหานายจ้างค้างจ่ายเงินเดือนและจ่ายล้าช้ากว่ากำหนด โดยบางบริษัทได้ค้างจ่ายเงินเดือนพนักงานมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2557 เหตุเพราะว่านายจ้างนั้นไม่สามารถแลกเงินจากสกุลเงินฮริฟเนียยูเครน ซึ่งท้องถิ่นของยูเครนมาเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐได้เพียงพอเพราะการจำกัดการแลกเงินตราต่างประเทศของธนาคารยูเครน ทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินเดือนได้ตามกำหนดแก่พนักงาน นั่นทำให้บางบริษัทนั้นไม่ยอมจ่ายค่าจ้างเป็นดอลลาร์สหรัฐ แต่ได้จ่ายเป็นสกุลฮริฟเนียยูเครนที่มีอัตราการแลกเปลี่ยนที่ต่ำมาก  อีกทั้งยังไม่สามารถแลกเงินไปดอลลาร์สหรัฐได้ในธนาคารทั่วไป ทำให้ต้องไปแลกเงินในตลาดมืด ซึ่งมีอัตราแลกเปลี่ยนที่ทำให้ขาดทุนมาก จึงส่งเงินกลับประเทศไทยได้น้อยลงและยังได้รับความลำบากในการส่งเงินกลับประเทศไทยอีกด้วย

ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้นนั้น ทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโกและสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงเคียฟได้พยายามที่จะช่วยแก้ปัญหาของแรงงานไทยที่ได้รับความลำบากอย่างต่อเนื่อง ทั้งการติดตามสถานการณ์ในยูเครน ประสานงานกับคนไทยในยูเครนในเมืองต่างๆเป็นระยะ การเจรจากับบริษัทนายจ้างให้เร่งจ่ายค่าจ้างแรงงานเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐอย่างเร่งด่วนเพื่อช่วยบรรเทาทุกข์ของแรงงานไทยในยูเครน อีกทั้งยังคอยจับตาดูนายจ้างบริษัทต่างๆอย่างใกล้ชิด ว่าหากไม่ทำตามสัญญาที่ทำไว้กับลูกจ้างที่เป็นแรงงานไทยก็อาจจะไม่รับรองสัญญาจ้างงานให้กับบริษัทเหล่านั้นด้วย และสำหรับแรงงานไทยที่ต้องการไปทำงานที่ประเทศยูเครนนั้นสามารถเดินทางไปทำงานในประเทศยูเครนได้ แต่จะต้องส่งสำเนาบัตรประชาชนที่เขียนกำกับว่า ตนทราบความเสี่ยงและยืนยันที่จะไปทำงานที่ประเทศยูเครน แนบไปกับสัญญาจ้างงานเพื่อเป็นการยืนยันความต้องการของตน นอกจากนี้ ก่อนที่จะเดินทางไปทำงานก็ควรที่จะตรวจสอบข้อมูลสัญญาจ้างของบริษัทที่ตนต้องการที่จะไปทำงานด้วยว่าคุ้มค่ากับการไปหรือไม่ เช่น การมีหนังสือรับรองความปลอดภัย หรือความรับผิดชอบในการอพยพแรงงานไทยกลับประเทศไทยโดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการส่งตัวแรงงานไทยกลับหากสถานการณ์มีความรุนแรงมากขึ้น  เป็นต้น โดยกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงแรงงานแนะนำให้แรงงานชะลอการเดินทางไปทำงานในประเทศยูเครน ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของตัวแรงงานเองด้วย



สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโกและสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงเคียฟ 
http://en.thaiembassymoscow.com/

นายกิตติศักดิ์ ปุ้ยฮะ
กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052

ห้ามนำเงินตราต่างประเทศออกนอกประเทศปากีสถานเกินกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ



       การทำความเข้าใจเกี่ยวกับด้านกฎหมายในแต่ละประเทศที่ตนจะเดินทางไปเที่ยว ทำงานหรือแม้กระทั่งผ่านในขณะรอการเปลี่ยนเครื่องที่ท่าอากาศยานในต่างประเทศนั้น เราควรใส่ใจในเรื่องของข้อมูลเบื้องต้นให้ดีๆก่อนจะไป เพราะมีหลายกรณีที่คนไทยถูกจับในต่างประเทศเพราะเกิดจากความไม่รู้นั้นเอง เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2557 นางบี (นามสมมุติ) ได้ถูกนำตัวขึ้นศาลชั้นต้น ที่เมืองราวัลปินดี ประเทศปากีสถานและศาลได้ส่งตัวนางบีไปคุมขังที่เรือนจำ Adiala ในเมืองเดียวกัน 

        โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอิสลามาบัด ได้จัดหาทนายความเพื่อยื่นขอประกันตัว โดยเหตุที่นางบีถูกจับนั้นเกิดจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำท่าอากาศยาน Benazir Bhutto International Airport เมืองราวัลปินดี ได้ตรวจพบว่านางบีได้นำเงินจำนวน 26,362 ดอลลาร์สหรัฐ 100 ปอนด์ 20 ยูโร และ6,480 บาท ออกนอกประเทศ  ซึ่งถือว่านางบีได้นำเงินตราต่างประเทศออกนอกประเทศปากีสถานเกินกว่าจำนวน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐตามที่กฎหมายปากีสถานกำหนดไว้ 
         จากกรณีข้างต้น กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล ขอเตือนนักท่องเที่ยวชาวไทยหรือผู้ที่จะไปทำงานในประเทศปากีสถาน ห้ามนำเงินตราต่างประเทศออกนอกประเทศปากีสถานเกินกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ มิเช่นนั้นจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย


สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอิสลามาบัด
http://www.thaiembassy.org/islamabad/

กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052

วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ตาม"กรมการกงสุล" เยี่ยมแรงงานไทยในไต้หวัน(จบ)





