วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

ไปคืนของที่ร้าน เจอข้อหาบุรุก


สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวลลิงตัน รายงานเข้ามาว่า มีนักท่องเที่ยวชาวไทยถูกตำรวจนิวซีแลนด์จับกุมในข้อหาบุกรุกสถานที่ จากการสอบถามทราบว่านักท่องเที่ยวชาวไทย 2 สามีภรรยา ได้เดินทางไปท่องเที่ยวที่เมืองควีนส์ทาวน์ (Queenstown) และได้ซื้อสินค้าจำพวกเครื่องสำอางและอาหารเสริมจากร้านค้าแห่งหนึ่งโดยรูดบัตรเครดิต ต่อมาทั้งสองคนเห็นว่าสินค้าที่พวกตนซื้อมาอาจจะทำให้นำ้หนักของกระเป๋าเกินน้ำหนักจึงได้กลับไปทีร้านค้าดังกล่าวเพื่อขอคืนสินค้า

ทางร้านค้าก็รับสินค้าคืนแต่โดยดี และเนื่องจากคนไทยทั้งสองคนได้ใช้บัตรเครดิตรูดซื้อสินค้าไปและยังต้องการคืนสินค้าทั้งหมด ทางร้านจึงต้องดำเนินการในการยกเลิกยอดเงินที่ได้รูดซื้อสินค้าด้วย ขณะนั้นเป็นเวลา 21.00 น. ซึ่งเกินเวลาที่ร้านค้าปิดบริการไปแล้ว 30 นาที พนักงานในร้านจึงขอให้นักท่องเที่ยวชาวไทยทั้งสองออกจากร้านไปก่อน แต่ทั้งคู่ก็ไม่ยอมทำตามเนื่องจากการคืนสินค้าและการยกเลิกบัตรเครดิตยังไม่เสร็จสิ้นและทางร้านยังไม่ได้คืนบัตรเครดิตให้ พนักงานจึงได้แจ้งตำรวจมาจับกุมและตั้งข้อหาบุกรุกสถานที่ จากนั้นนำตัวไปยังสถานีตำรวจเพื่อบันทึกปากคำ ถ่ายรูป และแจ้งให้ไปปรากฏตัวที่ศาลในวันรุ่งขึ้น

เจอเข้าไปแบบนี้ นักท่องเที่ยวชาวไทยถึงกับไปไม่เป็น ไม่รู้ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดกับตน และประเทศนิวซีแลนด์มีกฎหมายแปลกๆ แบบนี้ จึงได้โทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือจากสถานทูต ซึ่งทางสถานทูตก็ได้รีบประสานกับทั้งตำรวจและศาลที่ีเมืองควีนส์ทาวน์ทันที โดยขอให้ฝ่ายนิวซีแลนด์พิจารณาโดยเห็นแก่ข้อเท็จจริงที่ว่าคนไทยทั้งสองไม่ได้มีเจตนาจะบุกรุกใดๆ และทุกอย่างเป็นความเข้าใจผิดและการสื่อสารที่ไม่ชัดเจนจึงเกิดมีปากเสียงกับทางร้าน

วันรุ่งขึ้น ศาลเมืองควีนส์ทาวน์ได้พิจารณาว่าคนไทยทั้งสองไม่ได้มีเจตนากระทำความผิดและอาจมีปัญหาด้านการสื่อสารจึงทำให้เกิดความเข้าใจผิด จึงลงโทษเพียงปรับคนละ 300 เหรียญนิวซีแลนด์ และไม่มีการบันทึกประวัติว่าเคยถูกลงโทษในนิวซีแลนด์ คนไทยทั้งสองก็พอใจกับการตัดสินของศาลและยินยอมจ่ายค่าปรับแต่โดยดี จากนั้นก็เดินทางออกจากเมืองควีนส์ทาวน์และกลับประเทศไทยในอีก 2 วันถัดมา

เรื่องนี้ สถานทูตฝากบอกว่า นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่มีความเคร่งครัดในเรื่องการบังคับใช้กฎหมายและปฏิบัติตามระเบียบต่างๆ เช่น การเปิด-ปิด ร้านค้าก็มีกฎหมายกำหนดเวลาไว้ หากไม่ปฏิบัติตามก็อาจถูกดำเนินคดีอย่างเช่นกรณีคู่สามี-ภรรยา นักท่องเที่ยวชาวไทย คู่นี้

ที่มา : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวลลิงตัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น