วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555

คิดให้ดีก่อนไปแต่่งงานกับชาวเกาหลีใต้

ความนิยมหรือเทรนด์เกาหลีที่กำลังมาแรงไม่ว่าจะเรื่องอาหารการกิน แฟชั่น ดนตรี ภาพยนต์ เรื่อยไปจนถึงสินค้าจากเกาหลี กำลังขายดิบขายดีโดยเฉพาะในหมู่คนไทยที่รับอะไรง่ายๆ อยู่แล้ว หารู้ไม่ว่า การสร้างค่านิยมเกาหลีเป็นนโยบายของรัฐบาลเกาหลีใต้ในการที่จะทำให้ชาวโลกนิยมชมชอบทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเกาหลีโดยมองข้ามเรื่องของคุณภาพหรือข้อเท็จจริงบางอย่างไปด้วย  เช่นเดียวกับเรื่องการแต่งงานกับชายชาวเกาหลีใต้ของหญิงไทย

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล รายงานว่า เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2555 ได้จัดกิจกรรมกงสุลสัญจร คราวนี้ไปจัดไกลถึงเมืองจอนลานัมโดซึ่งตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของเกาหลีใต้ การเดินทางไปให้บริการด้านกงสุลแก่ชาวไทยในครั้งนี้ สถานทูตได้พบกับคนไทยซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานและหญิงไทยที่สมรสกับชายชาวเกาหลีใต้ และได้ทราบข้อมูลว่า หญิงไทยส่วนใหญ่มาจากภาคเหนือของไทย เช่น ลำปาง พะเยา ได้รับการติดต่อผ่านโบสถ์แคทอลิกในประเทศไทยให้เดินทางไปแต่งงานอยู่กินกับชายชาวเกาหลีใต้ เมื่อเดินทางถึงจึงทราบว่าครอบครัวฝ่ายชายมีฐานะยากจน ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรในชนบท มีการศึกษาค่อนข้างต่ำ ทำให้ไม่สามารถสมรสกับสตรีชาติเดียวกัน ( ก็ทั้งจน ทั้งด้อยการศึกษา สาวที่ไหนจะสนใจ ) จึงจำเป็นต้องหาหญิงต่างชาติมาแต่งงานด้วยเพื่อใช้ให้ทำงานแม่บ้านและเป็นแรงงานในไร่นา ต้องทำงานหนักและมีสภาพความเป็นอยู่ที่ลำบากกว่าในประเทศไทย

สถานทูตไทยมองเห็นเรื่องนี้ว่ากำลังจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ต่อไปในอนาคต เนื่องจากมีหญิงต่างชาติถูกชักชวนมาแต่งงานในลักษณะนี้มากขึ้นทุกที ทางรัฐบาลเกาหลีใต้เองก็พยายามรณรงค์เรื่องความแตกต่างทางเชื้อชาติและวัฒนธรรมโดยหวังจะให้เกิดความสมานฉันท์และกลมกลืน แต่วิธีการก็ยังสะท้อนให้เห็นถึงการไม่เปิดใจยอมรับคนต่างชาติและความต้องการครอบคนต่างชาติให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชนชาติเกาหลี คนต่างชาติเองก็ไม่ได้รับการยอมรับ ยังคงถูกดูหมิ่นดูแคลนในสังคมเกาหลีอยู่ถึงทุกวันนี้

ปัจจุบัน ค่านิยมการแต่งงานกับคนต่างชาติมีอยู่มากในหมู่ผู้หญิงไทย ส่วนใหญ่คิดแต่ว่าการแต่งงานกับคนต่างชาติจะทำให้ตัวเองมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น คิดว่าคนต่างชาติร่ำรวยทุกคน การแต่งงานจึงไม่ได้มีพื้นฐานจากความรักความเข้าใจอย่างที่ควรจะเป็น เมื่อหลวมตัวแต่งไปแล้วบางรายก็ทนไม่ได้ต้องหย่าร้างมีปัญหาตามมาอีกมากมาย ที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ชาวต่างชาติบางรายก็มาหาแต่งงานกับหญิงไทยด้วยเหตุผลที่ไม่บริสุทธิ์ เช่น แก่แล้วต้องการคนดูแล เรียกว่าเอามาเป็นคนรับใช้นั่นเอง บางรายมาทำตัวสนิทสนมกับหญิงไทย หว่านคำหวานทุกประเภทเพื่อให้ผู้หญิงเชื่อใจจากนั้นก็หลอกเอาเงิน อันนี้มีให้เห็นมากต่อมาก ส่วนใหญ่หลอกลวงกันทางอินเตอร์เน็ตมีหญิงไทยถูกหลอกสูญเงินเป็นจำนวนมาก ที่ร้ายที่สุดก็เห็นจะเป็นการหลอกให้หญิงไทยขนยาเสพติดข้ามประเทศ ต้องติดคุกติดตะรางและถูกศาลต่างประเทศตัดสินประหารชีวิตไปแล้วนับไม่ถ้วน มีบางรายหญิงไทยไม่รู้เท่าทันหลงไปแต่งงานด้วย พอแต่งเสร็จฝ่ายชายต่างด้าวก็หายตัวไปไม่มาให้เห็นอีกเลยไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไร ก็อยากจะบอกไว้ว่าคนต่างชาติประเภทนี้เขาจะเอาทะเบียนสมรสที่จดกับหญิงไทยไปทำธุรกรรมต่างๆ เช่นเปิดบริษัท เปิดบัญชีธนาคาร รวมไปถึงการขอวีซ่าเพื่อขอมีถิ่นที่อยู่เพื่อจะได้อาศัยทำมาหากินอยู่ในเมืองไทยได้สะดวก อันนี้ก็ให้ระวังให้ดี วันดีคืนดีอาจจะมีใบแจ้งหนี้มาถึงบ้านก็เป็นไปได้ หรืออย่างเช่นในเกาหลีใต้ที่หญิงไทยบางคนแต่งงานด้วยโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ ไม่หาข้อมูลของฝ่ายชายให้ดีก่อน จึงต้องมีสามีเป็นชาวนา ต้องตกระกำลำบากทำงานหนักอยู่ในต่างแดน แย่หนักกว่าอยู่บ้านที่เืมืองไทยเสียอีก




เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เพราะมันเป็นเรื่องของชีวิตของคนทั้งคนที่จะต้องไปแต่งงานอยู่กินกับคนต่างชาติและต้องไปผจญชะตากรรมอยู่ในต่างบ้านต่างเมือง ทุกข์ทั้งกาย ทุกข์ทั้งใจ อนาคตมืดมน ก็ขอเตือนกันไว้สำหรับสาวๆ ชาวไทยที่นิยมแต่งงานกับคนต่างชาติ ขอบอกแบบฟันธงเลยว่า โอกาสที่จะประสบความสำเร็จมีชีวิตสมรสที่ราบรื่นอย่างที่หวังมีน้อยมาก อย่าเห็นแต่คนที่ประสบความสำเร็จแล้วก็คิดว่าเราต้องประสบความสำเร็จอย่างนั้นด้วย เพราะในความเป็นจริง คนที่ล้มเหลวก็มีให้เห็นมาก ยังไม่นับพวกที่ยังต้องกล้ำกลืนฝืนทนเพราะแต่งงานไปแล้ว

ของแบบนี้ก็คล้ายๆ กับการเลือกซื้อของ ต้องใจเย็นๆ คิดให้ดีๆ ไม่ต้องรีบ อย่ามองแต่ภาพลักษณ์หรือเชื่อในยี่ห้อว่าเป็นเกาหลีแล้วต้องดี ต้องเด่น ต้องดัง ของแบบนี้มันก็ไม่แน่เสมอไป เพราะถ้าไม่ดูให้ดีอาจจะต้องกลายไปเป็น เมียชาวนาที่ด้อยการศึกษา ที่เกาหลีใต้  ช่วยสามีทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำ โดนญาติสามีดูถูก เหมือนเช่นผู้หญิงไทยหลายสิบคนกำลังเผชิญอยู่

ด้วยความปรารถนาดีจาก : กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
                                กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ
                               : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล



3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ2 ตุลาคม 2555 เวลา 14:12

    ขอแสดงความคิดห็น
    จะกล่าวร้ายหนุ่มเกาหลีใต้ และรัฐบาลเกาหลีใต้อย่างเดียวก็ไม่ถูก น่าจะโทษสาวไทยที่หวังสบายและรวยทางลัดเพราะหวังความสบายและร่ำรวยจากการแต่งงานด้วย แทนที่จะบอกให้ระวัง ควรที่จะบอกสาวไทยให้รู้จักความหมายของการแต่งงานและสร้างครอบครัวมากกว่าการลงทุนแต่งงานแล้วจะสบาย คนไทยเราเอง และ ประเทศไทยก็ไม่ได้ดูแลสามีชาวต่างชาติที่แต่งงานมีครอบครัวมีลูกกับหญิงไทยเหมือนกัน พ่อต้องมีเงินเดือน แปดหมื่นบาทถึงจะอยู่ในฐานะเลี้ยงดูบุตรในเมืองไทยได้ตามกฏหมายขอตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ไม่งั้นก็ถึอวีซ่านักท่องเที่ยวไป แล้วทำไมไม่เห็นออกกฏหมายให้พ่อคนไทยต้องมีเงินเดือนสูงๆถึงจะอยู่เมืองไทยได้และมีสิทธิเลี้ยงดูลูกได้ พ่อต่างชาติบางคนมีลูกกับภรรยาไทย แต่ยังover stay เพราะถือวีซ่าได้แค่นักท่องเที่ยว ทุกสามเดือนต้องออกนอกประเทศเพื่อที่จะได้วีซ่าใหม่ กฏหมายบ้านเราก็ไม่ได้ดูแลคนที่อยากมีครอบครัวกับสาวไทยจริงๆเลยนะค่ะ เข้าใจว่าบ้านเราโสเภณีเยอะมาก และมีชาวต่างชาติที่เข้ามาในเมืองไทย แล้วแต่งงานกับโสเภณีไทยเพื่อจะได้ไปมาและอยู่สบายขึ้น ก็เค้าใจว่าต้องระวัง ไม่เห็นเหมือนสิงคโปร์ แต่งงานปีแรก ปีที่สองได้พาสปอร์ตสิงค์โปรเลย

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ18 ธันวาคม 2556 เวลา 01:51

    จอลลานัม ไม่ใช่ชื่อเมืองแต่เป็นชื่อเขต - -"

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ1 ธันวาคม 2557 เวลา 04:59

    มันแล้วแต่บางคน บางคนอาจไปได้ดี พอเห็นคนนี้ไปได้ดีเลยอยากได้ด้วย เหมือนเห็นช้างขี้ขี้ตามช้างแต่ทุกๆประเทศก็ต้องมีคนจนไม่ใช่รวยหมดทั้งประเทศ เพื่อนเราอาจโชคดีไปได้กับคนรวยแต่เราได้คนจนล้วมาโทษมันก็ไม่ถูกเพราอยากรวยทางลัดเพราะทุกคนอยากสบายไม่มีคนไหนหรอกค่ะอยากให้ตัวเองทำงานหง่อกๆในอากาศร้อนๆ

    ตอบลบ