เตือนแรงงานไทยในสิงคโปร์ระวังโรคเอดส์
สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์รายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์เปิดเผยเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2553 ว่าในช่วง 6 เดือนแรก ปี 2553 ได้มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อ HIV ในสิงคโปร์เพิ่มขึ้น 373 ราย จึงคาดว่าตลอดทั้งปี 2553 จะพบผู้ติดเชื้อ HIV จำนวนใกล้เคียงกับปี 2552 คือ 643 ราย โดยผู้ติดเชื้อร้อยละ 92 เป็นเพศชายและเป็นการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ปัจจุบันทางการสิงคโปร์ได้เพิ่มการตรวจหาเชื้อ HIV โดยระหว่างเดือนมกราคม – กันยายน 2553 ได้ให้บริการตรวจเชื้อ HIV แก่ประชาชนจำนวน 143, 906 ราย เทียบกับจำนวน 129, 966 ราย ในช่วงเดียวกันปี 2552 และกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ได้มีการรณรงค์ให้มีการใช้ถุงยางอนามัยเพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อเอดส์
รัฐบาลสิงคโปร์ให้ความสำคัญอย่างสูงในการควบคุมโรคติดต่อต่างๆ โดยกรณีโรคเอดส์นั้น นอกจากออกมาตรการพื้นฐาน เช่นการตรวจหาเชื้อเอดส์ในกลุ่มเสี่ยง และการณรงค์ให้ใช้ถุงยางอนามัยแล้ว สิงคโปร์ยังออกกฎหมายโรคติดต่อปี 2551 (Infectious Disease Act 2008) กำหนดความผิดและโทษของผู้ติดเชื้อเอดส์แต่ไม่เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อคู่นอนหรือไม่ป้องกันการแพร่เชื้อ เช่น การใช้ถุงยางอนามัยระหว่างมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่น
กระทรวงการต่างประเทศจึงขอเตือนแรงงานไทยและนักท่องเที่ยวที่มีความประสงค์จะเดินทางไปทำงานหรือท่องเที่ยวในประเทศสิงคโปร์ให้ตระหนักถึงข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ข้างต้นและกฎหมายโรคติดต่อปี 2551 ของสิงคโปร์ และควรคำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองโดยป้องกันตัวด้วยการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่จะมีเพศสัมพันธ์
สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์รายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์เปิดเผยเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2553 ว่าในช่วง 6 เดือนแรก ปี 2553 ได้มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อ HIV ในสิงคโปร์เพิ่มขึ้น 373 ราย จึงคาดว่าตลอดทั้งปี 2553 จะพบผู้ติดเชื้อ HIV จำนวนใกล้เคียงกับปี 2552 คือ 643 ราย โดยผู้ติดเชื้อร้อยละ 92 เป็นเพศชายและเป็นการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ปัจจุบันทางการสิงคโปร์ได้เพิ่มการตรวจหาเชื้อ HIV โดยระหว่างเดือนมกราคม – กันยายน 2553 ได้ให้บริการตรวจเชื้อ HIV แก่ประชาชนจำนวน 143, 906 ราย เทียบกับจำนวน 129, 966 ราย ในช่วงเดียวกันปี 2552 และกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ได้มีการรณรงค์ให้มีการใช้ถุงยางอนามัยเพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อเอดส์
รัฐบาลสิงคโปร์ให้ความสำคัญอย่างสูงในการควบคุมโรคติดต่อต่างๆ โดยกรณีโรคเอดส์นั้น นอกจากออกมาตรการพื้นฐาน เช่นการตรวจหาเชื้อเอดส์ในกลุ่มเสี่ยง และการณรงค์ให้ใช้ถุงยางอนามัยแล้ว สิงคโปร์ยังออกกฎหมายโรคติดต่อปี 2551 (Infectious Disease Act 2008) กำหนดความผิดและโทษของผู้ติดเชื้อเอดส์แต่ไม่เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อคู่นอนหรือไม่ป้องกันการแพร่เชื้อ เช่น การใช้ถุงยางอนามัยระหว่างมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่น
กระทรวงการต่างประเทศจึงขอเตือนแรงงานไทยและนักท่องเที่ยวที่มีความประสงค์จะเดินทางไปทำงานหรือท่องเที่ยวในประเทศสิงคโปร์ให้ตระหนักถึงข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ข้างต้นและกฎหมายโรคติดต่อปี 2551 ของสิงคโปร์ และควรคำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองโดยป้องกันตัวด้วยการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่จะมีเพศสัมพันธ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น