รองอธิบดีกรมการกงสุลร่วมยินดีกับแรงงานไทย

ระหว่าง อยู่ในไต้หวัน ได้มีโอกาสพูดคุยกับ นางรติวัณณ สุนทรา ผอ.สนง.แรงงานไทยประจำไทเป ทำให้ทราบว่าปัญหาเดิมๆ ที่แรงงานไทยพบคือเรื่องค่าหัวขณะนี้ไม่มีแล้ว แต่กลายเป็นแรงงานกลับก่อนสัญญาจ้างทำให้นายจ้างไม่จ่ายค่าใช้จ่ายให้เพราะยกเลิกสัญญาก่อน เพราะระยะหลังหากแรงงานเจองานที่ไม่ชอบก็จะขอกลับทันที เนื่องจากค่าจ้างแรงงานในไต้หวันไม่สูงตกเดือนละ 19,000 บาท จึงไม่ดึงดูดเหมือนอิสราเอลและเกาหลีใต้ บางส่วนก็รองานที่ประเทศอื่นซึ่งยังไม่เรียกตัว พอเขาเรียกก็ขอกลับเช่นกัน อีกทั้งลักษณะการทำงานในไต้หวัน มีการดูแลและมีสวัสดิการให้แต่มีการหักค่าใช้จ่าย ทำให้แรงงานไม่อยากมา อย่างไรก็ดีเชื่อว่าหากแรงงานไม่เที่ยวเตร่ ฟุ่มเฟือย หรือจีบสาว ก็น่าจะอยู่ได้ 

ผอ.รติวัณณบอกว่า แม้ดูจากสถิติตัวเลขปัจจุบัน แรงงานไทยในไต้หวันจะกลายเป็นแรงงานต่างชาติซึ่งมากเป็นกลุ่มที่ 4 โดนอินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์แซงหน้า แต่นายจ้างไต้หวันก็ยังชอบคนไทยอยู่ ติดที่หาคนไม่ได้จึงต้องหันไปจ้างแรงงานจากประเทศอื่น ผอ.รติวัณณยืนยันว่าไต้หวันยังเป็นตลาดที่น่ามาสำหรับแรงงานไทย เพราะเป็นตลาดที่มีความคุ้นเคยกับแรงงานไทย และไม่ดูถูกแรงงานต่างชาติ อีกทั้งจะมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำขึ้นอีก เมื่อรวมกับค่าทำงานล่วงเวลาก็จะมีรายได้เพิ่ม นอกจากนี้ กองทุนประกันภัยตามกฎหมายไต้หวันก็มีประสิทธิภาพ หากแรงงานประสบปัญหา นายจ้างและบริษัทจัดหางานก็จะร่วมกันดูแลรับผิดชอบอย่างดี

ทั้งนี้ ปัญหาที่พบมากในหมู่แรงงานไทยในช่วงหลังคือเรื่องยาเสพติด แม้พยายามประชาสัมพันธ์ไม่ให้แรงงานไทยเข้าไปพัวพัน เริ่มจากแรงงานไทยที่มักจะไปสังสรรค์เฮฮาหลังเลิกงานแล้วมีกลุ่มคนที่ขายยาเสพติดนำมาให้ลอง ที่สุดก็ติด พอไม่มีเงินซื้อก็ก้าวไปเป็นช่วยขายให้กับเพื่อนๆ แรงงานไทยด้วยกัน ขณะนี้สำนักงานแรงงานไทยก็ได้ประสานกับตำรวจไต้หวัน ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง รวมถึงนายจ้าง เพื่อหาทางสาวไปให้ถึงต้นตอเช่นกัน


รติวัณณ สุนทรา, อำไพ เสมาเพชร



ผอ.รติวัณณยังให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า ขณะนี้ไทยกำลังจัดทำระบบจ้างงานตรงออนไลน์ผ่านอินเตอร์เน็ตกับกระทรวงแรงงานไต้หวัน โดยไทยเป็นประเทศแรกที่มีการดำเนินการในลักษณะนี้ ซึ่งจะมีการนำรายชื่อแรงงานที่มีการขึ้นทะเบียนใส่ไว้ในบัญชีรายชื่อหรือที่เรียกว่า ?เลเบอร์ แบงก์? แล้วเปิดให้นายจ้างที่ได้รับอนุญาตเข้าไปคัดเลือก ก่อนจะจัดให้มีการสัมภาษณ์งานผ่านสไกป์ ซึ่งเริ่มดำเนินการแล้วในส่วนของผู้ที่มาทำงานเป็นผู้อนุบาลดูแลคนชรา โดยวางแผนจะขยายไปยังภาคการผลิตในอนาคต ซึ่งจะทำให้นายจ้างสามารถจ้างตรงแรงงานได้เลย 

คณะของกรมการกงสุลนำโดย ท่านรองอธิบดีประสิทธิพร เวทย์ประสิทธิ์ ยังได้ไปเยี่ยมแรงงานไทยในโรงงานต้าถุง ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านซึ่งเป็นที่รู้จัก และโรงงานวาโก้ ไต้หวัน ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองเถาหยวน เมืองอุตสาหกรรมที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงไทเปนักและเป็นพื้นที่ซึ่งมีแรงงานต่างชาติทำงานอยู่มากที่สุดในไต้หวัน และมีแรงงานไทยอยู่ถึงกว่า 17,500 คน จากที่ได้พูดคุยกับแรงงานและนายจ้าง เดินชมหอพัก ห้องสันทนาการ และห้องอาหารที่จัดไว้ให้พนักงาน ทำให้เห็นว่า นายจ้างไต้หวันค่อนข้างใส่ใจดูแลพนักงานเป็นอย่างดี แน่นอนว่าการอยู่ร่วมกันของคนหมู่มากย่อมต้องมีปัญหาเกิดขึ้น แต่เมื่อแจ้งให้นายจ้างทราบก็ดูจะได้รับการตอบรับในทางบวกว่าจะเร่งหาทางแก้ไข

แรงงานไทยหลายคนที่ได้พบทำงานอยู่ในไต้หวันนานแล้ว พวกเขาพูดคล้ายกันว่ารายได้จากการทำงานที่นี่เพียงพอที่จะส่งกลับไปให้กับทางบ้านทั้งเพื่อปลดหนี้และเลี้ยงดูครอบ ครัว ถ้าเพียงแต่เรารู้จักอดออม มุมานะทำงานเก็บเงิน ไม่หลงใหลไปกับสิ่งยั่วยุต่างๆ นางอำไพ เสมาเพชร ชาวชัยภูมิ ซึ่งทำงานที่โรงงานวาโก้ ไต้หวัน ทำงานในไต้หวันมาแล้วถึง 10 ปี และเคยได้รับรางวัลแรงงานดีเด่นบอกว่า การมาทำงานที่นี่ทำให้รับผิดชอบตัวเองได้ ส่งลูกเรียน มีเงินให้พ่อแม่ใช้ และมีอะไรเป็นของตัวเองจากที่ไม่มีอะไรก็กลายเป็นที่พึ่งให้ครอบครัวได้ นอกจากนี้ เมื่อได้รับรางวัลยังมีโอกาสให้ลูกชายคนเดียวมาเยี่ยมแม่ที่ทำงาน เมื่อลูกมาเห็นแม่ทำงานกลับไปก็รู้จักค่าของเงินมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับคนเป็นแม่ นี่คือสิ่งที่ดีใจมากที่สุด


