กรมการกงสุลจัดนำญาติเดินทางไปเยี่ยมผู้ต้องโทษประหารชีวิตในสาธารณรัฐประชาชนจีน
ระหว่างวันที่ 19 – 21 กรกฎาคม 2553 นางสาวมธุรพจนา อินธะรงค์ รองอธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศได้นำญาติของผู้ต้องโทษประหารชีวิตในนครกวางโจว มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เดินทางไปเยี่ยมในเรือนจำ โดยได้รับความร่วมมือในการติดต่อประสานงานจากสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกวางโจว และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง
กรมการกงสุลจัดกิจกรรมดังกล่าวเป็นครั้งแรกตามโครงการ “ความหวังครั้งสุดท้าย” พาญาติไปเยี่ยมนักโทษประหารชีวิตที่นครกวางโจว โดยมีญาติของผู้ต้องโทษจำนวน 13 ราย ร่วมเดินทางไปในโอกาสดังกล่าวเพื่อเยี่ยมนักโทษจำนวน 9 ราย และนอกจากญาติแล้วคณะยังประกอบด้วยผู้แทนสื่อมวลชน และพระสงฆ์ ด้วย
โครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากทางราชการและภาคเอกชนในรูปของเงินบริจาค ซึ่งทำให้สามารถให้การสนับสนุนแก่ญาติที่ร่วมเดินทางไปด้วยโดยออกค่าใช้จ่ายเพียงหนึ่งในสามโดยภาคเอกชนที่ช่วยเหลือในการบริจาคเงินสนับสนุนโครงการเป็นนักศึกษา วปอ.รุ่น 52 ซึ่งไม่ประสงค์ออกนาม
ปัจจุบันมีผู้ต้องโทษประหารชีวิตอยู่ในเรือนจำที่นครกวางโจวจำนวน 13 ราย โดยทั้งหมดเป็นเพศหญิงและเป็นผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการลักลอบนำเข้ายาเสพติดจากประเทศไทย โดยนักโทษที่ได้รับโทษประหารชีวิตทั้งหมดอยู่ในระหว่างการรอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี ซึ่งหากในช่วงเวลาดังกล่าวนักโทษมีความประพฤติดี มีพัฒนาการทางด้านความประพฤติ มีวินัย กระทำตัวให้มีคุณูปการและปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบของเรือนจำ ก็จะได้รับการเสนอลดโทษตามที่ศาลและเรือนจำจะพิจารณาร่วมกัน
คณะที่เดินทางไปในครั้งนี้ได้เข้าไปเยี่ยมนักโทษในเรือนจำและมีโอกาสพบกับผู้ต้องโทษอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้รองอธิบดีกรมการกงสุลได้กล่าวคำปราศรัยต่อนักโทษและให้กำลังใจแก่นักโทษที่จะปฏิบัติตัวอยู่ในระเบียบ วินัยของเรือนจำ เพื่อโอกาสในการที่จะได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษ และแจ้งต่อนักโทษว่าทางราชการจะไม่ทอดทิ้งนักโทษ โดยในระหว่างที่ต้องโทษอยู่ที่เรือนจำเจ้าหน้าที่สถานกงสุลใหญ่ฯ จะเข้ามาเยี่ยมนักโทษเป็นครั้งคราว เพื่อติดตามสภาพความเป็นอยู่ รวมทั้งส่งข่าวคราวของญาติพี่น้องให้แก่นักโทษ นอกจากนั้นพระสงฆ์ที่ร่วมเดินทางเข้าไปเยี่ยมนักโทษได้เทศนาให้นักโทษปรับตัว ปรับใจรองรับกับสภาพความเป็นอยู่ใหม่ เพื่อจะได้มีกำลังใจที่จะทำความดีรอการลดหย่อยผ่อนโทษต่อไป โดยเฉพาะญาติที่เดินทางไปในครั้งนี้ปรากฏว่าได้รับความอนุเคราะห์จากเรือนจำให้เข้าเยี่ยมนักโทษได้สองวันติดกัน
ภายหลังจากที่ญาติได้เข้าเยี่ยมนักโทษแล้วต่างแสดงเจตนารมณ์ที่จะรวมตัวกันเป็นเครือข่ายต่อต้านยาเสพติด และแสดงความประสงค์ต่อสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกวางโจว ที่จะเดินทางไปเยี่ยมนักโทษทุกปี ซึ่งสถานกงสุลใหญ่ฯ รับที่จะอำนวยความสะดวกในการประสานติดต่อขอให้ญาติเข้าเยี่ยมเมื่อเดินทางไปเป็นการส่วนตัว
