วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ไทยหลอกไทย ไปลำบากไกลถึงไนจีเรีย

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูจา รายงานการให้ความช่วยเหลือหนุ่มไทยที่ถูกหลอกไปทำงานที่ไนจีเรียว่า เมื่อช่วงใกล้ค่ำของวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สถานทูตเสร็จสิ้นภารกิจประจำวันกำลังจะกลับบ้านพักก็มีหนุ่มใหญ่ชาวไทยคนหนึ่ง กระเซอะกระเซิงเหมือนหนีอะไรมา พอเจอเจ้าหน้าที่สถานทูตก็ระล่ำีะลักขอความช่วยเหลือให้ส่งตัวกลับเมืองไทยด้วย

เจ้าหน้าที่ต้องพาเข้าไปนั่งพักในสถานทูต น้ำหาท่าให้ดื่มจนสบายใจคลายกังวลจึงได้สอบถามที่มาที่ไปว่าด้วยเหตุผลกลใดหนุ่มไทยจากลุ่มเจ้าพระยาจึงได้เซถลามาถึงกรุงอาบูจาของไนจีเรียได้ หนุ่มใหญ่จากสยามเมืองยิ้มเล่าว่า เมื่อปลายปี 2555 ที่ผ่านมา ตนได้รับการแนะนำจากคนไทยที่เคยทำงานที่ไนจีเรียให้เดินทางไปไนจีเรียเพื่อทำงานในตำแหน่งกุ๊ก โดยอ้างว่าจะได้รับเงินเดือนๆ ละ 700 เหรียญสหรัฐ ( ประมาณ 20,000 บาท ) ก่อนเดินทางมีนายหน้าคนไทยรับเดินทางเรื่องให้ทุกอย่างโดยมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ 20,000 บาท หลังจากได้รับวีซ่าแล้ว หนุ่มไทยรายนี้จึงเดินทางไปไนจีเรียเมื่อวันที่ 19 ต.ค. 55 พร้อมกับคนไทยอื่นๆ ที่ไม่รู้จักอีก 5 คน เมื่อเดินทางถึงสนามบินเมืองลากอส ตนถูกแยกตัวออกไปทำงานที่เมือง Owerri ทำหน้าที่คนสวน โดยได้รับค่าจ้างเพียง 500 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 15,000 บาท  - เท่ากับค่าแรงขั้นต่ำของไทยพอดี ) ต่อเดือน ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมาตนต้องทำงานหนักทุกวัน  ทั้งงานคนสวน ปลูกดอกไม้ใส่ปุ๋ยต้นไม้ใบหญ้าต่างๆ แถมยังมีงานเสริมพิเศษ ( น่าจะเรียกว่างานเพิ่มพิเศษ คืองานเพิ่มแต่เงินไม่เพิ่ม)  จัดหนักกันมาทั้งขนลังเครื่องดื่มนับร้อยลังรวมทั้งงานอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับงานทำสวน วันหยุดก็ไม่มี เงินก็จ่ายไม่สม่ำเสมอและไม่เต็มจำนวน งานจัดเต็มแต่เงินไม่เต็มแบบนี้ ซ้ำยังเหมือนถูกควบคุมตัว ไม่มีอิสระในการไปไหนมาไหน หนุ่มไทยจึงจำต้องลาจากคิดหาทางเล็ดลอดออกมาจากขุมนรกให้ได้ จนกระทั่งโอกาสมาถึง ร.ป.ภ. ที่เฝ้าอยู่เผลอหลับยาม หนุ่มไทยจึงใช้วิชาตัวเบาที่ฝึกปรือมาตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียน โดดหนีออกจากบ้านนายจ้างมาได้ จากนั้นก็กระโดดขึ้นรถโดยสารจากเมืองนั้นหนีมายังกรุงอาบูจา ระยะทางกว่า 600 กิโลเมตร เพื่อขอความช่วยเหลือ และที่ต้องมาถึงสถานทูตเอาเกือบค่ำก็เพราะว่าโดนแท็กซี่หลอกพาไปวนรอบเมืองตั้งหลายรอบ เสียค่าโดยสารไปเกือบหมดตัว กว่าจะมาถึงจึงเกือบค่ำ

เจ้าหน้าที่สถานทูตเห็นสภาพของหนุ่มไทยแล้วก็ให้สงสาร จึงได้จัดหาที่พักและอาหารให้ชั่วคราว จากนั้น จึงได้สำรองค่าใช้จ่ายจัดการให้หนุ่มไทยเดินทางกลับบ้านไปแล้วเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์

เรื่องนี้ เป็นอุทธาหรณ์อีกเรื่องหนึ่ง และเป็นเรื่องที่พิสูจน์ให้เห็นว่า สิ่งที่กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พร่ำเตือนคนไทยไม่ให้ต้องถูกหลอกไปตกทุกข์ได้ยากในต่างประเทศนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องไกลตัวเลย การเดินทางไปทำงานในต่างประเทศไ่ม่ใช่เรื่องที่จะ "คิดกันง่ายๆ ทำกันง่าย แล้วได้สตางค์เยอะ " แต่เป็นเรื่องสำคัญกับชีวิตของท่านและครอบครัว ดังนั้น ขอให้ คิดเยอะๆ ตรวจสอบให้ดี อิงข้อมูลจากหน่วยราชการเอาไว้ก่อน อย่าไปเชื่อนายหน้าเถื่อนหรือใครก็ไม่รู้มาบอกว่าให้ไปทำงานต่างประเทศแล้วจะได้เงินดี ถ้าไม่มีสัญญาจ้างงานที่ผ่านการรับรองจากหน่วยงานของรัฐ คือกระทรวงแรงงานหรือกระทรวงการต่างประเทศ อย่าได้หลงเชื่อเด็ดขาด มิฉะนั้น จะเป็นเหมือนเช่นหนุ่มไทยรายนี้

ที่มา : สถานเอกอัึครราชทูต ณ กรุงอาบูจา
        : กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
        กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น