นายจ้างดีใจกับพัทธยา



สำนักงานแรงงานไทยประจำไทเปยังพาเราไปร่วมงานประกาศรางวัลแรงงานต่างชาติดีเด่น และการประกวดภาพถ่าย ภาพวาด และกวีนิพนธ์ ซึ่งกองแรงงาน เทศบาลเมืองเถาหยวนจัดขึ้น เพื่อให้กำลังใจแก่แรงงานต่างชาติที่ทำหน้าที่ได้อย่างดี และเปิดโอกาสให้แรงงานต่างชาติได้แสดงความสามารถในด้านอื่นๆ โดยมีแรงงานไทยที่ได้รับคัดเลือกเป็นแรงงานต่างชาติดีเด่นของเมืองเถาหยวนประจำปีนี้ถึง 6 คน คือ นายพัทธยา เผียงสูงเนิน นายชัยชนะ คำภูแก้ว นายพรชัย พิวพรรณ์

นายสถิตย์ พินธุนิบาต และนายสมาน เจียงเพ็ง นอกจากนี้ แรงงานไทยยังชนะการประกวดกวีนิพนธ์ ถึง 2 คน คือ นายคัมภีร์ ฤกษ์น้ำเพชร เจ้าของบทกวี ?ความห่างไกลจาก 1,350 น็อต? ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ และ นายเจริญชัย ชารีตุ้ม ที่ได้รับรางวัลชมเชยจากบทกวี ?นักรบแรงงาน? โดยนายเจริญชัยยังพ่วงรางวัลชมเชยจากการประกวดภาพถ่ายอีกด้วย

นายพัทธยา เผียงสูงเนิน หนุ่มโคราชที่มาทำงานในไต้หวันเป็นปีที่ 9 ลูกจ้างบริษัทเทกซ์ เยียร์ อินดัสเตรียล ซึ่งเป็นโรงงานผลิตกาวแท่ง และได้รับรางวัลแรงงานต่างชาติดีเด่นในปีนี้แถมยังพ่วงรางวัลแรงงานดีเด่นลำดับ 2 บอกว่า ดีใจที่ได้รับรางวัลทั้งที่ไม่ได้คิดคาดหวังอะไร เขาบอกว่ามาทำงานที่โรงงานแห่งนี้ เป็นแห่งที่ 2 เมื่อครบ 3 ปีก็คงจะกลับมาทำอีกครั้ง เพราะสภาพการทำงานทุกอย่างดี ที่พักก็สะดวกสบาย มาอยู่ที่นี่เขาบอกว่าให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน เพราะนายจ้างดูแลดีมาก และดูแลทุกอย่าง พัทธยาไม่รู้สึกอะไรกับการที่มีการหักเงินรายเดือนเพราะเราไปอาศัยอยู่กับเขา อยากได้อะไรนายจ้างก็หามาให้ แถมคิดว่าคุ้มที่เขาหักเงินไปเพราะได้รับการดูแลพร้อมสรรพ

พัทธยาบอกว่า ก่อนเดินทางมาทำงานที่ไต้หวันเขาไม่ได้คาดหวังอะไร แต่เมื่อได้มาก็เห็นข้อดีว่าเราได้ดูแลตัวเอง เก็บเงินเอง ไม่ต้องพึ่งใคร หากอยากได้เงินเยอะก็ต้องทำงานล่วงเวลา หากคิดถึงคนทางบ้าน ยุคนี้ก็มีอินเตอร์เน็ตให้ติดต่อกันได้ พร้อมกับฝากไปถึงคนที่สนใจมาทำงานในต่างประเทศว่า หากคิดจะมาทำงานก็ต้องตั้งใจทำ อาจจะเหนื่อยบ้าง พักบ้าง แต่ที่สำคัญคือให้คิดถึงคนอยู่ข้างหลัง 

เมื่อได้เห็นงานที่เทศบาลเมืองเถาหยวนจัดขึ้น รวมถึงเห็นบรรยากาศของการจัดงานซึ่งไม่เพียงแต่มอบรางวัลให้ลูกจ้างซึ่งเป็นแรงงานต่างชาติ แต่ยังรวมถึงนายจ้างที่เป็นชาวไต้หวัน สิ่งที่สัมผัสได้คือความใส่ใจและการให้ความสำคัญกับแรงงานต่างชาติ ซึ่งถือเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไต้หวัน ได้เห็นความรักใคร่ใส่ใจจากนายจ้างที่ยกครอบครัวมาให้กำลังใจและแสดงความยินดีกับแรงงานไทยที่เป็นลูกจ้างของตน ซึ่งได้รับรางวัลในงาน 

และที่สำคัญที่สุดคือ เห็นว่าแรงงานต่างชาติในไต้หวันอยู่ในสถานะที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีเช่นกัน



วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 37 ฉบับที่ 13370 มติชนรายวัน
รายงานพิเศษ

โดย วรรัตน์ ตานิกูจิ 
หน้า 22


สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย ไทเป ประเทศไต้หวัน
http://www.tteo.org.tw/thai/

กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052


วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ตาม'กรมการกงสุล' เยี่ยมแรงงานไทยในไต้หวัน (1)



ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา กรมการกงสุล กรมที่รับภารกิจหลักในการให้บริการประชาชนและดูแลช่วยเหลือคน ไทยของกระทรวงการต่างประเทศ นำโดย นายประสิทธิพร เวทย์ประสิทธิ์ รองอธิบดีกรมการกงสุล นำคณะเดินทางเยือนไต้หวัน เพื่อดูสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของแรงงานไทยในไต้หวัน

