หลังจากที่มีการปฏิวัติขึ้นในประเทศอียิปต์เมื่อพ.ศ. 2554 ความไม่สงบและความรุนแรงต่างๆ ก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและสถานการณ์นับวันจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นโดยเฉพาะการชุมนุมประท้วงที่เกิดขึ้นแทบจะเป็นรายวัน คนอียิปต์ประท้วงได้ทุกเรื่อง และมักจะเป็นไปด้วยความรุนแรง มีผู้บาดเจ็บล้มตายทุกครั้ง ทำให้เสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศต้องตกต่ำอย่างหนัก สิ่งที่ตามมาคือปัญหาอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจทั้งปริมาณและความรุนแรง
จากเดิมอาชญากรรมในอียิปต์มักจะเป็นการลักทรัพย์เล็กๆ น้อยๆ ก็กลายเป็นการปล้นทรัพย์ ชิงทรัพย์ มีการใช้อาวุธและการทำร้ายเจ้าทรัพย์มากขึ้น พวกที่เคยหลอกลวง ต้มตุ๋น ฉ้อโกงนักท่องเที่ยวต่างชาติก็หันมาใช้วิธีข่มขู่กรรโชกทรัพย์นักท่องเที่ยว
อาชญากรรมในอียิปต์ขยายวงกว้างออกไปมากขึ้น จากเดิมจะมีเพียงบางพื้นที่เท่านั้นที่เป็นแหล่งอาชญากรรม เช่นตามชุมชนชานเมือง แต่ปัจจุบันสถานที่หรือเขตที่เคยปลอดภัยไร้โจรขโมยเช่นย่านธุรกิจหรือย่านที่อยู่อาศัยในเขตเมืองก็เริ่มกลายเป็นเขตที่มิจฉาชีพเข้าไปก่ออาชญากรรมมากขึ้น คนต่างชาติกลายเป็นเป้าหมายหรือเหยื่ออันโอชะของโจรเนื่องจากไม่สามารถหาการคุ้มครองจากตำรวจได้ การปล้น ฆ่า เกิดบ่อยขึ้น เช่นเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา คนร้ายใช้อาวุธปืนปล้นรถยนต์ของผู้ว่าการธนาคารกลางของอียิปต์ สังหารเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่นั่งไปด้วย เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความรุนแรงของอาชญากรรมที่แม้แต่เจ้าหน้าที่ๆ มีอาวุธอยู่ในมือก็ยังไม่อาจหลุดรอดจากอาชญากรและไม่สามารถรักษาแม้ชีวิตของตนเองไว้ได้ แม้แต่นักการทูตต่างชาติในอียิปต์ก็ต้องประสบเคราะห์กรรมถูกคนร้านปล้นชิงทรัพย์มาแล้วหลายราย บางรายถูกทำร้ายร่างกายด้วย
เรื่องนี้ ทางสถานทูตไทยก็มิได้นิ่งนอนใจ ได้เตือนคนไทยทุกคนในอียิปต์ให้ใช้ความระมัดระวังในการเดินทางโดยเฉพาะในพื้นที่ๆ มีอาชญากรรมบ่อยครั้ง และให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปไหนมาไหนตามลำพังในสถานที่เปลี่ยวหรือในยามวิกาล
ที่มา : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น