วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2554

คนไทยถูกจับข้อหาค้าประเวณีและลักลอบทำงานที่โอมาน


คนไทยถูกจับข้อหาค้าประเวณีและลักลอบทำงานที่โอมาน


สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน รายงานว่า เมื่อเดือนมิถุนายน 2554 เจ้าหน้าที่ตำรวจโอมานได้ได้จับกุมชายไทยสี่คนในร้านนวดและสปาแห่งหนึ่งที่เมืองบาร์คา ภายหลังที่ถูกจับกุมผู้ต้องหาได้ร้องขอความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูตโดยมิได้แจ้งสาเหตุการถูกจับกุมให้สถานเอกอัครราชทูตทราบ เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตจึงได้ติดต่อสถานนีตำรวจบาร์คาเพื่อสอบถามรายละเอียด ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจโอมานว่า ชายไทยทั้งสี่รายถูกจับกุมในข้อหาค้าประเวณีและลักลอบทำงานในรัฐสุลต่านโอมานโดยผิดกฎหมาย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่มีพยานและหลักฐานชัดเจนว่าทั้งสี่คนกระทำความผิดจริง และแจ้งด้วยว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามพฤติกรรมการดำเนินกิจการของร้านนวดดังกล่าวมาระยะหนึ่งแล้วก่อนที่จะเข้าจับกุม โดยเจ้าหน้าที่ได้ปลอมตัวเป็นลูกค้าเข้าไปใช้บริการในร้านด้วย

ขณะนี้คดีของชายไทยทั้งสี่คนอยู่ระหว่างการส่งเรื่องฟ้องศาลยุติธรรมโดยศาลได้นัดไต่สวนครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2554 แต่ศาลมีคำสั่งเลื่อนการไต่สวนออกไป เนื่องจากในวันดังกล่าวชายไทยทั้งสี่คนแต่งกายเป็นหญิงไปขึ้นศาล ซึ่งศาลโอมานเห็นว่าเป็นการแต่งกายไม่สุภาพและไม่เหมาะสม ศาลจึงนัดพิจารณาไต่สวนอีกครั้งในวันที่ 6 กรกฎาคม 2554 แต่การพิจารณาต้องเลื่อนออกไปอีกเนื่องจากเจ้าของร้าน (sponsor) ไม่มายื่นคำให้การตามหมายนัดของศาล ดังนั้นศาลจึงมีคำสั่งให้ไต่สวนคดีอีกครั้งหนึ่งภายหลังเทศกาลถือศีลอดในปลายเดือนสิงหาคม 2554

ตั้งแต่สถานเอกอัครราชทูตได้รับการติดต่อขอความช่วยเหลือจากผู้ถูกจับกุม ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ติดตามความคืบหน้าของคดีจากทางการโอมานเป็นระยะ และได้โทรศัพท์พูดคุยกับผู้ต้องขังทั้งสี่คน มาโดยตลอดเพื่อชี้แจงให้เข้าใจถึงกระบวนการและระยะเวลาในการพิจารณาคดีของศาลโอมาน รวมถึงสอบถามความเป็นอยู่ ซึ่งได้ทราบว่าทั้งสี่คนสบายดี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดห้องควบคุมตัวแยกต่างหากจากผู้ต้องหาชายและหญิงคนอื่น แต่อาจมีข้อขัดข้องบ้างเกี่ยวกับอาหารที่เป็นอาหารมุสลิม

สถานเอกอัครราชทูตรายงานว่า ที่ผ่านมาการกระทำความผิดในลักษณะนี้ ผู้กระทำผิด ซึ่งรวมทั้งเจ้าของร้านและผู้ให้บริการทางเพศจะได้รับโทษทั้งจำและปรับตามกฎหมายโอมาน และเมื่อครบกำหนดการจำขังแล้วทางการโอมานจะเนรเทศผู้กระทำผิดกลับประเทศ โดยจะขึ้นบัญชีดำบุคคลดังกล่าว ไม่ให้เข้าประเทศเป็นเวลา 2 ปี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น