ต้องยอมรับว่าด้วยความที่ไม่ได้เดิน ทางไปไต้หวันมานานกว่า 20 ปี และความไม่รู้ จึงอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า ทำไมต้อง "ไต้หวัน" จนได้คำตอบว่า ก็เพราะชุมชนคนไทยในไต้หวันมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 เป็นรองเพียงสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แม้ปัจจุบันแรงงานไทยที่เดินทางเข้าไปทำงานในไต้หวันจะลดลงจากในอดีต เพราะเป้าหมายของแรงงานไทยยุคนี้จะอยู่ที่เกาหลีใต้และอิสราเอลมากกว่า แต่ไต้หวันก็ยังถือเป็นหนึ่งใน "ตลาดหลัก" ของแรงงานไทยอยู่นั่นเอง

ท่านทูตเกรียงศักดิ์ กิตติชัยเสรี ผู้อำนวยการสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทยประจำไทเปของไต้หวัน ให้ความกระจ่างว่า ไม่กี่ปีก่อนแรงงานไทยในไต้หวันมีมากถึงเกือบหลักแสน แต่เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันและจีนดีขึ้น นักลงทุนไต้หวันก็ทำการย้ายฐานการผลิตไปยังจีนและพาแรงงานส่วนหนึ่งไปด้วย แรงงานไทยในไต้หวันจึงลดลงจาก 7-8 หมื่นคน เหลือเพียงเกือบ 6 หมื่นคนในปัจจุบัน

นอกจากนี้ เหตุที่แรงงานไทยเดินทางมาไต้หวันน้อยลง ยังมีสาเหตุมาจากค่าจ้างที่ไต้หวันค่อนข้างต่ำ เพราะค่าแรงขั้นต่ำที่ไต้หวันอยู่ที่ราว 1.9 หมื่นบาทเท่านั้น อีกทั้งแรงงานยังรู้สึกว่า ต้องมีค่าใช้จ่ายรายเดือนที่ถูกหักอีกจำนวนหนึ่ง ทั้งให้กับบริษัทนายหน้าที่พาเข้ามาหางานในไต้หวัน เนื่องจากรัฐบาลไทยและไต้หวันไม่สามารถทำการจ้างงานตรงแบบรัฐต่อรัฐได้ เพราะไทยยึดนโยบายจีนเดียว และยังมีการหักค่าที่พักและค่าอาหารอีกด้วย แม้กฎหมายไต้หวันกำหนดให้มีการเก็บค่านายหน้าไม่เกิน 3 เท่าของเงินเดือน ซึ่งก็คืออยู่ที่ราว 6 หมื่นบาทเท่านั้น แต่ชาวบ้านที่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินจากเงินนอกระบบต้องเสียดอกเบี้ยแพง จึงอาจมีรายรับไม่พอกับรายจ่าย ต่างๆ เหล่านี้จึงเป็นเหตุให้แนวโน้มของแรงงานไทยที่เข้ามาทำงานในไต้หวันน่าจะลดลงไปเรื่อยๆ



เกรียงศักดิ์ กิตติชัยเสรี


ปกติแล้วการเข้ามาทำงานในไต้หวันจะ มีการทำสัญญาคราวละ 3 ปี และต่อสัญญาได้ 4 ครั้ง รวมเวลาทำงานทั้งหมดคือ 12 ปี อย่างไรก็ดี ท่านทูตเกรียงศักดิ์เห็นว่า แรงงานไทยที่เคยมีประสบการณ์การทำงานกับคนไต้หวันมาก่อน ก็ยังมีโอกาสทำงานกับคนไต้หวันกว่า 1.5 แสนคนที่เข้าไปลงทุนในไทยในปัจจุบันได้ เพราะรู้จักและคุ้นเคยกับวัฒนธรรมการทำงานของคนไต้หวันอยู่แล้ว ปัจจุบันไต้หวันติด 1 ใน 5 ของกลุ่มที่เข้าไปลงทุนอันดับต้นๆ ในไทย แต่เชื่อหรือไม่ว่า ขนาดนายกสมาคมหอการค้าไทย-ไต้หวันที่ไปดักรอแรงงานไทยที่ครบสัญญากลับจากไต้หวัน เพื่อบอกให้ไปทำงานด้วยก็ยังหาคนไปทำงานด้วยไม่ได้ ทั้งที่พร้อมจะจ่ายเงินให้ถึง 400 บาทต่อวันเสียด้วยซ้ำ เพราะแรงงานไทยจำนวนมากยังติดค่านิยมที่อยากไปทำงานเมืองนอก

ปัจจุบันแรงงานไทยเป็นแรงงานต่างชาติกลุ่ม ใหญ่อันดับ 4 ในไต้หวัน ตามหลังอินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ซึ่งก็มาจากอาเซียนเหมือนๆ กัน ปัญหาที่แรงงานไทยที่เดินทางมาทำงานในไต้หวันพบแบบในอดีตที่มีการเก็บค่านายหน้าแพงดูเหมือนจะลดน้อยลง เพราะทั้งต้นทางในไทยและปลายทางในไต้หวันมีการเข้มงวดกวดขันเพื่อป้องกันไม่ให้มีการเอารัดเอาเปรียบแรงงานมากขึ้น ที่ไต้หวันมีการเปิดสายด่วน 1955 ให้แรงงานโทรไปแจ้งปัญหาได้ทันที แถมยังจัดล่ามทุกภาษาจัดเตรียมไว้ให้เสร็จสรรพ ดังนั้นแม้จะพูดภาษาจีนไม่ได้ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการแจ้งเหตุเมื่อพบปัญหา หลังได้รับแจ้งเหตุแล้วก็มีการติดตามตรวจสอบอย่างแข็งขันด้วยเช่นกัน

ปัญหาของคนไทยอีกอย่างหนึ่งที่พบบ่อยในไต้หวันคือ การแต่งงานปลอมๆ กับคนไต้หวันทั้งชายและหญิง เพื่อจะได้เข้ามาทำงานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเมื่อถูกตำรวจจับได้ว่าไม่ใช่การแต่งงานจริง ก็มักจะหลบหนีเข้าเมืองและอาศัยอยู่เกินวีซ่า แต่เนื่องจากระยะหลังทางการไต้หวันเข้มงวดกวดขันมาก และเล่นงานผู้กระทำผิดอย่างเต็มที่ ซึ่งรวมถึงนายจ้างด้วย สุดท้ายคนกลุ่มนี้ก็ต้องถูกส่งกลับไทยอยู่ดี ปัญหาลักษณะนี้ก็พบเห็นกันเป็นประจำ โดยสำนักงานฯต้องออกเอกสารสำคัญเพื่อให้เดินทางกลับประเทศ (ซีไอ) ถึงวันละ 3-4 คนเลยทีเดียว

