วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

KSKS- เรื่องจริงจากญี่ปุ่น


อย่างที่พอจะทราบกันว่า ญี่ปุ่น เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีหญิงไทยเดินทางเข้าไปทำงานเป็นจำนวนมาก บ้างก็ไปทำงานร้านอาหาร บ้างไปเป็นพนักงานเสริ์ฟ บ้างแต่งงานกับสามีชาวญี่ปุ่น และ.... บ้างก็ถูกหลอกไปทำงานค้าบริการทางเพศ….
ในระยะ 3-4 ปีที่ผ่านมา หญิงไทยที่เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเพื่อไปทำงานค้าบริการ มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว และสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซากา จึงได้ประสานกับหน่วยงาน International Organization for Migration (IOM) และบ้านพักฉุกเฉิน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลคุ้มครองเหยื่อค้ามนุษย์-ค้าประเวณี และหาทางแก้ไขเพื่อลดจำนวนหญิงไทยที่เดินทางไปทำงานดังกล่าว อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
หญิงไทยส่วนมากจะเดินทางไปทำงานผ่านนายหน้า ด้วยความ สมัครใจ เพื่อไปทำงานตามเงื่อนไขที่นายหน้าเสนอให้ เช่น การทำงานในบาร์ ทำงานในร้านอาหาร พนักงานนวด โดยจะได้รับเงินเดือนจากการทำงาน และรายได้พิเศษเป็นเบี้ยบ้ายรายทางบ้าง ตามความพอใจของแต่ละคน
แต่ความเป็นจริง กลับไม่เป็นเช่นนั้น....

เมย์ เดินทางไปทำงานในบาร์ที่ประเทศญี่ปุ่นโดยผ่าน กี๋ นายหน้า ซึ่ง กี๋ เป็นธุระจัดการให้ เมย์ เดินทางไปญี่ปุ่นโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายซักบาท อีกทั้งยังสามารถจัดการให้ เมย์ เดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นอย่างถูกกฎหมาย โดยใช้วีซ่าท่องเที่ยว
เมื่อ เมย์ เดินทางไปถึง ก็ได้พบกับ ไอซ์ หญิงไทยอีกคนหนึ่งที่ไปรับ เมย์ ที่สนามบินกรุงโตเกียว ซึ่งได้บอกกับ เมย์ ว่า เมย์ จะต้องทำงานชดใช้หนี้เป็นจำนวน 4,000,000 เยน หรือประมาณ 1,600,000 บาท ซึ่ง ไอซ์ อ้างว่าเป็นค่าเดินทาง ค่าทำวีซ่า ค่าติดต่อประสานงาน และค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการเดินทางไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น เมย์ ไม่มีทางเลือก... จึงจำเป็นต้องทำตามที่ ไอซ์ สั่ง ด้วยการไปทำงานที่ร้านกินดื่มที่ จ.กุมมะ และถูกบังคับให้ขายบริการเพื่อใช้หนี้ก้อนโต ก่อนที่ร้านกินดื่มที่ เมย์ ทำงาน จะถูกตำรวจญี่ปุ่นบุกเข้าทลายในเวลาต่อมา
การที่ เมย์ เดินทางเข้าไปทำงานด้วยวีซ่าท่องเที่ยว... ซึ่งเป็นความผิดข้อหาแรกที่เธอได้รับเมื่อถูกตำรวจจับ นอกเหนือจากข้อหาทำงานผิดกฎหมาย (ขายบริการทางเพศ) ของเธอ เมย์ จึงถูกจำคุกและเสียค่าปรับเป็นจำนวนเงินมหาศาล เพื่อชดใช้ความผิด 2 กระทงนี้
ปัจจุบัน เมย์ อาศัยอยู่ที่บ้านพักฉุกเฉิน จ.กุมมะ เพื่อรอการพิจารณาคดีของเธอ ในฐานะเหยื่อค้ามนุษย์ และเป็นพยานปากสำคัญของคดีการบุกจับร้านกินดื่ม ที่เป็นฉากบังหน้าของขบวนการค้าประเวณีในประเทศญี่ปุ่น

