วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

กงสุลไทยเข้าเยี่ยมนักโทษดคียาเสพติดในอิหร่าน


เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2555 เจ้าหน้าที่กงสุล สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน ได้เข้าเยี่ยมนักโทษหญิงไทยรายหนึ่งที่เรือนจำแห่งหนึ่งในกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน โดยหญิงไทยรายดังกล่าวต้องโทษคดีลักลอบขนยาเสพติด เป็นประเภทยาไอซ์ จำนวน 1.75 กิโลกรัม ซึ่งขณะนี้นักโทษหญิงไทยกำลังอยู่ระหว่างรอคำพิพากษาของศาลอิหร่าน

เจ้าหน้าที่กงสุลไทยรายงานว่า ได้ติดตามความคืบหน้าของคดีนี้มาตลอดตั้งแต่ที่หญิงไทยรายนี้ถูกตำรวจอิหร่านจับกุมเมื่อ 27 กรกฎาคม 2554 และจากการพูดคุยทราบว่า ก่อนจะถูกจับกุม หญิงไทยรายดังกล่าวทำงานในร้านเสริมสวยแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท กทม. และได้รับการทาบทามจากลูกค้าประจำร้านเสริมสวยรายหนึ่งซึ่งอ้างว่ามีธุรกิจนำเข้าเครื่องสำอางค์จากอิหร่านและเดินทางไปมาระหว่างไทย-อิหร่้าน ทุกสองเดือนเพื่อนำเครื่องสำอางค์เข้ามาจำหน่ายที่ประเทศไทย ลูกค้ารายนี้พูดจาหว่านล้อมให้ตนเดินทางไปอิหร่านเพื่อนำเครื่องสำอางค์จากอิหร่านกลับมาขายที่ประเทศไทย  โดยจะจัดการเรื่องที่พัก ค่าตั๋วเครื่องบิน และยังเสนอค่าจ้างสูงถึง 50,000 บาท ด้วย ตนจึงตกลง
เมื่อเดินทางถึงอิหร่าน ก็มีชายชาวอิหร่านที่พูดภาษาไทยได้นิดหน่อยมารับตัวที่สนามบินและพาไปส่งยังโรงแรมที่พัก จนกระทั่งวันที่จะเดินทางกลับประเทศไทย ชายชาวอิหร่านคนเดิมก็มารับที่โรงแรมพร้อมมอบกระเป๋าเดินทางให้เพื่อฝากไปให้ลูกค้าร้านเสริมสวยที่เป็นผู้ว่าจ้่าง ตนได้เปิดกระเป๋าเพื่อตรวจสอบดู พบว่าในกระเป๋ามีเครื่องสำอางค์และน้ำหอมวางอยู่จึงไม่ได้คิดอะไรและชายอิหร่านยังได้พาตนมาส่งถึงสนามบินด้วย แต่เมื่อกำลังจะเดินทางผ่านออกจากอิหร่านก็ถูกเจ้าหน้าที่สนามบินตรวจพบยาเสพติดซุกซ่อนอยู่ภายในกระเป๋าใบที่รับฝากมา เป็นยาไอซ์น้ำหนัก 1.75 กิโลกรัม

สถานทูตแจ้งด้วยว่า สัสดีเรือนจำอิหร่านได้ให้ความเห็นว่า กรณีหญิงไทยรายนี้ถือว่าร้ายแรงมากเนื่องจากปริมาณของยาเสพติดในครอบครองสูงถึง 1.75 กิโลกรัม ที่ผ่านมาเพียงมียาเสพติดในครอบครอง 300 กรัมก็ถูกศาลตัดสินประหารชีวิตมาแล้ว

กรณีนี้เป็นอีกหนึ่งอุทธาหรณ์สำหรับคนไทยที่เชื่อคนง่าย และเห็นแก่สินจ้างที่ได้มาโดยง่าย ไม่ได้คำนึงถึงความจริงที่ว่าเงินไม่ได้เป็นสิ่งที่หามาได้ง่ายๆ และคงไม่มีใครมาให้เราทำงานง่ายๆ ได้เงินเยอะๆ ขนาดนี้ เพราะถ้ามีหนทางที่จะหาเงินได้ง่ายจริง ก็คงไม่มีใครมาบอกเราเพราะเขาคงทำเองไปแล้ว กรณีนี้ก็เช่นกัน รายนี้ขนาดว่าเปิดกระเป๋าตรวจสอบสิ่งของที่นำมาฝากแล้วก็นับว่ายังมีความรอบคอบอยู่บ้าง แต่ก็มิวาย "โดน" จนได้

ปัจจุบันมีคนไทยกว่า 300 คน ต้องโทษจำคุกในประเทศต่างๆ ทั่วโลกในคดีเี่กี่ยวกับยาเสพติด ในจำนวนนี้ มีอยู่ 26 คนที่ถูกตัดสินหรือมีแนวโน้มว่าจะถูกตัดสินให้ประหารชีวิต คดีเกี่ยวกับยาเสพติดถือเป็นคดีร้ายแรง หลายประเทศมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต เช่น อิหร่าน จีน มาเลเซีย เป็นต้น

ที่มา : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะราน
        : กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
          กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น