ข้อมูลที่ฟังแล้วอึ้งอีกประการคือ ไต้หวันเป็นที่ที่มีสถิติหญิงไทยมายื่นทำเรื่องขอสละสัญชาติไทยมากที่สุดในโลกอีกด้วย

สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทยในไทเปได้จัดให้คณะของกรมการกงสุลพบปะกับผู้แทนชุมชนไทยในไต้หวัน ทำให้ได้ทราบว่าคนไทยที่ไปอาศัยอยู่ในไต้หวันจำนวนไม่น้อยได้รวมตัวกันอย่างเข้มแข็ง เพื่อให้การช่วยเหลือทั้งคนไทยและแรงงานต่างชาติอื่นๆ ที่เข้าไปทำงานในไต้หวัน โดยมีการจัดตั้งสมาคมคนไทยในไต้หวันและมูลนิธิความรักความห่วงใยของไต้หวันขึ้นเพื่อการนี้

ในฐานะที่ทำงานช่วยเหลือทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่ประสบปัญหาในไต้หวันอย่างเต็มที่ ทำให้พี่ๆ อาสาสมัครคนไทยช่วยแจกแจงปัญหาที่พบให้ได้ทราบว่า ปัญหาของแรงงานไทยมักจะเป็นเรื่องทะเลาะวิวาทและยาเสพติด ส่วนสาเหตุที่ทำให้แรงงานไทยไม่อยากมาไต้หวันก็เพราะค่าแรงถูก แถมยังถูกหักค่าใช้จ่ายอื่นๆ แรงงานจึงอยากให้มีการลดหรือเลิกการหักเงินรายเดือนทั้งค่านายหน้า ค่าที่พัก และค่าอาหาร ขณะที่หญิงไทยที่แต่งงานกับคนไต้หวันก็มักจะประสบปัญหาด้านความแตกต่างทางวัฒนธรรม

พี่ๆ อาสาสมัครชาวไทยยังช่วยให้ความกระจ่างด้วยว่า สาเหตุที่หญิงไทยในไต้หวันมีการสละสัญชาติมากเป็นอันดับหนึ่งนั้น ก็เพราะเหตุผลในเรื่องค่ารักษาพยาบาลและสวัสดิการต่างๆ ที่รัฐจัดให้ รวมถึงปัญหาในเรื่องสิทธิครอบครองมรดกหลังคู่สมรสเสียชีวิต อีกทั้งหากแต่งงานมาแล้วเลิกรากันไป แต่ไม่มีบัตรประชาชนไต้หวันก็ต้องถูกส่งตัวกลับประเทศ หากสิทธิในการดูแลบุตรไม่ได้ตกอยู่กับมารดา

ทางการไต้หวันใส่ใจในสิทธิและการดูแลคนต่างชาติที่มาอยู่ในไต้หวัน รวมถึงแรงงานต่างชาติในประเทศมาก รัฐบาลไต้หวันได้จัดตั้งหน่วยงานที่ให้บริการกับชาวต่างชาติ โดยจ้างคนของประเทศนั้นๆ มาเป็นผู้รับฟังและแจ้งเรื่องราวให้ทางการไต้หวันทราบเพื่อหา ทางแก้ไข คุณดารกา โจว หนึ่งในคนไทยที่ทำหน้าที่นี้ที่ "ศูนย์ให้บริการนครไทเปใหม่" เล่าว่า ปัญหาที่มีการแจ้งเข้ามามากคือ เรื่องกฎหมาย อาทิ การจัดการเรื่องมรดกหลังคู่สมรสเสียชีวิต

สมาคมยังอยากฝากให้คนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศทุกคน ตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันก่อนเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่คนไทยส่วนใหญ่อาจไม่เห็นความสำคัญนัก หากเดินทางไปในประเทศที่ไม่บังคับให้ซื้อประกันการเดินทางนำไปยื่นประกอบการขอวีซ่า เพราะเกิดปัญหากรณีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางมาเยี่ยมญาติในไต้หวันแล้วเกิดล้มเจ็บลงต้องเข้ารักษาตัว แต่ไม่มีเงินมากพอที่จะจ่ายค่ารักษาพยาบาล ดังนั้น จึงไม่อยากให้คิดว่าการเสียเงินซื้อประกันจะเป็นเงินเสียเปล่า เพราะอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ

การใช้ชีวิตอยู่ต่างบ้านต่างเมืองจะให้ราบรื่นสะดวกสบายได้เหมือนอยู่บ้านเกิดเมืองนอนคงเป็นไปไม่ได้ แต่จากที่ได้เห็นทำให้อดรู้สึกดีใจแทนคนไทยที่มาอยู่ในไต้หวันไม่ได้ว่า อย่างน้อยชุมชนไทยที่นี่ก็มีความเข้มแข็งและมีคนไทยด้วยกันที่มีความตั้งใจที่ดี และพร้อมจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันตามกำลังความสามารถที่พอจะทำได้

แม้ปัญหาทุกอย่างจะไม่อาจแก้ไขได้ในชั่วข้ามคืน แต่การที่ได้รู้ว่ามีคนที่พร้อมจะรับฟังและหาทางช่วยเหลือในยามที่เราตกทุกข์ได้ยากในต่างแดน ก็น่าจะทำให้มีกำลังใจที่จะสู้ชีวิตต่อไปบนหนทางที่พวกเขาได้เลือกแล้ว


วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 37 ฉบับที่ 13363 มติชนรายวัน
รายงานพิเศษ

โดย วรรัตน์ ตานิกูจิ 
หน้า 22


สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย ไทเป ประเทศไต้หวัน
http://www.tteo.org.tw/thai/

กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052

วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบัวโนสไอเรส ร่วมทำบุญวันเข้าพรรษา



สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบัวโนสไอเรส ร่วมทำบุญวันเข้าพรรษา
           เอกอัครราชทูต ณ กรุงบัวโนสไอเรส นำข้าราชการและเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูต ร่วมบริจาคสมทบทุนสร้างวัดหลวงอาร์เจนตินา ในเทศกาลบุญเข้าพรรษา
           เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2557 นายเมธา พร้อมเทพ เอกอัครราชทูต ณ กรุงบัวโนสไอเรส พร้อมด้วยข้าราชการและเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูต ตลอดจนสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้เข้าร่วมงานบุญเข้าพรรษาที่วัดหลวงอาร์เจนตินา เมืองซาสโคมุส โดยได้ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ และร่วมบริจาคเงินเพื่อสมทบทุนสร้างวัดเป็นจำนวนกว่า 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีพระมหาชัยพิชิต ฐานุตตโร เจ้าอาวาสวัดหลวงอาร์เจนตินาเป็นผู้รับมอบ
           วัดหลวงอาร์เจนตินาเป็นวัดที่มีพระธรรมทูตจากประเทศไทยจำพรรษาอยู่ ตั้งอยู่ที่เมืองซาสโคมุส ห่างจากกรุงบัวโนสไอเรสไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 130 กม. ทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมของชาวไทยและลาวในอาร์เจนตินาในการปฏิบัติธรรมและศาสนกิจในโอกาสต่างๆ รวมทั้งเป็นแหล่งเผยแพร่ศาสนาพุทธในอาร์เจนตินาด้วย



Thai Embassy in Argentina made merits for Buddhist Lent Day
           Thai Ambassador to Argentina together with officials and staffs of the Royal Thai Embassy in Argentina gave donations to Wat Luang Argentina on the Buddhist Lent Day to help the construction of the temple.
            On 12 July 2014, Mr. Medha Promthep, Thai Ambassador to Argentina, together with officials and staffs of the Royal Thai Embassy and Thai Trade Office in Argentina participated in the merit making ceremony to cerebrate the Buddhist Lend day at Wat Luang Argentina in Chascomus. Ambassador Medha, on behalf of Embassy's delegation, offered food and donations of more than 2,000 USD for the construction of the temple to Phra Mahapichai Thanuttaro, the temple's abbot.
           Wat Luang Argentina is a Buddhist temple which is the residence of Dhammaduta (Buddhist missionary monks) from Thailand in Argentina. The temple is situated in Chascomus, a small town 130 Km. from Buenos Aires City, serves as a center for Thai and Laos community to practice Buddhist dharma and perform religious activities, as well as to teach Buddhism to Argentina people.

***********************************




สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบัวโนสไอเรส
ประเทศอาร์เจนตินา
http://www.thaiembargen.org

กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052

วันอังคารที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ประกาศเตือนการเดินทางไปประเทศอิรัก


ตามที่ในปัจจุบันได้เกิดสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองและมีเหตุปะทะอย่างรุนแรงในหลายพื้นที่ของประเทศอิรัก  อาทิ กรุงแบกแดด  จังหวัดอันบาร์ (Anbar) จังหวัดเคอร์คุก (Kirkuk) และพื้นที่อื่น ๆ   อีกหลายแห่ง นั้น

เพื่อความปลอดภัย กระทรวงการต่างประเทศขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนหลีกเลี่ยงหรือชะลอ     การเดินทางไปยังประเทศดังกล่าว จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายและกลับคืนสู่ภาวะปกติ  ทั้งนี้สำหรับคนไทยที่พำนักอยู่ในประเทศอิรัก ขอให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าไปในพื้นที่ที่มีเหตุการณ์สู้รบ และขอให้ติดต่อกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน หมายเลขโทรศัพท์ (96 26) 590 3888, 592 5788  โทรสาร   (96 26) 590 3899  อีเมล์  thaiamm@mfa.go.th กรณีประสงค์จะขอรับความช่วยเหลือ 


ประกาศแจ้งเตือนเกี่ยวกับการเดินทางไปลิเบีย

          ตามที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในลิเบีย เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว ๗ ราย และบาดเจ็บอีกอย่างน้อย ๓๖ คน รัฐบาลลิเบียได้ประกาศปิดสนามบินนานาชาติ กรุงตริโปลี (Tripoli) อย่างน้อย ๓ วัน และให้สายการบินต่าง ๆ ที่ยังให้บริการไปใช้สนามบินนานาชาติที่เมืองมิสราตา (Misrata) ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงตริโปลีประมาณ ๒๐๐ กิโลเมตร

         กระทรวงการต่างประเทศขอแจ้งเตือนประชาชนชาวไทยให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศลิเบียหรือเลื่อนการเดินทางออกไปก่อน จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายกลับเข้าสู่ภาวะปรกติ

         ทั้งนี้ สามารถติดตามสถานการณ์และสอบถามข้อมูลได้ที่กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ โทรศัพท์ ๐๒-๕๗๕-๑๐๔๗ ถึง ๕๑ หรือสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงตริโปลี โทรศัพท์ (+๒๑๘) ๙๒ ๘๗๑ ๓๕๔๙ หรือ (+๒๑๘) ๙๒ ๒๘๖ ๐๗๔๓ หรืออีเมล์ thaitipemb@gmail.com

วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

สารจากเอกอัครราชทูตไทยถึงพี่น้องคนไทยในอิสราเอล

สารจากเอกอัครราชทูตไทยถึงพี่น้องคนไทยในอิสราเอล


พี่น้องคนไทยที่รักทุกท่าน

ตามที่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นในอิสราเอล สถานทูตมีความห่วงใยสวัสดิภาพของพี่น้องคนไทย     ในอิสราเอลทุกคน จึงได้เผยแพร่คำแนะนำและการปฏิบัติตัว เพื่อให้ท่านเตรียมพร้อมในการรับมือกับ
ภัยที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงที โดยเฉพาะวิธีการเข้าที่หลบภัยกรณีที่เกิดสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น หรือวิธีปฏิบัติตัวกรณีที่ไม่มีที่หลบภัย โดยท่านต้องนอนหมอบราบกับพื้น คว่ำหน้า ใช้มือประสานที่ท้ายทอย รอจนกว่าสัญญาณจะสิ้นสุด หรือ สิ้นเสียงระเบิดแล้วจึงหลบเข้าไปในสถานที่ที่ปลอดภัย