เมย์ ยังเป็นหญิงไทยอีกคนหนึ่งที่ตัดสินการเดินทางของชีวิตของเธอในครั้งนี้ เพื่อหารายได้ที่ต้องเลี้ยงดูครอบครัวที่เมืองไทย
เธอคาดหวังว่า หากเธอสามารถลืมตาอ้าปากได้ในประเทศญี่ปุ่น เธอจะพาลูกชายวัย 8 ขวบ ของเธอมาอยู่ด้วย... แต่สิ่งที่เธอไม่เคยรู้ คือ ลูกชายที่เธอจะพามาอยู่ด้วยนั้น จะกลายเป็นเด็กมีปัญหา เพราะเด็กที่ได้เติบโตอยู่กับตา-ยาย ที่ประเทศไทย นั้น จะไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของญี่ปุ่น บางครั้งก็ไม่พร้อมที่จะเริ่มต้นคบเพื่อนใหม่ๆ สังคมวัฒนธรรมใหม่ๆ ของญี่ปุ่น ที่สำคัญ คนที่เลี้ยงลูกชายเธอมาคือคุณตาคุณยาย ดังนั้นเด็กจะไม่มีความผูกพักกับแม่ และไม่เคยทราบว่าแม่บังเกิดเกล้าของตัวเองทำอาชีพอะไร แต่เมื่อมารับรู้ความจริงทีหลัง ก็จะขาดความเคารพแม่ ต่อต้านแม่ และครอบครัวใหม่ของแม่ด้วย
อีกทั้ง การที่เด็กไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสังคมญี่ปุ่นได้ และการที่ไม่สามารถสื่อสารเป็นภาษาญี่ปุ่นได้อย่างคนท้องถิ่น ทำให้เด็กที่โตขึ้นมา ไม่มีทางเลือกในชีวิตมากนัก หางานยาก เนื่องจากคุณสมบัติไม่เพียงพอ จึงมักจบลงด้วยการทำงานแรงงาน เป็นหมอนวด เข้าสู่ขบวนการค้ายาเสพติด หรือแม้แต่การทำอาชีพขายบริการเช่นเดียวกับแม่ของตัวเอง....

เรื่องของ เมย์ เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่ง ในหลายๆ เรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับหญิงไทยที่เดินทางไปทำงานที่ญี่ปุ่น
กรมการกงสุลจึงอยาก ขอร้องท่านผู้อ่านทุกท่าน ฝากเตือนไปยังลูกหลานของท่าน ให้คิดให้รอบคอบก่อนที่ตัดสินใจ เชื่อ คนใกล้ตัว โดยเฉพาะการถูกชักจูงให้มาทำงานขายบริการเช่นนี้ เพราะผลที่ได้รับมักจะไม่คุ้มค่ากับทางเดินชีวิตที่ต้องเสียไป....

ที่มา : กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
          กรมการกงสุล



2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ15 พฤษภาคม 2556 เวลา 08:49

    ความคิดเห็นนี้ถูกลบโดยผู้ดูแลระบบของบล็อก

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ19 พฤษภาคม 2556 เวลา 11:57

    มีผู้หญิงไทยตั้งตนเป็นคนจัดหา ให้มีการขายตัว โดยหาผู้หญิงไทยจัดส่งลูกค้าตามโรงแรม มีการโฆษณาโจ่งแจ้งตามเวปไซด์ โดยมีรูปผู้หญิงไทยกว่า30คนไว้ให้ลูกค้าเลือก ที่เวปไซด์นี้
    http://thaigirl.jp/sp/cast.php ผู้จัดหาให้มีการค้าประเวณี เป็นคนไทย ชื่อ นาง หทัยกานต์ หวานใจ

    ตอบลบ