ระหว่างวันที่ 19 – 21 กรกฎาคม 2553 นางสาวมธุรพจนา อินธะรงค์ รองอธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศได้นำญาติของผู้ต้องโทษประหารชีวิตในนครกวางโจว มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เดินทางไปเยี่ยมในเรือนจำ โดยได้รับความร่วมมือในการติดต่อประสานงานจากสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกวางโจว และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง
กรมการกงสุลจัดกิจกรรมดังกล่าวเป็นครั้งแรกตามโครงการ “ความหวังครั้งสุดท้าย” พาญาติไปเยี่ยมนักโทษประหารชีวิตที่นครกวางโจว โดยมีญาติของผู้ต้องโทษจำนวน 13 ราย ร่วมเดินทางไปในโอกาสดังกล่าวเพื่อเยี่ยมนักโทษจำนวน 9 ราย และนอกจากญาติแล้วคณะยังประกอบด้วยผู้แทนสื่อมวลชน และพระสงฆ์ ด้วย
โครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากทางราชการและภาคเอกชนในรูปของเงินบริจาค ซึ่งทำให้สามารถให้การสนับสนุนแก่ญาติที่ร่วมเดินทางไปด้วยโดยออกค่าใช้จ่ายเพียงหนึ่งในสามโดยภาคเอกชนที่ช่วยเหลือในการบริจาคเงินสนับสนุนโครงการเป็นนักศึกษา วปอ.รุ่น 52 ซึ่งไม่ประสงค์ออกนาม
ปัจจุบันมีผู้ต้องโทษประหารชีวิตอยู่ในเรือนจำที่นครกวางโจวจำนวน 13 ราย โดยทั้งหมดเป็นเพศหญิงและเป็นผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการลักลอบนำเข้ายาเสพติดจากประเทศไทย โดยนักโทษที่ได้รับโทษประหารชีวิตทั้งหมดอยู่ในระหว่างการรอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี ซึ่งหากในช่วงเวลาดังกล่าวนักโทษมีความประพฤติดี มีพัฒนาการทางด้านความประพฤติ มีวินัย กระทำตัวให้มีคุณูปการและปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบของเรือนจำ ก็จะได้รับการเสนอลดโทษตามที่ศาลและเรือนจำจะพิจารณาร่วมกัน
คณะที่เดินทางไปในครั้งนี้ได้เข้าไปเยี่ยมนักโทษในเรือนจำและมีโอกาสพบกับผู้ต้องโทษอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้รองอธิบดีกรมการกงสุลได้กล่าวคำปราศรัยต่อนักโทษและให้กำลังใจแก่นักโทษที่จะปฏิบัติตัวอยู่ในระเบียบ วินัยของเรือนจำ เพื่อโอกาสในการที่จะได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษ และแจ้งต่อนักโทษว่าทางราชการจะไม่ทอดทิ้งนักโทษ โดยในระหว่างที่ต้องโทษอยู่ที่เรือนจำเจ้าหน้าที่สถานกงสุลใหญ่ฯ จะเข้ามาเยี่ยมนักโทษเป็นครั้งคราว เพื่อติดตามสภาพความเป็นอยู่ รวมทั้งส่งข่าวคราวของญาติพี่น้องให้แก่นักโทษ นอกจากนั้นพระสงฆ์ที่ร่วมเดินทางเข้าไปเยี่ยมนักโทษได้เทศนาให้นักโทษปรับตัว ปรับใจรองรับกับสภาพความเป็นอยู่ใหม่ เพื่อจะได้มีกำลังใจที่จะทำความดีรอการลดหย่อยผ่อนโทษต่อไป โดยเฉพาะญาติที่เดินทางไปในครั้งนี้ปรากฏว่าได้รับความอนุเคราะห์จากเรือนจำให้เข้าเยี่ยมนักโทษได้สองวันติดกัน
ภายหลังจากที่ญาติได้เข้าเยี่ยมนักโทษแล้วต่างแสดงเจตนารมณ์ที่จะรวมตัวกันเป็นเครือข่ายต่อต้านยาเสพติด และแสดงความประสงค์ต่อสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกวางโจว ที่จะเดินทางไปเยี่ยมนักโทษทุกปี ซึ่งสถานกงสุลใหญ่ฯ รับที่จะอำนวยความสะดวกในการประสานติดต่อขอให้ญาติเข้าเยี่ยมเมื่อเดินทางไปเป็นการส่วนตัว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น