ขอให้ท่านมั่นใจว่า สถานทูตจะคอยดูแลและช่วยเหลือทุกท่านอย่างดีที่สุด โดยเฉพาะการร่วมมือกับทางการของอิสราเอลที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายในทุกพื้นที่ เพื่อเตรียมให้การช่วยเหลือพี่น้องคนไทยทุกท่าน        ขอให้ท่านติดตามสถานการณ์และข้อมูลข่าวสารอย่างมีสติและรอบคอบ ไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินไป    
ผมหวังว่าเหตุการณ์ความรุนแรงคงจะคลี่คลายไปได้ในอีกไม่นานนัก เนื่องจากขณะนี้มีความพยายามของหลายประเทศที่ผลักดันให้มีการเจรจาหยุดยิง สถานทูตจะได้ติดตามพัฒนาการของสถานการณ์     ในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสารที่จะเป็นประโยชน์ให้ทุกท่านทราบ

อย่างไรก็ดี เพื่อความไม่ประมาท และเพื่อสวัสดิภาพของพี่น้องคนไทยทุกท่าน ผมขอให้ทุกท่านปฏิบัติตามคำแนะนำของสถานทูตและทางการอิสราเอลอย่างเคร่งครัด อย่าคอยมองหาจรวดที่ยิงเข้ามา หรือ
ห่วงการถ่ายรูปเหตุการณ์ จนลืมการป้องกันตนเอง จรวดที่ยังไม่ระเบิดบางลูกอาจเกิดระเบิดได้อีก
จรวดที่ถูกสกัดได้ในท้องฟ้า จะมีสะเก็ดระเบิดเป็นเหล็กร้อน ปลิวกระจัดกระจายตกลงมาอย่างไร้ทิศทาง ทำให้ท่านได้รับบาดเจ็บได้ จึงขอให้ท่านใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่ง ปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อป้องกันตนเองและควรหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้จุดเสี่ยงภัย

อิสราเอลเป็นประเทศที่มีพื้นที่ไม่ใหญ่มาก ดังนั้น หากมีการยิงจรวดเข้ามา จรวดอาจตกในดินแดนอิสราเอลได้ภายในเวลาไม่กี่นาที จึงขอย้ำเตือนว่า เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณเตือนภัยว่า “เชว่า อะดอม” ท่านต้องรีบหลบเข้าที่กำบังหรือห้องนิรภัยทันที  โดยเฉพาะท่านที่อาศัยอยู่ทางภาคใต้ใกล้ฉนวนกาซา ท่านอาจมีเวลาไม่ถึงนาทีที่จะหลบภัย ดังนั้น ท่านจึงต้องเตรียมพร้อมระมัดระวังตัวและอยู่ในความ
ไม่ประมาท เพื่อจะได้ไม่เกิดอันตรายขึ้นแก่ตัวท่านเอง


ขอให้ทุกท่านติดตามความคืบหน้าของสถานการณ์ผ่านสื่อมวลชนอิสราเอลหรือคำแนะนำของนายจ้าง เจ้าหน้าที่โมชาฟ และจากสถานทูตไทย โดยผ่านทางเอกสารที่จะเผยแพร่มาเป็นระยะ หรือผ่านทางอินเตอร์เน็ต จากเฟสบุ๊คของสถานทูต ซึ่งมี 2 ทาง คือ

1.      เฟสบุ๊คกลุ่ม ชื่อ             สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ
2.      แฟนเพจ ชื่อ                 ทุกเรื่องเมืองยิว

ทั้งนี้ สถานทูตได้แจ้งหมายเลขโทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายแรงงานและฝ่ายกงสุล เพื่อรับแจ้งข้อมูลจากท่านในกรณีฉุกเฉินไว้ด้วยแล้ว

สุดท้ายนี้ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ทุกท่านเคารพนับถือ ดลบันดาลให้ทุกท่านปลอดภัยจากภัยอันตรายทั้งปวงและมีสุขภาพดี  มีกำลังกาย กำลังใจ ที่พร้อมจะทำงานดังที่ท่านมุ่งมาดปรารถนาทุกประการ และจงดูแลป้องกันตนเองให้ดี เพื่อจะได้เดินทางกลับไปพบกับครอบครัวที่รอคอยท่านอยู่ที่ประเทศไทย


ด้วยความปรารถนาดี



(นายจักร บุญ-หลง)
เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ
ประเทศอิสราเอล

วันที่ 14 กรกฎาคม 2557

ข่าวประชาสัมพันธ์สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟเรื่องแจ้งข้อมูลข่าวสาร และการเตรียมตัวในการหลบภัยกรณีเหตุการณ์การยิงจรวดเข้ามาในอิสราเอล


ข่าวประชาสัมพันธ์
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ
เรื่อง  แจ้งข้อมูลข่าวสาร และการเตรียมตัวในการหลบภัย
กรณีเหตุการณ์การยิงจรวดเข้ามาในอิสราเอล
---------------------


ตามที่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นทางภาคใต้ของอิสราเอลในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2557 ถึงต้นเดือนกรกฎาคม 2557  ที่ผ่านมา โดยเฉพาะมีการยิงจรวดเข้ามาในพื้นที่ของอิสราเอลมากขึ้นจนถึงกรุงเทลอาวีฟ นครเยรูซาเล็ม และพื้นที่ใกล้เคียง นั้น
                        สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ใคร่ขอเรียนข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเตรียมตัวในการ หลบภัยจากเหตุการณ์ดังกล่าว ดังนี้

1. ในปัจจุบันได้มีการยิงจรวดเข้ามาในพื้นที่ของอิสราเอลมากขึ้น  เป้าหมายของการยิงขยายมาเป็นเมืองสำคัญในภาคใต้และใกล้ฉนวนกาซา เช่น เมือง Ashkelon เมือง Sderot เมือง Beersheba เมือง Eshkol  เมือง Ofakim  เมือง Kiryat Malachi และเมืองสำคัญอื่น ๆ เช่น กรุงเทลอาวีฟ  นครเยรูซาเล็มและเมืองไฮฟา ทั้งนี้  อิสราเอลซึ่งมีกองกำลังทหารที่มีประสิทธิภาพและมีอาวุธที่ทันสมัย ได้ปฏิบัติการปกป้องพื้นที่และดินแดน รวมถึงชีวิตของประชาชนด้วยการใช้ระบบไอรอน โดม ตอบโต้การยิงจรวดจากกาซาได้ผลดีมาหลายครั้ง

