วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2554

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน




รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน


เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2554 ดร.สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เดินทางถึงกระทรวงการต่างประเทศ โดยได้ถวายสักการะพระรูปสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ พร้อมรับฟังบรรยายสรุปจากคณะข้าราชการระดับสูง จากนั้น รัฐมนตรีว่าการฯ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน สาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้

1. รัฐมนตรีว่าการฯ รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาทำงานในกระทรวงการต่างประเทศซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญต่อประเทศในยุคโลกาภิวัตน์

2. รัฐมนตรีว่าการฯ ได้รับทราบภารกิจและแผนงานด้านการต่างประเทศของไทยที่เป็นเรื่องเร่งด่วนและมีความสำคัญ อาทิ ปัญหาความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา การทำงานในเชิงรุกด้านเศรษฐกิจ การส่งเสริมการคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ และการส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศ

3. ในการนี้ โดยที่รัฐบาลยังไม่ได้แถลงนโยบาย รัฐมนตรีว่าการฯ จึงได้มอบนโยบายในหลักการเบื้องต้น ดังนี้

3.1 ดำเนินนโยบายต่างประเทศที่เป็นมิตรและเสริมสร้างความร่วมมือต่อนานาประเทศในทุกระดับและทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขประเด็นปัญหาไทย-กัมพูชา ตามแนวทางสันติวิธีและสร้างสรรค์ โดยต้องยึดหลักผลประโยชน์ร่วมกันและการส่งเสริมปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นสำคัญ

3.2 เตรียมความพร้อมของไทยเพื่อก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 โดยการสร้าง ความตระหนักรู้และความร่วมมือทั้งในภาครัฐและประชาชน

3.3 เน้นการทำงานเชิงรุกด้านเศรษฐกิจ ในการส่งเสริมการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว การแสวงหาตลาดใหม่ เพื่อรองรับกับวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่กำลังถดถอย

3.4 ทำงานเชิงรุกในการส่งเสริมคุ้มครองดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบัน การต่างประเทศไม่ใช่เรื่องไกลตัว ดังนั้น กระทรวงการต่างประเทศต้องเข้าถึงประชาชนในทุกระดับ

3.5ส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศเพื่อให้เป็นที่ยอมรับในเวทีระหว่างประเทศ เพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวต่อไป

4. อย่างไรก็ดี แนวนโยบายข้างต้นเป็นแนวนโยบายกว้างๆ ที่ยังต้องรอการแถลงนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเมื่อรัฐบาลได้แถลงนโยบายแล้ว ก็จะนำนโยบายดังกล่าวมาทำเป็นแผนปฏิบัติงานสำหรับกระทรวงฯ ต่อไป

5. นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวในประเด็นต่างๆ อาทิ

5.1 ประเด็นความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา รัฐมนตรีว่าการฯ แจ้งว่าจะมีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาประเด็นความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา และประเด็นที่ไทยได้แสดงเจตนารมณ์ที่จะถอนตัวออกจากภาคีอนุสัญญามรดกโลกระหว่างการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกก่อนหน้านี้ เนื่องจากรัฐมนตรีว่าการฯ ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีให้สรุปรายดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

5.2 ประเด็นการเยือนกัมพูชาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการฯ แจ้งว่าไม่ทราบเรื่องการเยือนดังกล่าว เพียงแต่ได้ยินตามข่าว และยังไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง

5.3 ประเด็นการให้ความช่วยเหลือนายวีระ สมความคิดและนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ รัฐมนตรีว่าการฯ ยืนยันจะให้ความช่วยเหลือเสมือนคนไทยทุกคนที่ประสบปัญหาในต่างประเทศ และอาจจะหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นหารือกับฝ่ายกัมพูชาในโอกาสการเยือนอย่างเป็นทางการ

5.4 ประเด็นการเยือนญี่ปุ่นของ พ.ต.ท.ทักษิณฯ รัฐมนตรีว่าการฯ แจ้งว่าเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยได้ขอเข้าพบเพื่อทำความรู้จัก แต่เนื่องจากในขณะนั้นยังไม่ได้มีการแถลงนโยบาย จึงได้มีการพบปะกันที่พรรคเพื่อไทย โดยในช่วงท้ายของการพบปะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นฯ ได้สอบถามว่ารัฐบาลไทยมีนโยบายห้าม พ.ต.ท.ทักษิณฯ เดินทางไปประเทศต่างๆ หรือไม่ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการฯ ได้แจ้งว่ารัฐบาลไม่มีนโยบายเช่นนั้น เพราะเป็นรัฐบาลใหม่ นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นฯ ได้แจ้งว่า พ.ต.ท.ทักษิณฯ ขอรับการตรวจลงตราเข้าประเทศญี่ปุ่น จึงอยากทราบว่ารัฐบาลไทยมีนโยบายห้ามในเรื่องนี้หรือไม่ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการฯ แจ้งว่าภาคเอกชนญี่ปุ่นเป็นฝ่ายเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณฯ ก็ขอให้รัฐบาลญี่ปุ่นพิจารณาเรื่องนี้เอง

5.5 ประเด็นการคืนหนังสือเดินทางทูตให้ พ.ต.ท.ทักษิณฯ รัฐมนตรีว่าการฯ แจ้งว่ารัฐบาลไม่มีนโยบายในเรื่องนี้ และกระทรวงการต่างประเทศก็ไม่มีการหารือในเรื่องนี้เช่นกัน ทั้งนี้ จะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย

5.6 ประเด็นอัยการสูงสุดให้กระทรวงการต่างประเทศรายงานที่อยู่ พ.ต.ท.ทักษิณฯ เพื่อดำเนินการส่งผู้ร้ายข้ามแดน รัฐมนตรีว่าการฯ แจ้งว่าเรื่องนี้มีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และหากอัยการสูงสุดมีหนังสือมาถึงกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงฯ ก็จะดำเนินการตามที่ได้รับการร้องขอ ทั้งนี้ รัฐบาลจะยึดกฎหมายเป็นหลักในการดำเนินการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น