วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

การจับตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติในเขตไซไนของอียิปต์


     แหลมไซไน ดินแดนที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างทวีปเอเชียกับทวีปแอฟริกา เป็นจุด "ร้อน" อีกแห่งหนึ่งของโลกเนื่องจากตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ เป็นรอยต่อของโลกอาหรับกับอิสราเอลที่มีความอ่อนไหวทางการเมืองสูงมาก บริเวณนี้ ยังมีคลองสุเอซ ซึ่งเป็นเส้นทางลัดสำหรับเดินเรือ ยิ่งทำให้แหลมไซไนเป็นพื้นที่ๆ สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรงทุกรูปแบบตลอดเวลา
     แต่แม้ว่าจะมีความอ่อนไหวและความไม่ปลอดภัยค่อนข้างสูง แต่ดินแดนแถบนี้ก็มีความสวยงาม มีประวัติความเป็นมาที่ีน่าสนใจและเป็นจุดท่องเที่ยวทางทะเลที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศอียิปต์ ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวนับล้านคนเดินทางไปท่องเที่ยวยังพื้นที่แถบแหลมไซไน ส่วนใหญ่มักจะเป็นนักท่องเที่ยวจากยุโรปที่หนีความหนาวเย็นมาพักผ่อนตามชายหาดที่สวยงามและอากาศที่อบอุ่น
แหลมไซไน จุดเชื่อมต่อแอฟริกาและเอเชีย
และยังตั้งอยู่ในเขตที่มีความอ่อนไหวทางการเมือง
ระหว่างอาหรับและอิสราเอลอีกด้วย
         อาณาบริเวณแหลมไซไนนั้น เป็นแหล่งที่อยู่ของชาวเบดูอิน เป็นกลุ่มชนเร่ร่อนที่อาศัยพื้นที่แถบแหลมไซไนและตะวันออกกลางมาตั้งแต่โบราณ จนเมื่อมีการแบ่งเขตประเทศต่างๆ ตามแบบรัฐสมัยใหม่ ชนเผ่าเบดูอินบางกลุ่มจึงประสบปัญหากลายเป็นพวกไร้สัญชาติและไม่สามารถปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมสมัยใหม่ได้จึงไม่ยอมรับอำนาจหรือไม่ยอมอยู่ใต้กฎหมายของรัฐสมัยใหม่ซึ่งก็คืออียิปต์ ทุกวันนี้ชาวเบดูอินในแหลมไซไนยังคงดำรงชีวิตตามวิถีของตนเช่นเดียวกับที่เป็นมาแต่โบราณและมักจะมีการกระทบกระทั่งกับฝ่ายปกครองของอียิปต์อยู่เสมอๆ ทำให้รอยร้าว ความไม่เข้าใจกันระหว่างชาวเบดูอินและฝ่ายรัฐบาลอียิปต์เกิดขึ้นอยู่เสมอมา บางครั้ง ชาวเบดูอินกระทำผิดกฎหมายของบ้านเมืองและถูกจับกุมคุมขัง แต่คนเหล่านี้ก็จะไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เขาได้กระทำลงไปเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ก็จะมีการ "เอาคืน" โดยใช้ความรุนแรง และผู้ที่มักจะได้รับผลกระทบโดยที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วยก็คือ นักท่องเที่ยว ที่ผ่านมา มีทั้งการกราดยิงนักท่องเที่ยว การลักพาตัวนักท่องเที่ยว เกิดขึ้นเสมอๆ  





ชายหาดที่สวยงามที่มีอยู่มากมายหลายจุด บนแหลมไซไน
       
       ล่าสุด ทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร ได้รายงานว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติถูกชาวเบดูอินจับตัวไปอีกแล้ว
      โดยเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มหนึ่งได้เดินทางไปท่องเที่ยวยังภูเขาเซนต์แคทเธอรีน (สถานที่ที่เชื่อกันว่าศาสดาโมเสสขึ้นไปรับบัญญัติ 10 ประการจากพระเจ้าและเป็นที่มาของคัมภีร์ในศาสนาคริสต์) และระหว่างกำลังจะเดินทางกลับไปยังกรุงไคโรนั้นเองได้มีชาวเบดูอิน 3 คน พร้อมอาวุธครบมือหยุดรถทัศนาจรและจับนักท่องเที่ยวไป 1 คน ซึ่งทางสถานทูตของนักท่องเที่ยวผู้โชคร้ายรายนี้ก็ได้ประสานการเจรจาต่างๆ ด้วยความยากลำบาก จนในที่สุด ชาวเบดูอินก็ยอมปล่อยตัวนักท่องเที่ยวรายนี้  
      จากการสอบถามข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ทราบว่า การจับตัวชาวต่างชาติของชาวเบดูอินมิได้ประสงค์ต่อทรัพย์ แต่มุ่งจับตัวชาวต่างชาติเพื่อใช้เป็นเครื่องมือต่อรองกับทางการอียิปต์ให้ปล่อยตัวเพื่อนชาวเบดูอินที่ถูกตำรวจอียิปต์จับกุมตัวไปก่อนหน้านี้ในข้อหามีอาวุธร้ายแรงในครอบครอง ตอนที่ถูกจับนั้น ไกด์ชาวอียิปต์ได้ยื่นเงินให้และยังเสนอตัวเองเป็นตัวประกันแทนแล้ว แต่ชาวเบดูอินก็ไม่ยอม

สภาพถนนในแหลมไซไน
     เหตุการณ์นี้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น และเหตุการณ์ลักษณะนี้จะยังคงเกิดขึ้นอีกในอนาคตอย่างแน่นอน นั่นหมายถึง นักท่องเที่ยวจะยังคงเสี่ยงต่อการถูกใช้เป็นเครื่องมือต่อรอง อีกทั้งทางการอียิปต์เองก็ยังไม่มีระบบหรือช่องทางที่จะจัดการกับปัญหานี้อย่างมีประสิทธิภาพ ทางสถานทูตจึงขอเตือนให้นักท่องเที่ยวชาวไทยที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวยังแหลมไซไนให้เข้าใจถึงสภาพปัญหาของพื้นที่และใช้ความระมัดระวังให้มากด้วย

เชื่อกันว่าศาสดาโมเสสขึ้นไปรับบัญญัติ 10 ประการ
บนยอดเขาไซไน

นักท่องเที่ยวนิยมเดินเท้าขึ้นบนยอดเขาไซไน
เพื่อตามรอยศาสดาโมเสส


































โบสถ์เซนต์แคทเธอรีน ตั้งอยู่ทางขึ้นไปยังยอดเขาไซไน




ชาวเบดูอินในแหลมไซไน
ที่มา : กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
          กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ
        : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร 




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น