2. เพื่อเป็นการเตรียมตัวในการหลบภัยที่อาจจะเกิดขึ้นจากการโจมตีด้วยจรวดในลักษณะนี้สถานเอกอัครราชทูตฯ จึงใคร่ขอความร่วมมือคนไทยและพี่น้องแรงงานไทยว่า เมื่อมีเสียงระเบิด เสียงไซเรนหรือ ประกาศเตือนภัย เซว่า อะดอม” แสดงว่าอิสราเอลถูกโจมตีด้วยจรวดคัสซัม หรือ ปืนครก หรือ จรวดประเภทต่าง ๆ ท่านจะต้องปฏิบัติตัว ดังนี้

2.1ผู้ที่ทำงานอยู่ในแปลงเกษตร

 -ให้เข้าห้องหลบภัยที่ใกล้ที่สุด ถ้าไม่มีห้องหลบภัยในบริเวณใกล้เคียง ให้รีบนอนราบกับพื้น พร้อมกับยกมือขึ้นประสานไว้หลังศีรษะเพื่อปกป้องศีรษะตัวเองและอยู่ในท่านี้จนกว่าจะได้ยินเสียงระเบิด หรืออยู่ในท่านี้ประมาณ 10 นาที จนกระทั่งแน่ใจว่าไม่มีระเบิดแน่แล้ว จึงค่อยลุกขึ้นและเข้าที่ที่ปลอดภัย

-ในกรณีผู้ที่กำลังขับรถไถ ให้ดับเครื่อง ลงจากรถและนอนราบกับพื้น (ห่างจากรถพอสมควรพร้อมกับยกมือขึ้นประสานไว้ด้านหลังศีรษะ และอยู่ในท่านี้จนกว่าจะได้ยินเสียงระเบิดหรือประมาณ10 นาที จนกระทั่งแน่ใจว่าไม่มีระเบิดแน่แล้ว จึงค่อยลุกขึ้น

2.2ผู้ที่อยู่บริเวณนอกบ้าน

- ให้รีบเข้าบ้าน หรือ ตึกที่ใกล้ที่สุด หรือ ที่หลบภัย หรือ หากไม่มี ให้นอนราบกับพื้นยกมือประสานไว้หลังศีรษะ อยู่ในท่านี้จนกว่าจะได้ยินเสียงระเบิด หรือประมาณ 10 นาที จนกระทั่งแน่ใจว่า ไม่มีระเบิดแน่แล้ว จึงลุกขึ้นได้

-ผู้ที่อยู่ในรถยนต์ ให้หยุดข้างทาง ออกจากตัวรถ และให้เข้าไปในตึก หรือ ที่กำบังที่อยู่ใกล้ตัว หากไม่สามารถที่จะไปถึงตึก หรือที่กำบังภายในเวลาที่เรามีอยู่ ให้ออกจากรถ นอนราบลงกับพื้นและใช้มือทั้งสองปิดศรีษะไว้ ในกรณีที่ไม่สามารถที่จะออกจากรถยนต์ได้ ให้จอดข้างทางและรอ 10 นาที

2.3ผู้ที่อยู่บริเวณที่มีอาคารสูง

-ผู้ที่อยู่อาศัย ที่อยู่ชั้นบนสุดของตึก ซึ่งอยู่ในตึกจากชั้นที่สามขึ้นไปในตึกนั้น โดยไม่มีห้องหลบภัย หรือ ที่หลบภัยด้านในอยู่ภายในตึกนั้น ให้ ลงมาสองชั้น

-ผู้ที่อยู่อาศัยอยู่ชั้นบนสุดของตึก ซึ่งมีสามชั้น และในตึกที่ไม่มี ห้องหลบภัยหรือ สถานที่หลบภัยด้านในอยู่ภายในตึกนั้น ให้ ลงมาหนึ่งชั้น

-ห้ามประชาชนทุกคน อยู่ทางเข้าของตึก เพื่อป้องกันการเสี่ยงต่อการได้รับสะเก็ด และแรงระเบิด อันเนื่องมาจากระเบิดที่ตกข้าง ๆ ตึก

เมื่อมีสัญญาณเตือนภัย ท่านจะมีเวลาไม่มาก โดยท่านที่อยู่ในพื้นที่ใกล้ฉนวนกาซาและเมืองใกล้เคียง จะมีเวลาเพียง 15 - 45  วินาที เท่านั้น ที่จะหาที่หลบภัย ท่านควรสำรวจที่หลบภัย (บังเกอร์)ของโมชาฟ/คิบบุตซ์ ที่ใกล้ที่สุด เพื่อใช้หลบภัยได้ทันท่วงที  ที่สำคัญ ท่านต้องอยู่ห่างจากวัตถุที่มีลักษณะแปลกหรือ ลูกระเบิดที่ตกอยู่บนพื้นดิน ไม่ควรเข้าไปถ่ายรูป หรือ สัมผัสลูกระเบิด หรือ จรวดจรวดที่ตกบนดิน เนื่องจากอาจมีการระเบิด หรือมีสารเคมีที่เป็นอันตราย  และควรโทรศัพท์แจ้งนายจ้าง หรือ ตำรวจให้ทราบ ทั้งนี้  ขอให้ทุกท่านติดตามความคืบหน้าจากสถานเอกอัครราชทูตไทย และทางการอิสราเอล  รวมทั้งสื่อสารมวลชนอย่างใกล้ชิด
                                     


โทรศัพท์ติดต่อสถานทูต - ยามฉุกเฉิน
1.      หัวหน้าฝ่ายกงสุล                                        054 636 8150
2.      เจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุล                                     050 537 0759 / 054 431 8830
3.      ผู้ช่วยทูตฝ่ายแรงงาน                                   054 469 3476
4.      รองผู้ช่วยทูตฝ่ายแรงงาน                             054 469 3477
5.      สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ          09 954 8412 – 13
6.      สำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายแรงงาน                    09 954 8431 – 33


สถานที่ทำการสถานทูต                 

  Royal Thai Embassy,

3 Maskit Street, P.O. Box. 2125,

Herzliya Pituach 46120

แฟกซ์: (+972) 09 954-8417 / 09 773 2289
อีเมล์:  thaisr@netvision.net.il


ช่องทางการติดต่อสถานทูตทาง Internet
1.   เฟสบุก                 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ  และ แฟนเพจ ทุกเรื่องเมืองยิว
2.   เวบไซต์                  www.thaiembassy.org/telaviv


จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ



สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ


10  กรกฎาคม 2557