วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

กรมการกงสุลเตือนนักท่องเที่ยวที่ประสงค์เดินทางไปประเทศเนปาล


กรมการกงสุลเตือนนักท่องเที่ยวที่ประสงค์เดินทางไปประเทศเนปาล


นายจักร บุญหลง อธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศได้แถลงเตือนนักท่องเที่ยวที่มีความประสงค์จะเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศเนปาลในระหว่างนี้ให้ตรวจสอบสถานการณ์ทางการเมืองก่อนเดินทางและนักท่องเที่ยวที่ประสงค์จะเดินทางไปตามลำพังไม่ผ่านบริษัททัวร์อาจพิจารณาเลื่อนการเดินทางออกไปก่อนเนื่องจากจะไม่ได้รับความสะดวกในการสัญจรไปมาในเนปาล ทั้งนี้เป็นผลจากการที่ พรรค UCPN-Maoist ได้จัดการชุมนุมประท้วงทั่วประเทศ (general strike)โดยไม่มีกำหนดสิ้นสุดมาตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2553 เพื่อกดดันให้นายกรัฐมนตรี M.K.Nepal ลาออกจากตำแหน่งและให้มีการจัดตั้งรัฐบาลสมานฉันท์แห่งชาติขึ้นบริหารประเทศแทนรัฐบาลปัจจุบัน

ผู้ประท้วงได้ปิดกั้นการจราจร เป็นผลให้ร้านค้า ตลาด สำนักงาน โรงงานอุตสาหกรรม และสถานศึกษาต้องปิดทำการ ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศอย่างรุนแรงโดยระบบเศรษฐกิจของเนปาลต้องสูญเสียรายได้เป็นมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐและประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาการขาดแคลนสินค้าอุปโภคบริโภค และขาดรายได้ โดยเฉพาะผู้ใช้แรงงานซึ่งเป็นผู้ที่มีรายได้รายวัน ในขณะที่ร้านค้า สถานศึกษา ธนาคาร บริษัทห้างร้านและสำนักงานต่างๆ ต้องปิดทำการ

ภาคการท่องเที่ยวซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของเนปาลได้รับผลกระทบจากการประท้วงอย่างหนักโดยจำนวนนักท่องเที่ยวนานาชาติที่เดินทางเข้าประเทศเนปาลผ่านสนามบินตรีภูวันในระหว่างที่มีการประท้วงนี้ลดลงร้อยละ 75 และหากการประท้วงยืดเยื้อต่อไป คาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะลดลงอีกมาก อย่างไรก็ดีสายการบินต่างประเทศในเนปาลจำนวน 25 สายยังคงเปิดทำการบินตามปกติ โดยยังไม่ได้ลดเที่ยวบินลง แม้ว่าจะมีจำนวนผู้โดยสารลดน้อยลงมาก

ต่อมาเมื่อค่ำวันที่ 7 พฤษภาคม 2553 พรรค UCPN-Maoist ได้ตัดสินใจยุติการประท้วงทั่วประเทศโดยให้เหตุผลว่าเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการประท้วงทั่วประเทศดังกล่าว และไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงจากการปะทะกันของกลุ่มผู้ประท้วงกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ และระหว่างผู้ประท้วงกับประชาชนซึ่งเริ่มขยายตัวมากขึ้น อย่างไรก็ดีพรรคฯจะยังจัดการเดินขบวนในกรุงกาฐมัณฑุและเมืองต่างๆทั่วประเทศเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลลาออกในวันที่ 8 พฤษภาคม 2553 และจะจัดชุมนุมประท้วงบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 9 พฤษภาคม 2553 ซึ่งเป็นวันที่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีกำหนดแล้วเสร็จ

สาเหตุสำคัญที่ทำให้พรรค UCPN-Maoist ยอมยุติการประท้วงทั่วประเทศเนื่องจากได้รับแรงกดดันจากฝ่ายต่างๆ ทั้งจากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการปิดกั้นถนน และบังคับหยุดงาน จนเป็นเหตุให้มีการปะทะกันระหว่างประชาชนกับกลุ่มผู้ประท้วงในหลายจุดทั่วประเทศ รวมทั้งแรงกดดันจากคณะทูตและสำนักงานองค์การระหว่างประเทศในเนปาล กลุ่มประชาสังคม สภาหอการค้าและอุตสาหกรรม ซึ่งจัดการชุมนุมใหญ่เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2553 เพื่อเรียกร้องให้พรรค UCPN-Maoist ยุติการประท้วงและให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาวิกฤตทางการเมืองที่เกิดขึ้นโดยยึดหลักฉันทามติ

ขณะนี้สภาพโดยทั่วไปของกรุงกาฐมัณฑุและเมืองต่างๆทั่วประเทศเนปาลเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ โดยมีรถยนต์จำนวนมากสัญจรไปมาบนท้องถนน และร้านค้า ตลาด รวมทั้งสำนักงานต่างๆได้เปิดทำการแล้ว

แม้ว่าพรรค UCPN – Maoist จะยอมยุติประท้วงปิดถนนและบังคับหยุดงาน แต่ก็ยังจัดการเดินขบวน (demonstration) ประท้วงบนท้องถนน และทำการประท้วงในลักษณะอื่นๆเพื่อกดดันให้รัฐบาลลาออกต่อไปเนื่องจากพรรคการเมืองต่างๆที่ร่วมรัฐบาลและพรรค UCPN – Maoist ยังไม่สามารถบรรลุฉันทามติเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นได้

โดยที่สถานการณ์ทางการเมืองในเนปาลยังคงมีความไม่แน่นอนสูง และพรรค UCPN-Maoist ยังจัดการเดินขบวนประท้วงบนท้องถนน ซึ่งยังส่งผลกระทบต่อการจราจรบริเวณที่มีการเดินขบวน และยังคงมีความเป็นไปได้ที่พรรคฯ อาจจะยกระดับการประท้วงขึ้นอีกครั้งหากไม่สามารถบรรลุฉันทามติกับรัฐบาลได้ ดังนั้น กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศจึงขอให้พี่น้องคนไทยที่ประสงค์จะเดินทางไปเนปาลในช่วงนี้ติดตามสถานการณ์ทางการเมืองเนปาลได้ทางเว็บไซต์ของสถานทูตไทยที่ http://www.thaiembassy.org/kathmandu และเว็บไซต์ข่าวเนปาลที่ http://www.nepalnews.com/ ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปประเทศเนปาลเองโดยไม่ผ่านบริษัททัวร์อาจพิจารณาเลื่อนการเดินทางออกไปก่อน จนกว่าสถานการณ์ประท้วงจะคลี่คลาย เนื่องจากจะไม่ได้รับความสะดวกในการสัญจรไปมาในเนปาล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น