วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สาวไทยว่าที่คุณแม่ถูกจับส่งท้ายปีเก่าที่ไต้หวัน


เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2555 เสียงโทรศัพท์ของกงสุลไทยประจำสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย กรุงไทเป ไต้หวัน ดังขึ้นมาโชว์เบอร์โทรศัพท์ของใครก็ไม่รู้ นึกว่าคงมีใครทำเซอร์ไพรส์โทรมา Merry Christmas and a Happy New Year รีบคว้ามารับสาย ปรากฏว่าได้เซอร์ไพรส์ตามคาด ตำรวจไต้หวันโทรมา แต่ไม่ได้จะอวยพรเทศกาลใดๆ โทรมาแจ้งว่าได้จับกุมสาวไทย 1 ราย ที่สนามบินเถาหยวน ในข้อหามียาเสพติดประเภทเฮโรอีนในครอบครอง โดยตรวจพบเฮโรอีนปริมาณ 1,187 กรัม ในกระเป๋าเดินทาง

งานเข้ารับเทศกาลส่งท้ายปี ท่านกงสุลไม่รอช้ารีบทำเรื่องขอเข้าพบสาวไทยรายดังกล่าวทันที ทางการไต้หวันเห็นว่าใกล้จะปีใหม่แล้วก็เลยให้เข้าพบได้ (โดยปกติคดียาเสพติดในชั้นสอบสวนของอัยการแบบนี้ จะไม่อนุญาตให้พบผู้ต้องหาได้ เรียกว่าห้ามเยี่ยมห้ามประกัน จนกว่าจะอัยการจะสอบสวนเสร็จ)
ท่านกงสุลก็เลยได้พบผู้ต้องหาสาวไทย ได้ถามไถ่ว่าเป็นมายังไงถึงได้มาโดนจับถึงที่ไต้หวันตอนสิ้นปีแบบนี้

สาวไทยว่าที่คุณแม่รายนี้ให้ข้อมูลว่า ตนรู้จักกับชายชาวแอฟริกันผิวดำชื่อนายมิกกี้ ซึ่งเคยเป็นลูกค้าประจำสมัยที่ตนยังทำงานอยู่ที่พัทยา จ้างวานให้ขนกระเป๋าเดินทางไปไต้หวันโดยมีคนไทยไม่ทราบชื่ออีกคนหนึ่งเป็นผู้ดำำเนินการทุกอย่างให้ตั้งแต่จัดหาตั๋วเครื่องบิน เตรียมเอกสารและที่สำคัญเป็นคนจัดกระเป๋าใบดังกล่าวให้ด้วย พอถึงไต้หวันจะมีคนมารับของที่โรงแรม แต่มาถูกจับเสียก่อน ก่อนหน้านี้ เคยทำแบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่งได้รับค่าตอบแทน 50,000 บาท จึงตั้งใจจะทำครั้งนี้อีกครั้งเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อหาเงินเป็นค่าใช้จ่ายในเรื่องการดูแลครรภ์ (เธอตั้งครรภ์ได้ 5 เดือนแล้วกับสามีหนุ่มไทย)

ท่านกงสุลจึงขออนุญาตเจ้าหน้าที่ไต้หวันให้สาวไทยโทรศัพท์หาญาติที่เมืองไทยเพื่อแจ้งข่าว และยังได้มอบเงินสดไว้ให้จำนวนหนึ่งเพื่อให้เธอได้ใช้จ่ายส่วนตัวระหว่างถูกควบคุมตัว (เนื่องจากพบว่าเธอมีเงินติดตัวเหลือเพียง 40 บาท )

นี่ก็เป็นอีกกรณีหนึ่งสำหรับคนไทยที่คิดผิด หลงผิด ไปกระทำความผิดที่ถือว่าร้ายแรง โดยเฉพาะสำหรับบางประเทศมีโทษหนักมาก คือประหารชีวิตสถานเดียว สำหรับไต้หวันแม้อาจจะไม่ได้ถูกลงโทษสถานหนัก และแม้ว่าคุกไต้หวันจะไม่ได้มีสภาพโหดร้ายอะไรแถมยังให้การดูแลนักโทษหญิงที่ตั้งครรภ์และมีบุตรเป็นอย่างดี แต่ก็ได้ชื่อว่าได้กระทำความผิด ตราบาปจะติดตัวไปจนตลอดชีวิต อย่างเช่นหญิงไทยรายนี้ที่คงจะต้องติดคุกไต้หวัน และไม่ได้ติดคนเดียว ลูกในท้องก็ต้องพลอยติดคุกตั้งแต่ยังอยู่ในท้องแม่ไปด้วย เธอจะต้องคลอดลูกในคุก ลูกก็จะต้องเติบโตในคุก

เห็นแบบนี้แล้วก็อนาถใจ นี่อีกไม่กี่เดือนเธอก็จะคลอดลูกออกมา แล้วท่านกงสุลก็ต้องออกสูติบัตรหรือใบเกิดให้กับเด็กคนนี้ตามระเบียบ ซึ่งในใบเกิดก็จะต้องระบุด้วยว่าเกิดที่ไหน งานเข้าอีกรอบแล้วหล่ะครับท่านกงสุล แต่ยังพอมีเวลาอีกหลายเดือนให้คิดหาทางออกในเรื่องนี้ ยังไงซะ ท่านกงสุลก็คงไม่ระบุลงไปหรอกว่า เด็กคนนี้ "เกิดในคุก"

ไต้หวันเป็นที่ๆ มีคนไทยอยู่กันเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นแรงงานที่มีอยู่ถึงประมาณ 70,000 คน ซึ่งสิ่งที่อยู่คู่กับแรงงานไทยนอกจาก เหล้า การพนัน แล้ว เดี๋ยวนี้ยาเสพติด โดยเฉพาะยาบ้ากำลังระบาดหนักไปทุกที่ๆ มีแรงงานไทย อยู่ ไต้หวันก็เป็นอีกที่หนึ่งซึ่งมีคนไทยถูกจับเข้าคุกข้อหาเสพยาบ้าหลายสิบรายแล้ว ต้องหมดอนาคตเพราะนายจ้างไม่จ้างงานต่อ ก็ขี้ยา ขี้คุกใครจะอยากจ้าง ออกจากคุกก็ต้องกลับเมืองไทยสถานเดียว หนี้สินที่มีก็ยังใช้ไม่หมดกลายเป็นภาระหนักเข้าไปอีก สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะความหลงผิดของตัวเองแท้ๆ ที่ไปยุ่งเกี่ยวกับยานรก อันที่จริงทางแก้ก็ง่ายนิดเดียว "อย่ายุ่ง อย่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด" เท่านั้นเอง

ที่มา : สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย
       : กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
        กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ

   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น