วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2556

สุโขทัยอบรมขายแรงต่างแดนแฉเล่ห์แก๊งตุ๋น-ถูกเบี้ยวค่าจ้าง

ในปีที่ผ่านมาจังหวัดสุโขทัยมีพี่น้องแรงงานพากันเดินทางออกไปทำงานต่างประเทศมากกว่า ๓,๐๐๐  คน   ข้อมูลนี้ได้รับการยืนยันจากสำนักงานจัดหางานจังหวัด ซึ่งให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า  ปัจจุบันชาวสุโขทัยจำนวนไม่น้อยกว่า  ๕,๐๐๐  คน  กำลังทำงานอยู่ในประเทศต่างๆ  ร่วม ๑๒๐  ประเทศข้อเท็จจริงข้างต้นส่งผลให้จังหวัดเล็กๆ ที่สงบร่มรื่นอย่างสุโขทัย ติดอันดับ  ๙  ของ  ๗๖ จังหวัดทั่วประเทศไทยที่มีแรงงานเดินทางไปต่างประเทศมากที่สุดเมื่อไปต่างแดนกันมาก  ปัญหาก็มากตามมาด้วย  ทั้งถูกนายจ้างเอารัดเอาเปรียบ  เจ็บไข้ได้ป่วย เสียชีวิต หรือกระทั่งถูกนายหน้าหลอกลวงให้เสียเงินเสียทอง  ไปแล้วไม่มีงานให้ทำตามสัญญาหลายคนต้องสิ้นเนื้อประดาตัวเพราะติดค้างหนี้สินก้อนโตตั้งแต่ยังไม่ได้เดินทางไปก็มี  
ปัญหาเหล่านี้ไม่เคยหมดสิ้นไปจากสังคมไทย โดยเฉพาะกรณี  “ไทยหลอกไทยด้วยกันเอง”
การเดินทางไปทำงานในต่างแดนจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ประชาชนในระดับรากหญ้าต้องมีความรู้ต้องเตรียมความพร้อมอย่างดี และต้องรู้เท่าทันคน  ดังนั้นกรมการจัดหางานได้ร่วมมือกับศาลากลางจังหวัดสุโขทัย  จัดโครงการเครือข่ายชุมชนร่วมรณรงค์ป้องกันการหลอกลวงและลักลอบไปทำงานในต่างประเทศในวันศุกร์ที่  ๑๔  มิถุนายน  ๒๕๕๖การอบรมดังกล่าวจัดขึ้นเต็มวันแบบติวเข้มเน้นการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน  รวมถึงการเตือนภัยให้ประชาชนได้ทราบวิธีการหลอกลวงของมิจฉาชีพในรูปแบบต่างๆ
ผู้เข้าร่วมกิจกรรมในวันนั้นเป็นบุคคลจากหลากหลายอาชีพ  อาทิ  ผู้นำท้องถิ่น  กลุ่มสตรี  ครูอาจารย์ สื่อมวลชน และเด็กนักเรียนอาชีวะ   เป้าหมายสำคัญอีกประการหนึ่งคือต้องการให้ประชาชนรวมตัวกันสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็งในชุมชนเพื่อช่วยภาครัฐป้องกันปัญหาการถูกหลอกลวง  และเพื่อบูรณาการความร่วมมือระหว่างส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้มาร่วมกันช่วยแก้ไขปัญหาจากต้นทาง
กรมการกงสุล  กระทรวงการต่างประเทศ ได้มอบหมายให้นายสุวัฒน์  แก้วสุข  ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ  เดินทางไปเข้าร่วมเป็นคณะวิทยากรเพื่อชี้แจงบทบาทการให้ความช่วยเหลือของสถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ทั่วโลกด้วยประเด็นหนึ่งที่กรมการกงสุลได้ย้ำเตือนพี่น้องแรงงานไทยอีกครั้งคือบทเรียนและผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในประเทศลิเบียเมื่อ พ.ศ.  ๒๕๕๔เพราะในครั้งนั้นก็มีแรงงานหลายร้อยคนจากจังหวัดสุโขทัยต้องประสบชะตากรรมไปด้วย บางคนเดินทางไปทำงานขุดเจาะน้ำมันกลางทะเลทราย   บ้างก็เป็นช่างก่อสร้างสารพัดโครงการ มีนายจ้างทั้งที่เป็นชาวตะวันตกและชาวลิเบีย    คนงานส่วนใหญ่ไปทำงานได้เพียงไม่กี่เดือนก็เกิดสงครามกลางเมืองขึ้น  ต้องอพยพหนีภัยออกจากประเทศนี้กันอย่างทุลักทุเล
แม้ว่าเหตุการณ์จะผ่านพ้นไปนานกว่าสองปีแล้ว  แต่ปัญหาที่คนงานประสบความเดือดร้อนก็ยังคาราคาซังอยู่เหมือนเดิม  เช่น  ไม่ได้รับเงินค่าจ้าง  สูญเสียทรัพย์สิน  และไม่มีการเยียวยาใดๆ จากนายจ้าง  ปัญหาเหล่านี้ต้องบอกว่าเป็นเรื่องน่าเห็นใจเพราะสงครามเป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมาย   เรียกว่าเกิดขึ้นที่ใดก็วิบัติกันหมด   ยากจะหาผู้รับผิดชอบหรือชดใช้ความเสียหายได้ ซึ่งจนถึงขณะนี้สถานการณ์ในประเทศลิเบียก็ยังไม่สงบเรียบร้อย   มีเหตุปะทะโจมตีด้วยอาวุธเป็นระยะ  ขนาดสถานทูตไทยและข้าราชการที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่นั่น  วันดีคืนดีก็ยังเกิดเหตุร้ายขึ้นกับตัวเองมาแล้ว เรื่องอย่างนี้คนไทยที่คิดจะเดินทางกลับไปทำงานที่ลิเบียต้องคิดกันให้รอบคอบทีเดียว
เมื่อเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา  สถานทูตไทย  ณ  กรุงตริโปลี  ได้เข้าไปช่วยเหลือแรงงานไทยจำนวน  ๗๑  คน ซึ่งถูกนายหน้าคนไทยด้วยกันหลอกลวงให้เดินทางไปประเทศลิเบีย   เสียเงินค่านายหน้านับแสนบาท  แต่ไปถึงแล้วถูกลอยแพไม่มีงานให้ทำ  ที่สำคัญทุกคนถูกหลอกให้เดินทางไปโดยไม่ผ่านขั้นตอนอนุญาตจากกรมการจัดหางานตามกฏหมายจึงฟ้องร้องเอาผิดใครได้ยาก   เดชะบุญที่ทางราชการให้ความช่วยเหลือได้ทันการณ์  
                ... การหลอกลวงแบบนี้เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ   น่าเศร้าที่คนไทยทำบาปกันเองทั้งนั้น...

นายสุวัฒน์ แก้วสุข
ผอ. กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถ.แจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม 10210
โทร. 0 2575 1047-51
โทรสาร  0 2575 1052

                                                                ..........................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น