วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

แก๊งค์มิจฉาชีพในอียิปต์สวมรอยโทรศัพท์ถึงสถานทูตให้ส่งเงินไปช่วยคนชาติในลิเบียที่ได้รับบาดเจ็บ



หนังสือสำนักงาน OCRC แจ้งเวียนกรณีมีมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อสำนักงานฯ เพื่อหลอกลวงสถานเอกอัครราชทูตที่มีแรงงานอยู่ในประเทศลิเบีย

แก๊งค์มิจฉาชีพในอียิปต์สวมรอยโทรศัพท์ถึงสถานทูตให้ส่งเงินไปช่วยคนชาติในลิเบียที่ได้รับบาดเจ็บ


สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2554 มีผู้อ้างตัวว่าชื่อนายอาห์เม็ด มักมูด อาตายา เป็นแพทย์อาสาสมัครชาวอียิปต์ปัจจุบันปฏิบัติงานภายใต้ International Committee of the Red Cross (ICRC) ที่เมืองซาลูม ติดชายแดนประเทศลิเบีย ได้โทรศัพท์แจ้งสถานเอกอัครราชทูตฯ ว่าขณะนี้มีคนไทยสองคนได้รับบาดเจ็บสาหัส รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอีบู เอล-วาลิด เมืองโตบล็อกในประเทศลิเบีย โดยผู้บาดเจ็บรายหนึ่งถูกปืนยิงที่ศีรษะ และอีกรายหนึ่งถูกยิงบริเวณหน้าอกใกล้หัวใจ ต้องเข้ารับการผ่าตัดด่วน ขอให้สถานเอกอัครราชทูตฯ ส่งเงินจำนวน 4,840 ปอนด์อียิปต์ ไปให้ที่ที่ทำการไปรษณีย์เมืองซาลูมเป็นการด่วน

สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ขอทราบที่อยู่ปัจจุบันของนายอาห์เม็ด รวมทั้งเอกสารข้อมูลทางการแพทย์ของคนไทยทั้งสองรายเพิ่มเติมซึ่งนายอาห์เม็ดไม่ให้คำตอบแต่อย่างใด

สถานเอกอัครราชทูตฯ จึงสอบถามสำนักงาน ICRC กรุงไคโรเพื่อขอให้ยืนยันว่ามีแพทย์ชื่อดังกล่าวปฏิบัติงานอยู่ที่เมืองซาลูมบริ เวณชายแดนอียิปต์-ลิเบีย แต่ได้รับการแนะนำให้สอบถามไปยังสำนักงาน ICRC ที่เมืองเบงกาซี ประเทศลิเบีย ซึ่งในที่สุด สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้รับการยืนยันจากสำนักงาน ICRC ในลิเบียว่าไม่มีแพทย์ชื่อดังกล่าวและไม่มีรายงานว่ามีคนไทยได้รับบาดเจ็บรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอีบู เอล-วาลิดแต่อย่างใด

ต่อมา ผู้บริหารของสำนักงาน ICRC กรุงไคโรได้โทรศัพท์สนทนากับนายชลิต มานิตยกุล เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศอียิปต์แจ้งว่า สำนักงาน ICRC กรุงไคโรมีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการที่มีคนโทรศัพท์ถึงสถานเอกอัครราชทูตฯ โดยอ้างการปฏิบัติงานภายใต้ ICRC และขอให้ส่งเงินไปช่วยเหลือคนชาติของตนที่ได้รับบาดเจ็บเป็นการด่วน ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันได้เกิดขึ้นกับสถานเอกอัครราชทูตหลายแห่งในกรุงไคโร จนสำนักงาน ICRC ประจำกรุงไคโรต้องออกหนังสือเตือนไปยังกระทรวงการต่างประเทศอียิปต์และคณะผู้แทนต่างประเทศในกรุงไคโร

สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้สอบถามสถานเอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำกรุงไคโรซึ่งทราบว่ายังมีชาวฟิลิปปินส์จำนวนมากทำงานอยู่ในประเทศลิเบีย ก็ได้รับแจ้งว่า สถานเอกอัครราชทูตดังกล่าวก็เคยได้รับโทรศัพท์แบบเดียวกับที่สถานเอกอัครราชทูตไทยได้รับ โดยบุคคลที่โทรศัพท์มาขอให้ส่งเงินไปช่วยเหลือคนฟิลิปปินส์ที่ได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้สถานเอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์แจ้งด้วยว่าได้รับทราบจากสถานเอกอัครราชทูตในกรุงไคโรบางแห่งด้วยว่า เคยมีโทรศัพท์แจ้งเรื่องลักษณะเดียวกัน ซึ่งเชื่อว่าการดำเนินการของมิจฉาชีพดังกล่าวเป็นการแจ้งเท็จเพื่อหวังเงินเท่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น